เครือข่ายนักศึกษา 3 สถาบันย่านรังสิต รวมตัวท่ารถตรงข้ามฟิวเจอร์ ประท้วงขับไล่รัฐบาล

23 ก.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 16.30 น. เครือข่ายนิสิตนักศึกษา 3 สถาบัน ประกอบด้วย ภาคีนักศึกษาม.กรุงเทพ, กลุ่มรังสิตพะยอมเก๋า ม.รังสิต, เครือข่ายราชมงคล ม.ราชมงคล ได้นัดรวมกันบริเวณ ลานกว้างซึ่งเป็นท่ารถตู้ ตรงข้ามห้างฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต เพื่อประท้วงขับไล่รัฐบาล โดยมีผู้ร่วมการชุมนุมในช่วงแรกประมาณ 100 คน และมีผู้เข้าร่วมเดินทางมาเรื่อยๆ จนมีจำนวนประมาณ 400-500 คน 

ทั้งนี้มีรายงานว่า ระหว่างการรวมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาชี้แจงถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมสาธารณะ โดยอ่านประกาศผ่านรถกระจายเสียงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมมา

ต่อมามีรายงานว่า ได้มีชายกลุ่มหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาแสดงตัวกับนักศึกษาคนหนึ่ง พร้อมขอดูป้ายข้อความที่นักศึกษาคนดังกล่าวถืออยู่ โดยนักศึกษาไม่ยินยอมที่จะเปิดป้ายข้อความให้ดู ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มทนายความเข้ามาร่วมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย 

 ทั้งนี้นักศึกษาคนดังกล่าวให้ข้อมูลว่า ตนเตรียมป้ายข้อความมาถืออยู่ในการชุมนุม และพบว่าถูกชายกลุ่มนี้ถ่ายภาพตนเองไว้ จึงได้ถ่ายรูปกลับ และเดินออกจากสถานที่ชุมนุมมา พบว่าชายกลุ่มดังกล่าวได้เดินตาม อย่างไรก็ตามชายกลุ่มที่เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นตำรวจนั้นเป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มที่เดินตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยังไม่มีรายงานการควบคุมตัวแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกไปจากบริเวณที่นักศึกษาคนดังกล่าวยืนอยู่แล้ว

คุยกับผู้ร่วมชุมนุม 3 ท่าน ถึงสาเหตุที่มาร่วมกิจกรรม ความคาดหวัง และข้อเสนอแนะต่อการชุมนุม

บ้านเมืองเราปกครองกันแบบ ฝ่ายหนึ่งโดนเล่นงานทุกทาง แต่ว่าอีกฝั่งหนึ่งกลับสามารถรอด หลุดพ้นทุกคดีที่เค้าทำ

‘ปั้น’ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงสาเหตุที่มาร่วมชุมนุมว่า เป็นเพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันไม่มีความเป็นธรรม และมันก็ไม่เป็นประชาธิปไตย “บ้านเมืองเราปกครองกันแบบ ฝ่ายหนึ่งโดนเล่นงานทุกทาง แต่ว่าอีกฝั่งหนึ่งกลับสามารถรอด หลุดพ้นทุกคดีที่เค้าทำได้ ก็มองว่ามันไม่เป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง” ปั้น กล่าวถึงความคาดหวังต่อการชุมนุม ปั้นระบุว่าตนไม่ได้คาดหวังอะไร แต่คิดว่าเป็นการกระพือกระแสความต้องการประชาธิปไตยในหมู่เยาวชน และประชาชนคนทั่วไปมากกว่า

ก่อนหน้านี้ ปั้นเคยไปร่วมชุมนุมมาประมาณ 3-4 ครั้ง โดยเป็นการชุมนุมที่จัดที่สกายวอร์ค 2-3 ครั้ง และที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกหนึ่งครั้ง ส่วนวันเสาร์ที่ราชดำเนินฯ นั้น ตนไม่ได้ไป แต่ไปที่หน้ากองทัพบกเมื่อวันจันทร์มา

