10 ส.ค. 2563 พาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่แกร็บรวมตัวกันที่หน้าอาคารธนภูมิ ที่ตั้งแกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) สำนักงานใหญ่ ตั้งแต่เวลา 10.10 น. เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายด้านสวัสดิการ ก่อนตัวแทนบริษัทจะเชิญตัวแทนพาร์ตเนอร์ 3 คนเข้าไปเจรจาภายในอาคารเวลา 11.20 น. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผู้บริหารจึงออกมารับเรื่องร้องเรียนด้วยตนเอง
ผู้บริหารแกร็บแท็กซี่ลงมารับข้อร้องเรียนหน้าอาคาร
ปัญหาที่ตัวแทนแกร็บพาร์ตเนอร์พยายามร้องเรียน เช่น เรื่องการข้ามเขตที่ระบบบังคับให้เปิดงานหมดทุกสาย ทำให้พาร์ตเนอร์ต้องตีรถไป-กลับแบบสิ้นเปลืองน้ำมัน ปัญหาพิพาทระหว่างวินมอเตอร์ไซค์กับวินมอเตอร์ไซค์ การให้ใช้กระเป๋าที่มีโลโก้แต่ไม่สามารถบรรจุสิ่งของได้ทุกประเภท และไม่สามารถพับเก็บได้เมื่อต้องรับส่งคน เรื่องการคุ้มครอง Partner เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ เรื่องระบบจ่ายงานของแกร็บฟู้ดที่จ่ายงานห่างกันหลายกิโลเมตร ทำให้เสียเวลาและลูกค้าไม่พอใจในการบริการ และการแบนงานที่ไม่เป็นธรรมโดยระบบ AI
ตัวแทนเจรจากล่าวว่า ผู้บริหารแกร็บรับทราบปัญหาแล้ว แต่ขอเวลาพิจารณาข้อเรียกร้องภายใน 7-10 วัน ด้านกลุ่มพาร์ตเนอร์ประกาศ ถ้า 7-10 วัน ยังไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับข้อเรียกร้องจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
ธรรมภณ อ่องลออ ผู้ขี่แกร็บไบค์
ธรรมภณ อ่องลออ ผู้ขี่แกร็บไบค์ เล่าว่า ตอนสมัครเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ แกร็บโฆษณาว่ามีประกันอุบัติเหตุให้ ส่วนตัวเขาเคยประสบอุบัติเหตุขณะรับงาน 2 ครั้ง เมื่อยื่นหลักฐานและใบรับรองแพทย์ต่อทางบริษัท กลับได้รับคำตอบว่า ให้เบิกค่ารักษาพยาบาลจาก พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ ทั้งสองครั้ง
หน่อง แกร็บยมทูตทีม ผู้ขี่แกร็บไบค์และแกร็บเอ็กซ์เพรส
หน่อง แกร็บยมทูตทีม ผู้ขี่แกร็บไบค์และแกร็บเอ็กซ์เพรส เล่าว่า ปกติพาร์ตเนอร์ต้องแบกรับความเสี่ยงในการปะทะกับวินมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว แต่บริษัทกลับบังคับซื้อเสื้อแจ็กเก็ตและกล่องเก็บอุณหภูมิติดโลโก้ ซึ่งพับเก็บได้เบาะรถจักรยานยนต์ไม่ได้ หากนำไปใช้จะยิ่งสร้างความไม่พอใจให้วินมอเตอร์ไซค์มากขึ้น และแกร็บไม่เคยให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุทะเลาะวิวาท
ยุรนันท์ ภักดีรัตน์ แกร็บฟู้ด
ยุรนันท์ ภักดีรัตน์ แกร็บฟู้ด เล่าว่า ที่มาวันนี้เพราะรู้สึกว่าค่าบริการไม่เป็นธรรม เพราะระยะหลังแกร็บปรับลดเงินจูงใจลง ส่งผลให้รายได้ลดลง
นอกจากนี้ ระหว่างการรวมตัวกันหน้าอาคารธนภูมิ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำแผงเหล็กมากั้นทางเข้าด้านหน้าอาคาร และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบอย่างน้อย 10 นาย สังเกตการณ์และถ่ายภาพอยู่โดยรอบอีกด้วย
เรียน ผู้บริหาร บจก. Grab Taxi แห่งประเทศไทย
จุดประสงค์หลักๆในการที่เหล่า Partner จากกลุ่มต่างๆของสาย GrabBike (Win , Food และ Express) เราออกมาครั้งนี้ เพราะมี 3 เรื่องหลักๆที่เกิดปัญหาขึ้น ณ ปัจจุบันนี้ ได้แก่
1. เรื่องการข้ามเขตที่ระบบบังคับให้เปิดงานหมดทุกสาย ทำให้ Partner ต้องตีรถไป-กลับแบบสิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งถ้าเรายอมเปิดรับหมดทุกประเภท แล้วอยากให้ไตร่ตรองคิดดูว่าปัญหาที่จะตามมาแบบสาย GrabFood ที่มีเสื้อ Jacket และกระเป๋าพร้อมข้ามเขตไป จนงาน Win จ่ายเข้ามา จะต้องให้ Partner เหล่านั้นใส่เครื่องแบบ พกกระเป๋า ไปรับคนแบบนั้นเลยหรือ ถ้าหากโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือขนส่งจับแล้ว ทางบริษัท Grab ก็ปัดความรับผิดชอบ ไม่จ่ายค่าปรับให้แต่อย่างใด หรือถ้าเจอปัญหาที่ในสังคมเห็นออกข่าวอยู่บ่อยๆคือ ปัญหาพิพาทระหว่างวินมอเตอร์ไซค์กับ GrabBike (Win) รับคนแล้วทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรงกันขึ้นมา ทางบริษัทก็ไม่มีใครจะลงมาดูหรือจัดการช่วยเหลือ Partner ที่ถูกทำร้ายร่างกาย หรือแม้กระทั่งสาย GrabBike (Win) ที่ข้ามเขตเขาไม่ต้องการวิ่งงานสาย GrabFood แต่ระบบบังคับให้เปิด จะให้ทาง Partner ต้องทำอย่างไร ต้องไปรับอาหารแบบไม่มีอุปกรณ์เพื่อให้ทางบริษัท Grab แบนซึ่งมันถูกต้องแล้วหรือ?
2. เรื่องการใช้กระเป๋าในงานสาย Express และความปลอดภัยของผู้ใช้ ซึ่งข้อนี้เข้าใจว่ามันจะเป็นหน้าตาให้กับบริษัท ภาพลักษณ์ของการทำงานบริการ ในการที่ต้องการให้มีกระเป๋า มี Logo แต่ทาง Partner จะขอยกตัวอย่างในด้านเสียให้เห็นภาพมี 2 ข้อที่เห็นๆ คือ
2.1 ขนาดของสินค้าหรือสิ่งของนั้นๆที่ลูกค้าให้เรา รับ-ส่ง บางอย่างก็ไม่สามารถใส่กระเป๋าที่คุณต้องการให้เราใช้ ทั้งเรื่องน้ำหนัก เรื่องขนาด และอีกหลายปัจจัยต่างๆนาๆ
2.2 บริษัทต้องเข้าใจด้วย ว่างานสาย Express 80% ของ Partner ต้องเปิดระบบ GrabBike (Win) ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งขนาดกระเป๋าที่คุณบังคับ ขนาดที่เล็กที่สุดคือ รุ่น V.1-V.2 มันมีขนาดที่ใหญ่ถึงจะพับได้ แต่รถบางรุ่นก็ไม่สามารถเก็บไว้ใต้เบาะได้ จะให้ลูกค้าถือให้ก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรและจะเป็นอันตราย เป็นเป้าสายตาวินมอเตอร์ไซค์ได้ หรือบางรุ่นวางไว้ที่พักเท้าได้แต่มันก็ไม่สมควร
3. เรื่องการคุ้มครอง Partner เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ ทุกคนพอทราบแล้วว่าประกันที่ทางบริษัทมีให้ บริษัทมีข้อกำหนดคุ้มครองในเวลาที่ Partner กดรับงานแล้วเท่านั้นและสิ้นสุดแค่ที่เรากดจบงาน อย่าเข้าใจผิดนะครับว่า บริษัทคุ้มครองตั้งแต่เราเปิดรองาน และการคุ้มครองของบริษัทประกันจะจ่ายให้เราหลังจากเราใช้ พ.ร.บ. รถครบวงเงิน เกินจากวงเงิน เขาถึงจะช่วยในส่วนต่าง แต่ทางตัวกลับต้องสำรองจ่ายไปก่อน และเราต้องทำเรื่องเบิกกับบริษัทและบริษัทก็ต้องส่งเรื่องไปที่บริษัทหลักที่สิงคโปร์ ซึ่งไม่รู้จะอนุมัติให้หรือไม่? (ในส่วนนี้ควรจะดำเนินการในประเทศไทยมากกว่า)
4. ส่วนของงานสาย GrabFood โดยตรงที่ได้รับผลกระทบคือการรับงานควบคู่ (Batch) รับงาน 2-3 ร้านส่ง 2-3 ที่ ซึ่งถ้าเป็นร้านเดียวกันจะไม่มีปัญหามากนัก แต่ระบบมักจ่ายงานร้านที่ห่างกันเป็นกิโลฯ แล้วไปส่งลูกค้าที่ห่างกันอีกหลายกิโลฯ และบางครั้งก็อยู่คนละเส้นทางทำให้เสียเวลาและลูกค้าไม่พอใจในการบริการโดยให้เหตุผลว่ารอนาน มาส่งช้า อาหารสภาพไม่สมบูรณ์ และผลกระทบในรายได้ของ Partner ต่อรอบก็ได้ไม่เท่าเดิม และ Incentive ก็ได้น้อยกว่าที่สมควรจะได้รับในรอบตามจริง
5. การแบนงาน ระงับผู้ใช้โดยไม่เป็นธรรมจากการรายงานของ Call Center และหน้าที่ของ Call Center ที่สามารถจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้กับ Partner ได้
5.1 Call Center สมควรต้องมีตลอด 24 ชั่วโมง
5.2 การระงับการใช้งานของ Partner ที่ถูกรายงาน ควรมีการไต่สวน สอบถามความจริงจาก Partner
5.3 ระบบ Ai ในการแบน Partner สมควรคัดกรองจากบุคคลที่ปฏิบัติงานในเรื่องของหน้างาน
ทั้งหมดนี้เป็นความเดือดร้อนของพวกเรา Partner สาย GrabBike (Win , Food และ Express) ซึ่งอาจจะไม่ 100% แต่พวกเรามั่นใจว่า Partner หลายๆท่านคงเจอปัญหาเช่นนี้
สิ่งที่พวกเราได้ร่างจดหมายฉบับนี้ไม่ได้มีปัญหาว่าที่สาย GrabFood จะมารับคน แต่เราอยากให้ทางบริษัทและตัว Partner เองคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยและความเหมาะสม ในการที่ Partner สาย GrabFood ที่สวมเครื่องแบบพร้อมอุปกรณ์ที่เห็นชัดเจนว่าเป็นโลโก้ของบริษัท แล้วเมื่อเผชิญหน้ากับคิววินมอเตอร์ไซค์ หรือการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือขนส่งเห็นตัวของ Partner อย่างชัดเจนจะมีผลกระทบต่อทั้งร่างกายและเงินทองเช่น โดนทำร้ายร่างกายหรือโดนค่าปรับ 2,000 บาท
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)