Skip to main content
sharethis

ความเห็น 3 ฝ่าย เมื่อ ศบค. ประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินถึงสิ้น ส.ค. 'สุดารัตน์' ค้านต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้เป็นตัวทำลายความเชื่อมั่นการลงทุน-ค้าขาย 'โบว์-ณัฏฐา' ระบุพ.ร.ก.ฉุกเฉินบั่นทอนการบริหารประเทศ ด้าน'วิษณุ' แจงต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วยจนท.สนธิกำลังกระชับพื้นที่โควิดได้


แฟ้มภาพ

22 ก.ค. 2563 วันนี้หลังจากที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงถึงการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปอีก 1 เดือนจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. นี้ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งที่เห็นด้วยไม่เห็นด้วย 

'สุดารัตน์' ค้านต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้เป็นตัวทำลายความเชื่อมั่นการลงทุน-ค้าขาย

สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟสบุ๊คแฟนเพจ 'คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan' ระบุว่า ขอคัดค้านการต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ‪2 เดือนแล้วที่ไทยปลอดโควิด‪แต่รัฐบาลยังจะต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน‬ ‪คนไทยการ์ดไม่ตก ทำไมต้องใช้กฎหมายพิเศษมากำราบ ‪ถ้าคิดจะหวด ควรหวดตัวเองมากกว่า‬ เพราะความผิดพลาดที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากความประมาทเลินเล่อของรัฐบาล‬ที่ปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา

พร้อมกันนี้ได้ขอให้นายกฯช่วยอธิบาย และชี้แจงในเรื่องดังต่อไปนี้ก่อน 

1) ในเมื่อไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มา 2 เดือนแล้ว แสดงว่าเชื้อภายในประเทศหมดไปแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้น คือรัฐบาลต้องมีมาตรการที่เข้มงวดไม่ปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้ามาในประเทศ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานละหลวมปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาได้ในขณะที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่

ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรทำไม่ใช่ไปต่อพรก. ฉุกเฉิน แต่ควรจะหามาตรการ ที่เข้มงวดในการป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศได้โดยไม่เข้าระบบSQ 

2) ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องสาหัสมากสำหรับคนไทยทั่วประเทศสิ่งที่นายกควรทำคือสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ ว่าเราสามารถควบคุม COVID ได้ หากมีปัญหารัฐบาลพร้อมรับมือ ไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาข่มขู่ ทำลายความเชื่อมั่น และเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจค้าขายของประชาชน

สุดารัตน์ระบุว่า ขณะนี้ สิ่งที่รัฐบาลควรจะต้องทำเร่งด่วนคือ ต้องรีบเปิดทุกธุรกิจ และสนับสนุนให้ประชาชนทำมาหากินได้อย่างสะดวก พร้อมเร่งมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่างๆออกมาเพื่อให้คนไทยมีกำลังซื้อ

"ประชาชนรอคำชี้แจงจากนายกฯอยู่นะว่าประโยชน์ของการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อประเทศชาติและประชาชนคืออะไร หรือใช้เพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคงของตัวเอง ในการคุมนักศึกษาไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวเท่านั้น #ยกเลิกพรกฉุกเฉินทันที" สุดารัตน์ระบุ

 

'โบว์-ณัฏฐา' ระบุพ.ร.ก.ฉุกเฉินบั่นทอนการบริหารประเทศ

ณัฏฐา มหัทธนา หรือ 'โบว์' นักกิจกรรม โพสต์เฟสบุ๊คระบุว่า เป็นอำนาจและหน้าที่โดยตรงของคณะรัฐมนตรี ที่จะต้องคว่ำความพยายามต่ออายุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในครั้งนี้โดยผอ.ศบค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะทุกครั้งของการต่ออายุการใช้อำนาจพิเศษตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยมติครม. ก็คือการที่นายกฯยึดอำนาจของครม.ในการบริหารสถานการณ์ และบั่นทอนศักยภาพในการบริหารประเทศของรัฐมนตรีทุกกระทรวง พร้อมความเสี่ยงการใช้งบประมาณสูญเปล่าอย่างไร้การตรวจสอบกลั่นกรอง 

"การใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉินอย่างพร่ำเพรื่อนั้น ยังความเสียหายในทุกมิติ ไล่ตั้งแต่ปัญหาทางเศรษฐกิจ พาณิชย์ การคลัง ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน การบริหารจัดการพลังงานและทรัพยากร ปัญหาแรงงาน สวัสดิการสังคม เรื่อยไปจนถึงการศึกษา อาจมีเพียงกระทรวงเดียวที่ไม่เกิดความเสียหาย นั่นคือกระทรวงกลาโหม 

