Skip to main content
sharethis

สถานทูตไทยเตือนคนไทยในอุซเบกิสถานอย่าเผาแคมป์คนงานหวังกดดันกลับไทย ด้านแรงงานไทย 102 คนที่ประสงค์เดินทางกลับยังต้องเผชิญความกังวลหลังมีข่าวลือโควิด-19 ระบาดในไซต์งานและแคมป์ที่พัก

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก เผยแพร่โพสต์ทางเฟซบุ๊ก เตือนคนไทยในอุซเบกิสถานที่วางแผนเผาแคมป์คนงานประท้วงเพื่อให้ได้กลับไทยเร็วขึ้นว่า อาจเผชิญกับการถูกดำเนินคดีและจำคุก 10-15 ปี พร้อมขอความเข้าใจว่าสนามบินนานาชาติของอุซเบกิสถานยังคงปิดทำการ ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตฯ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอย่างสุดความสามารถ เพื่อนำผู้ตกค้างกลับประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ พีพีทีวี เคยรายงานถึงการขอความช่วยเหลือของวสันตร์ สุวรรณการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2563 เนื่องจากแรงงานไทยในประเทศอุซเบกิสถาน ได้รับความเดือดร้อนจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 และอ้างว่าโรคระบาดเข้ามาในไชต์งานและแคมป์ที่พักแล้ว แต่บริษัทที่อุซเบกิสถานปิดบังสถานทูตและปิดกั้นไม่ไห้สถานทูตเข้ามาช่วยเหลือ

ขณะที่ไทยพีบีเอสรายงานเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2563 ว่า มีแรงงานไทยในประเทศอุซเบกิสถาน จำนวน 102 คน ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย โดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก ซึ่งมีเขตอาณาดูแลประเทศอุซเบกิสถาน ได้ติดตามและประสานการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยกลุ่มนี้ ผ่านตัวแทนแรงงานไทยและกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำอุซเบกิสถาน 

สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ประสานงานกับบริษัทนายจ้างของแรงงานไทยและได้รับการยืนยันว่าจะดูแลแรงงานไทยในสังกัดและปฏิบัติตามกฏหมายท้องถิ่นในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยบริษัทได้จัดให้แรงงานทั้งหมดรวมถึงแรงงานไทยรับการตรวจเชื้อโควิด-19 พบว่าไม่มีแรงงานไทยติดเชื้อ แต่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา 2 คน และเกิดหวั่นวิตกหลังจากทราบข่าวว่ามีแรงงานชาติอื่นของบริษัทถูกนำไปกักตัว ซึ่งหากตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จะถูกแยกตัวไปรับการรักษาทันที ส่วนเรื่องอาหาร ยังไม่พบว่ามีการขาดแคลนแคมป์คนงานยังจัดอาหารและที่พักเป็นปกติอยู่

ทั้งนี้ เชิดเกียรติ อัตถากร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ปัจจุบันอุซเบกิสถานยังไม่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางข้ามระหว่างเขตและปิดประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ อยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเที่ยวบินสำหรับแรงงานไทยเดินทางกลับประเทศไทยในโอกาสแรก

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ประสานงานกับกระทรวงแรงงานของไทยเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับสู่มาตุภูมิของแรงงานไทย ซึ่งเดินทางมาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นสมาชิกเงินกองทุนช่วยเหลือแรงงานฯ  หากการเจรจากับบริษัทไม่สำเร็จ กระทรวงการต่างประเทศจะทดรองจ่ายค่าเดินทางให้กับแรงงานไทยตามระเบียบราชการในการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากต่อไป

ส่วนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ชี้แจงเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2563 ว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ เคยจัดเที่ยวบินพิเศษส่งแรงงานไทยที่ถูกนายจ้างลอยแพกลับประเทศไทยแล้วจำนวน 37 คน เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2563 จากประสบการณ์ ขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้เวลาประสานงานร่วม 2 เดือน นับจากที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือ จึงอยากให้แรงงานไทยในอุซเบกิสถานทราบและเข้าใจกระบวนการทำงานในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีอุปสรรคและปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น กำหนดการบินของสายการบินต่างๆ เป็นต้น

