กลุ่มนักเรียนเลวจัดกิจกรรม Pride นักเรียนภายใต้แฮชแทค #เราไม่ใช่ตัวประหลาด และเดินขบวนไปยื่นหนังสือต่อกระทรวงศึกษาธิการในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิของนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยยื่นข้อเสนอทั้งหมด 4 ข้อเกี่ยวกับทรงผม เครื่องแบบนักเรียน การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และการขจัดการเลือกปฏิบัติ

29 ก.ค. 63 โดยขบวนของกลุ่ม 'นักเรียนเลว' เริ่มต้นเดินจากถนนราชดำเนินกลางฝั่งตรงข้ามอาคารนิทรรศ์รัตนโกสินทร์จนถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ ผ่านหน้ากองบัญชาการกองทัพบกและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนจะเดินเข้ากระทรวงศึกษาธิการ รวมระยะทางทั้งหมดกว่าสองกิโลเมตร ระหว่างเดินมีการร้องเพลง ลามะลิลา เพลงสันทนาการที่เป็นที่นิยมในกิจกรรมของนักเรียนนักศึกษา โดยมีการเปลี่ยนเนื้อเพลงให้กล่าวถึงการเลือกปฏิบัติต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศในโรงเรียน 

นอกจากนี้ตัวแทนนักเรียนที่มารวมเดินขบวนยังมีการถือป้ายที่มีข้อความต่าง ๆ เช่น “เราไม่ใช่ตัวประหลาด” “หยุดกลั่นแกล้งพวกเรา” (“Stop bullying us”) “เพศเดียวกัน ≠ โรคทางจิต” และ “ตัวของหนู ทำไมครูมีปัญหา” มีการถือร่มและธงสีรุ้งสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และมีธงสีฟ้า ชมพู และขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคนข้ามเพศและธงสีดำ ม่วง ขาว และเหลืองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มนอนไบนารี่อีกด้วย โดยผู้ร่วมเดินขบวนส่วนมากซึ่งอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนได้มีการใช้เทปกาวซึ่งบางคนระบายสีเป็นสีรุ้งมาติดที่เสื้อเพื่อปิดบังตัวย่อของชื่อโรงเรียนบนเครื่องแบบของตนอีกด้วย 

เมื่อมาถึงกระทรวงศึกษาธิการ ตัวแทนนักเรียนก็มีการอธิบายถึงปัญหาต่าง ๆ ที่นักเรียนเพศหลากหลายประสบ นอกจากนี้ยังมีการแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์​ โดยหนึ่งในตัวแทนนักเรียนนำปัตตาเลี่ยนมาโกนผมตนเองเพื่อเรียกร้องการเปิดเสรีทรงผมนักเรียน ในขณะที่ตัวแทนนักเรียนอีกคนหนึ่งถอดเครื่องแบบนักเรียนชายออกเพื่อให้เห็นเครื่องแบบนักเรียนหญิงที่ตนสวมอยู่ด้านใน นอกจากนี้ตัวแทนนักเรียนอีกคนยังทำการฉีกหนังสือเรียนวิชาสุขศึกษาซึ่งมีเนื้อหาล้าสมัยและสร้างความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ 

นอกจากนี้ นักเรียนคนหนึ่งที่มาร่วมเดินในขบวนด้วยยังสวมเครื่องแบบนักเรียนที่มีคำพูดล้อเลียนและเลือกปฏิบัติที่ตนได้รับจากทั้งเพื่อนนักเรียนและครูอาจารย์เนื่องจากตนเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศเพื่อแสดงให้เห็นถึงการกลั่นแกล้งและการเลือกปฏิบัติต่อนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศที่เกิดขึ้นในโรงเรียน

ตัวแทนนักเรียนยังได้มีการยื่นหนังสือถึงกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งระบุว่า “เนื่องด้วยในปัจจุบันสิทธิของนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศไม่ได้มีการคุ้มครองอย่างชัดเจนไว้ในกฎหมายใด ๆ จึงทำให้นักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศจำนวนมากถูกปฏิบัติด้วยความไม่เข้าใจในเพศวิถีของนักเรียน” ทางองค์กรนักเรียนเลวจึงยื่นข้อเรียกร้องทั้งหมด 4 ­ข้อต่อกระทรวงศึกษาธิการเพื่อขจัดความไม่เท่าเทียมทางเพศให้กับนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศดังต่อไปนี้ 

1. กระทรวงศึกษาธิการต้องปรับปรุงและแก้ไขระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.​2563 โดยต้องระบุให้นักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศได้มีสิทธิในการเลือกทรงผมตามเพศวิถีของตนเอง

2. นักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศต้องมีสิทธิเลือกที่จะใส่ชุดนักเรียนตามเพศวถีของตนเองและกระทรวงศึกษาธิการต้องออกแบบชุดนักเรียนเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนที่มีความลื่นไหลทางเพศหรือยกเลิกการบังคับแต่งเครื่องแบบนักเรียน เพื่อให้นักเรียนทุกคนมีสิทธิที่จะแต่งกายได้ตามเพศของตนเอง

3. ตรวจสอบ เรียกคืน และยุติการจัดจำหน่ายหนังสือเรียนที่พูดถึงความหลากหลายทางเพศในมุมมองที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งให้ยกเลิกแบบประเมินและกฎระเบียบของโรงเรียนต่าง ๆ ที่ยังมีการเหยียดเพศหรือลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ

4. ขอให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ปฏิบัติต่อนักเรียนทุก ๆ เพศอย่างเท่าเทียมกัน และห้ามดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือกลั่นแกล้งนักเรียนด้วยเรื่องเพศ

ประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มารับหนังสือ และระบุว่าการปรับแก้ระเบียบต้องมีการประชุมกันระหว่างหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต้องรับฟังทุกฝ่ายก่อนจึงรับปากไม่ได้ว่าจะเสร็จสิ้นตอนไหน แต่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 เดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวแทนนักเรียนขอให้มีการให้คำสาบานต่อหน้าสื่อมวลชน และตั้งคำถามเกี่ยวกับระเบียบทรงผมนักเรียนที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งยังมีการบังคับห้ามนักเรียนไว้หนวดเคราและไม่ได้มีการนำความคิดเห็นของตัวแทนนักเรียนเข้าไปประกอบในการออกระเบียบ ประเสริฐก็ได้กล่าวว่าจะรับหนังสือที่มายื่นวันนี้ไว้พิจารณา นักเรียนจะแสดงออกอย่างไรก็ทำไป แต่ในส่วนของผู้ใหญ่ก็ต้องมีการประชุมเพื่อรับเรื่องนี้ไปดำเนินการ ก่อนจะคืนไมโครโฟนและเดินกลับเข้าสำนักงานกระทรวงทันทีโดยไม่ได้ฟังคำพูดของตัวแทนนักเรียนจนจบ 

โดยตัวแทนของกลุ่มนักเรียนเลว กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า “จำเอาไว้นะว่าวันนี้ปลัดกระทรวงเดินหนีนักเรียนและตอบคำถามนักเรียนในปกครองของท่านไม่ได้” นอกจากนี้ยังระบุว่าตนมายื่นหนังสือเรียกร้องเกี่ยวกับทรงผมนักเรียนเป็นรอบที่สามแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้คำมั่นสัญญาใด ๆ จากทางกระทรวง ตนต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างในการเดินทางมายื่นหนังสือเอง ขอให้เปลี่ยนแปลงสักที