"การต่อเวลาพรก.ฉุกเฉิน ก็เท่ากับเป็นการสนับสนุนการสร้างอุปสรรคในการพัฒนาประเทศทุกด้านซึ่งเป็นงานของทุกกระทรวง ที่สุดแล้วรัฐมนตรีทุกคนจะถูกสภาประเมิน จากวิกฤตที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แต่เพราะไปลงมติครม.ยกสิทธิการบ่อนทำลายคุณภาพชีวิตทุกด้านของประชาชน ให้กับผู้นำที่ไร้วิสัยทัศน์ที่สุดเท่าที่ประเทศนี้เคยมีรัฐบาลมา 

"ท่านรัฐมนตรีทั้งหลายจะแก้ปัญหาที่ถูกซ้ำเติมด้วยวิธีนี้อย่างไร หรือจะสะสมไว้ให้รัฐบาลหน้า

"สถานการณ์โควิดในประเทศดีมากมาตั้งแต่สงกรานต์ และไม่ว่าจะมีการแออัดตามจุดรับบริจาคกี่พันคนบ่อยขนาดไหนก็ไม่เคยพบการระบาดระหว่างคนไทยด้วยกัน 

"แล้วอะไรคือ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” จะมีอะไรฉุกเฉินร้ายแรงไปกว่าการมีนายกฯชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชาการต่ออายุอำนาจพิเศษตามพรก.ฉุกเฉินที่ถูกใช้อย่างพิสดารกับผู้ประกอบการ นักเรียน ประชาชน และนักกิจกรรมมาเรื่อยๆ คือการยืมมือครม. มายึดอำนาจประชาชน 

"คณะรัฐมนตรีต้องหยุดวงจรอุบาทว์นี้ด้วยอำนาจที่ท่านมี โดยเฉพาะรัฐมนตรีจากพรรคที่ยังคิดจะมีอนาคตทางการเมือง เพราะการต่อพรก.ฉุกเฉินรอบนี้จะไม่เพียงบั่นทอนชีวิตประชาชน แต่จะหั่นเวลาของรัฐบาลและอนาคตทางการเมืองของพวกท่านลงด้วย 

"ไม่คุ้มหรอกค่ะ จะลงเรือกับใครก็เลือกบ้าง โดยเฉพาะเมื่อลากคนทั้งประเทศลงไปด้วย เพราะเครื่องชูชีพไม่ได้มีพอสำหรับทุกคน" ณัฏฐาระบุ

 

'วิษณุ' แจงต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วยจนท.สนธิกำลังกระชับพื้นที่ได้

ด้านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับแนวหน้าต่อประเด็นที่มีหลายฝ่ายเสนอให้มีการประกาศเป็นรายพื้นที่ๆไป ไม่ต้องครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ จะทำได้หรือไม่

วิษณุ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวพิจารณาตั้งแต่ครั้งแรกของการประชุม ศบค.แล้ว แต่เกิดข้อกังวลว่า คนจะเคลื่อนย้ายไปในพื้นที่ที่ไม่ได้ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน แต่โรคติดต่อไม่เหมือนกับการชุมนม ไม่เหมือนกับการก่อเหตุ ความไม่สงบเมื่อปี 57-58 เพราะเหตุดังกล่าวเราสามารถกระชับพื้นที่ได้ แต่โควิด-19 ไปทางอากาศ เราไม่สามารถกระชับพื้นที่ได้ดังนั้นจึงมีความจำเป็น ต้องประกาศทั่วประเทศ เพียงแต่ไม่เอามาตรการต่างๆ มาใช้  เพราะมาตรการที่มีอยู่ 6 มาตรการก็ยกเลิก สิ่งที่ได้ประโยชน์จากการใช้พรก. ฉุกเฉิน คือ การสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่มีกฎหมายใดให้สนธิกำลังแบบนี้ได้  เพราะ พรบ. โรคติดต่อ นั้นแพทย์เป็นคนใช้ ซึ่งไปสั่งหน่วยงานอื่นเช่นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้ หากใช้พรบ. โรคติดต่อ ประเทศไทยมี 77 จังหวัด ก็จะมี 77 มาตรฐาน  ด่านเข้าออกและด่านผ่อนปรน 70 ด่าน ซึ่งก็จะมี 70 มาตรฐาน  และนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถลงไปสั่งงานละเอียดในแต่ละด่านได้

วิษณุ กล่าวว่า ดังนั้นด้วยเหตุนี้การมีพรก. ฉุกเฉินก็จะเป็นมาตรฐานที่ใกล้เคียงกันที่สุด  เพราะบางอย่างเรายอมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้ดุลพินิจได้ และสามารถบูรณาการการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่เข้ามาร่วมทำงานเป็นจำนวนมากได้ แต่พรบ.โรคติดต่อไม่สามารถไปสั่งงานทหาร ตำรวจ เหล่านั้นได้

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net