เรียน พี่น้องชาวไทยและแรงงานไทยในอุซเบกิสถาน

ด้วยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ทราบมาว่า มีคนไทยบางคนในกลุ่มของท่านกำลังวางแผนประท้วงโดยจะเผาแคมป์คนงาน เพื่อหวังจะออกสื่อ ไลฟ์สด เพื่อกดดันให้ท่านได้กลับประเทศไทยเร็วขึ้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเรียนเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่า สิ่งที่ท่านคิดนั้นผิด และท่านจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้เดินทางกลับไทย ด้วยจะต้องถูกจับดำเนินคดีและจำคุกในประเทศอุซเบกิสถาน กว่าจะได้เดินทางกลับไทยอาจเป็นเวลา 10 ปีหรือ 15 ปี ดังนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเตือนท่านด้วยความห่วงใยที่มีเสมอมา ขอให้ท่านมีความอดทนและเรียนรู้ที่จะรอเพื่อจะได้กลับบ้าน แต่ท่านจะต้องทำตามระเบียบที่ต่างประเทศกำหนดไว้ อย่าได้ทำตามใจตนเอง มิฉะนั้น ทุกอย่างที่กำลังเดินหน้าอาจกลับต้องมาเริ่มที่จุดเริ่มต้นใหม่ เมื่อรัฐบาลอุซเบกิสถานปฏิเสธคำขอของสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่ขออนุญาตพาท่านเดินทางกลับ เพราะต้องการดำเนินคดีตามกฎหมายกับท่านก่อน

คนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งหนใด ท่านคือตัวแทนของประเทศไทยเสมอ หากท่านทำอะไรไปในทางที่ดี ก็จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ หากท่านตัดสินใจทำอะไรในทางไม่ดี ก็จะทำให้ประเทศไทยเสียเครดิตกับต่างชาติและต้องใช้เวลากอบกู้ชื่อเสียงอีกนับร้อยปี สิ่งที่ท่านคิดจะเผาหรือทำลายแคมป์คนงาน เพื่อระบายอารมณ์หรือประท้วงกับการที่ยังไม่ได้เดินทางกลับไทยนั้น ขอเรียนว่า ท่านไม่ได้เพียงแต่ทำลายบ้านเมืองคนอื่น ไม่ได้ทำลาย COVID-19 แต่ท่านกำลังจะทำลายตัวเอง และที่สำคัญที่สุดท่านกำลังทำลายประเทศไทย เพื่อนท่านจะได้กลับบ้านแต่ท่านจะไม่ได้เดินทางกลับ ท่านจะต้องถูกจับและถูกจำคุกในฐานะผู้วางเพลิง ชีวิตท่านคงจะอยู่ในเรือนจำและมีชีวิตที่ลำบากกว่าปัจจุบันอย่างแน่แท้

พี่น้องแรงงานไทยทุกท่านโปรดเข้าใจด้วยว่า สนามบินนานาชาติของอุซเบกิสถานยังคงปิดทำการอยู่ ในขณะนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอย่างสุดความสามารถที่จะนำท่านกลับประเทศไทย ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมายแต่เราก็มิได้ย่อท้อในการหาทางที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด และประหยัดที่สุดสำหรับท่านที่ต้องการเดินทางออกจากประเทศอุซเบกิสถาน

สุดท้ายนี้ ขอเรียนวิงวอนให้ทุกท่าน หากไม่เห็นแก่คนอื่นแล้ว ท่านควรเห็นแก่ตัวเองบ้าง อย่าตัดโอกาสตัวท่านเองที่จะได้เดินทางไปพบครอบครัวของท่าน คนที่ท่านรัก ถึงแม้จะต้องรออีกสักพักแต่เราจะหาทางพาท่านกลับ ขอเพียงท่านมีความอดทน ระวังรักษาตนเอง สถานเอกอัครราชทูตฯ จะส่งข่าวให้ท่านทราบเป็นระยะๆ

ด้วยความปรารถนาดีที่มีเสมอมา

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก

27 กรกฎาคม 2563

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net