ในส่วนของการชุมนุมในครั้งหน้า ปั้น กล่าวว่า อยากให้เกิดแฟลชม็อบแบบนี้ ทั่วทุกหนแห่ง ทั่วทุกมุมเมือง แต่ว่าเกิดที่นั่นที ที่นี่ที ซึ่งปั้นเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสู้แบบปักหลัก เพราะจะนำมาซึ่งความอันตราย และรัฐบาลอาจมาแทรกแซงให้เกิดความรุนแรงได้ โดยปั้นคาดหวังอยากให้เกิดแฟลชม็อบแบบนี้ ถี่ๆ มากขึ้น เพื่อเป็นการปั่นหัวฝ่ายรัฐบาล

“ตัวผมมองว่าถึงปักหลักยังไงมันก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่แล้ว เราได้บทเรียนมาทั้ง พฤษภา’35 ทั้ง 14 ทั้ง 6 ตุลา ทั้ง นปช. ทั้ง กปปส. จริงๆ แล้วการชุมนุมแบบปักหลักยาวมันไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการเมืองไทยอยู่แล้ว เพราะถ้าประชาชนยังไม่ยึดมั่นในระบอบ มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี”

ถ้าเราไม่เรียกร้องหาประชาธิปไตยจริงๆ พวกเราก็ต้องอยู่ไปอย่างนี้ อยู่ภายใต้กระบอกปืนของเผด็จการ

“ทนกับเผด็จการเหี้ยไม่ไหว” คือเหตุผลที่ ‘ป้าเปิ้ล’ ผู้ร่วมชุมนุมอายุ 44 ปี ออกมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ โดยกล่าวต่อว่า ตนจะเป็นทัพหลังให้น้องๆ

ต่อความคาดหวัง ป้าเปิ้ล กล่าวว่าอยากให้น้องๆ นักศึกษา ‘จุด’ ให้มันลุกฮือทั้งประเทศ ลงถนน ปิดถนน เอาให้มันชนะสักที เราต้องขับไล่เผด็จการออกไป เราต้องเอาประชาธิปไตยออกมา รุ่นลูกจะมีอนาคตที่ดีภายหน้า แต่รุ่นป้า ให้มันจบที่รุ่นป้า เพราะว่าพวกป้าสู้กันมานานแล้ว สิบกว่าปีแล้ว แก่แล้ว หมดแรงแล้ว ก็ต้องรับพลังจากเด็กรุ่นใหม่ เพื่อมาสานต่อพลัง

“เพราะตอนนี้พวกเรากำลังจะอดตายแล้ว ถ้าเราไม่เรียกร้องหาประชาธิปไตยจริงๆ พวกเราก็ต้องอยู่ไปอย่างนี้ อยู่ภายใต้กระบอกปืนของเผด็จการ เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมมือร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วสู้กับเผด็จการ”

เมื่อถาม ‘ไพศาล จันปาน’ ผู้ร่วมชุมนุมอายุ 47 ปี ที่เข้าร่วมการชุมนุมมาตั้งแต่ปี 2549 ถึงคำแนะนำที่มีต่อการชุมนุมในครั้งนี้ เขากล่าวว่า วันนี้ถือว่าถูกต้อง มีนันทนาการ มีดนตรี มีปาร์ก โดยเขาเสนอแนวทางในเรื่องของความปลอดภัย คือให้มีการจัดตั้งนักศึกษา จัดเป็นทีม และให้มีสัญลักษณ์ให้คนเห็น พร้อมระบุว่า ตอนนี้ก็ถือว่าโอเค เรื่องอาหารก็มีคนซัพพอร์ต เรื่องน้ำก็มีคนซัพพอร์ต ถ้าชุมนุมยาวๆ จัดขบวนให้ได้ จัดทีมให้ได้ เพราะในวันหนึ่งก็ต้องมีการเดิน เมื่อมีการเดิน ก็เป็นโจทย์ของพวกคุณแล้วว่าพวกคุณจะบริหารจัดการยังไง แต่สำหรับตนก็คือให้ดูแลกันเอง อย่าเอาคนนอกเข้าไปแทรกแซง เพราะไม่งั้นจะควบคุมไม่ได้ 

“จุดติดแล้ว” ไพศาลกล่าวทิ้งท้าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท