Skip to main content
sharethis

หลังการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2563 เกิดการชุมนุมขึ้นมากมายหลายที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่มีการประกาศชุมนุมไปจนถึงวันที่ 18 ส.ค.นี้แล้วอย่างน้อย 109 ครั้ง(จากที่ประชาไทสามารถรวบรวมได้) และหลายครั้งไม่สามารถจัดได้ แต่หลังการชุมนุมแต่ละครั้งก็มีทั้งผู้จัดทั้งคนขึ้นเวทีไปจนถึงคนที่แค่ไปเข้าร่วมชุมนุมถูกติดตามคุกคามโดยเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหรือบางครั้งก็ไม่แสดงตัวว่าเป็นใคร   

ไอลอว์เพิ่งออกรายงานการคุกคามโดยอัพเดตข้อมูลถึงวันที่ 13 ส.ค.2563 ที่ผ่านมาว่ามีจำนวนมากถึง 78 ครั้งภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ซึ่งในรายงานดังกล่าวไม่ได้ปรากฏข้อมูลเพียงการคุกคามที่เกิดจากหน่วยงานอย่างตำรวจเท่านั้นแต่ยังมีกรณีที่เกิดจากครูอาจารย์ในโรงเรียนทั้งแบบเป็นการกระทำของครูเองหรือร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีเช่นกัน

ทั้งนี้มีผู้ปราศรัยและผู้ชุมนุม 2 รายยินดีให้ข้อมูลและเปิดเผยเหตุการณ์ที่ตนถูกคุกคามแก่ผู้สื่อข่าว 

ธนายุทธ ณ อยุธยา หรือ บุ๊ค อายุ 19 ปี แร็ปเปอร์จากชุมชนคลองเตยที่ได้ขึ้นเวทีของเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจนถูกดำเนินคดี ทั้งนี้เขาก็ได้ไปแร็ปการเมืองแทนการปราศรัยตามเวทีชุมนุมต่างๆในรอบเดือนที่ผ่านมา ธนายุทธเล่าว่าตนถูกเจ้าหน้าที่คุกคาม 4 ครั้ง ตั้งแต่ไปชุมนุมวันที่ 18 ก.ค.

9 ส.ค.2563 ช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากออกไปกินข้าวแล้วกลับเข้าบ้านครอบครัวเล่าให้ฟังว่ามีคนมาถามหาเขาด้วยชื่อเล่น แต่ไม่ใช่คนรู้จักของเขาเพราะถ้าเป็นคนรู้จักและอยู่ในชุมชนคลองเตยคนที่บ้านจะรู้จักหมดแต่กลับไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คนที่มาหาก็แต่งตัวแบบปกติกางเกงยีนส์เลย ธนายุทธตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเป็นคนข้างนอกจะเข้ามาที่บ้านจะต้องทักมาหาตนก่อนเพราะสำหรับคนทั่วไปพื้นที่นี้ก็ดูอันตราย อาจจะเป็นตำรวจในพื้นที่หรือเป็นคนที่ถูกส่งมาตามก็ได้  

ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. ธนายุทธแจ้งมาว่ามีเจ้าหน้าที่จำนวน 5 คนด้วยรถ 2 คัน มาบริเวณ ใกล้บ้านตอนเวลา 7 - 9 โมงเช้า เจ้าหน้าที่มาถามคนบริเวณนั้นว่ารู้จักผมไหม เเล้วบอกว่าจะมาจับผม 8 ข้อหา เเต่ก็ไม่ได้เข้ามาบริเวณบ้าน  

ธนายุทธบอกว่าถ้าจะมีคนมาติดตามก็ค่อนข้างง่ายเนื่องจากเขาออกสื่อเยอะและเคยมีโทรทัศน์มาถ่ายที่บ้าน แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคนมาตามหาแบบนี้มาก่อน และตั้งแต่ตนไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพอไปหลายๆ งานก็เหมือนถูกมองตลอดเวลา  

นอกจากนั้นธนายุทธยังถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามในที่ชุนนุมอีกสามครั้งคือที่รังสิต 23 ก.ค.2563 สุพรรณบุรี 29 ก.ค. และไปรษณีย์กลางบางรักวันที่ 31 ก.ค.  ที่โดยครั้งที่สุพรรณบุรีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบถึงกับเข้ามาคุมตัวและยึดบัตรประชาชนไปถ่ายรูปแม้เขาจะไม่อนุญาตให้ถ่ายก็ตามและเมื่อเขาถามกลับว่าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็บอกเพียงว่า “ถ้ามีอะไรก็ตามเอาจากพี่นะแหละ”  

ธนายุทธ ณ อยุธยา(ขวา) กำลังแร็ปเนื้อหาการเมืองที่หน้าไปรษณีย์กลางบางรัก เมื่อ 31 ก.ค.2563

“ผมก็รู้สึกว่ามันไม่มีความเท่าเทียม ในระบบประชาธิปไตยมันออกสิทธิออกเสียงได้ จะมีทั้งคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วยตรงนี้ผมก็เข้าใจ แต่ว่าส่วนใหญ่ในประเทศของเราที่ว่าเป็นประชาธิปไตยเราไม่ให้โอกาสคนได้ออกสิทธิออกเสียงที่เห็นต่าง พอใครเห็นต่างก็จะถูกแบ่งแยกไปเป็นอีกฝ่าย ซึ่งผมมองว่ามันไม่มีความเท่าเทียม ผมไม่รู้สึกกลัวยังอยากที่เดินหน้าทำต่อไป”  ธนายุทธกล่าว เมื่อถามครอบครัวรู้สึกอย่างไรเขาบอกว่าแค่ได้รับคำเตือนให้ระวังตัวมากขึ้น “เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ไปทำกิจกรรม ผมก็บอกเขาว่าสิ่งที่ผมไปทำเป็นสิ่งที่ดีนะ แค่สังคมหรือคนบางคนมองว่าไม่อยากให้เราไปชุมนุม อธิบายแล้วเขาก็เข้าใจ แต่เขาก็เป็นห่วงตามความเป็นพ่อเป็นแม่” 

ธนายุทธบอกว่าตนเด็กคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตลำบากมาตลอดและรู้สึกว่าไม่ได้รับโอกาสหรือสวัสดิการอะไรจากรัฐอย่างเท่าเทียม “ผมเกิดที่คลองเตยก็ทำเพลงที่เล่าถึงสังคมชีวิต ผมชอบที่พูดแทนคนในสังคมเหมือนเป็นกระบอกเสียงให้กับพวกเขา ซึ่งผมเจอปัญหามาแทบจะทั้งชีวิตเลย ผู้อยู่ในคลองเตยคนก็ชอบมองว่าที่นี่ไม่ดี ผมเจอความเหลื่อมล้ำตั้งแต่เด็กแล้ว” 

ศาลคืนคำร้องฝากขังอานนท์-ไมค์ ตร. ขังต่อที่ สน.ห้วยขวาง

ทศพร (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี 1 ในผู้ถูกกล่าวหาดำเนินคดีเพียงแค่ไปชุมนุมที่อนุาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. หลังจากเขาแจ้งประชาไทว่าตนถูกคุกคามในวันที่ 13.ส.ค. เขาได้ให้ข้อมูลเพิ่มกับผู้สื่อข่าวถึงลำดับเหตุการณ์ที่ตนถูกคุกคามหลังจากมีชื่อปรากฏเป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมในคดีการชุมนุมของเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2563 โดยเขาถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 10-12 ที่ผ่านมา 

เขาเล่าว่าเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 เขาเริ่มรู้ตัวว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาตามหา ตามที่คนดูแลหอบอกกับทศพรว่า มีการนำรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กของเขาให้คนแถวหอดูโดยเดินทางมาด้วยรถกระบะฟอร์จูนเนอร์สีดำ 1 คันกับเก๋งสีดำ 1 คัน เข้ามาในหอแล้วค้นกองจดหมาย หลังจากนั้นได้เดินสำรวจตึก ตนรู้สึกตกใจมากเพราะเป็นครั้งแรกเลยที่เจอแบบนี้ แต่ทศพรก็ยังตั้งสติออกไปทำงาน  

เมื่อทศพรไปถึงที่ทำงาน คนระแวกนั้นเข้ามาบอกทศพรว่า มีตำรวจนอกเครื่องแบบเอารูปของทศพรให้ดูแล้วถามว่ารู้จักหรือเคยเห็นบ้างไหมพอถูกถามกลับไปว่าตามตัวทำไมก็ไม่ยอมบอก  

“ตอนนั้นผมกลับห้องทันทีด้วยความกลัว รีบโทรหาศูนย์ทนายแล้วก็ปรึกษาว่าเราจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี ก็ได้รับคำตอบถึงสิทธิที่เรามีและขอบเขตอำนาจที่ตำรวจจะกระทำได้ ผมจึงเริ่มตั้งสติได้” ทศพรเล่าความรู้สึก 

เขาเล่าเหตุการณ์วันต่อมา(11 ส.ค.63) ว่า “เริ่มต้นวันใหม่ก็เริ่มปรึกษาเพื่อนและใครหลายคนได้คำตอบกับตัวเองว่า ถ้าจะมาหนีอยู่แบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องงานการก็ต้องทำ จึงได้ออกไปทำงาน ออกมาถึงก็เจอรถเจ้าหน้าที่คันเดิมเลย ก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่เหมือนกันแต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทำยังไง ถ้าเข้ามาคุยดีๆก็ดีไป พบว่าได้มีการถ่ายรูปผมเก็บไว้ตามที่คนแถวนั้นเห็น แล้วก็เฝ้าอยู่ห่างๆไม่ทำอะไร จนผมเลิกงานกลับบ้านก็ยังเห็นสตาร์ทเครื่องแล้วจอดอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน”   

จากนั้นวันที่ 12 ส.ค.เขาจึงไม่พบว่ามีการติดตามแล้ว จนกระทั่ง 1.55 น. ของวันที่ 13 ก.ค. ทศพรได้แจ้งมาที่ผู้สื่อข่าวว่ามีคนมาถามหาตนและให้ดูรูปตนกับคนแถวที่พักของตน รวมทั้งเพื่อนตนก็แจ้งว่า มีกลุ่มคนจำนวน 6 คน ไม่สวมเครื่องแบบ แต่ทรงผมเกรียนขับรถวนหาตนแถวที่พักมา 2-3 วันแล้ว กลุ่มคนดังกล่าวยังขอ รปภ.เข้ามาตรวจหอพัก และถ่ายรูปกล้องวงจรปิดด้วย ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นใคร 

ทศพรยังกล่าวต่อว่า “จากเหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่าเจ้าที่ดำเนินการอย่างไรเวลาลงพื้นที่พบปะประชาชน มันใช่เรื่องไหมที่ผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นทนายอานนท์ หรือ เพนกวินและใครอีกหลายคน ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ควรจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น พวกเราไม่ใช่ผู้ร้ายนะแค่อยากจะเห็นประเทศดีขึ้นมันผิดเหรอไง ดูออกนะว่ากลัวแค่ไหนถึงได้ทำแบบนี้ เอาความจริงมาคุยกัน” 

'รุ้ง-เพนกวิน' 2 แกนนำ สนท. โพสต์มีเจ้าหน้าที่ตามถึงหอพัก หวั่นถูกจับกุมกลางดึก 

นอกจากนั้นผู้สื่อข่าวติดตามกรณี มิน ปพัชชา บู่สังข์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมปราศัยในการชุมนุมของ 'ธรรมศาสตร์และการชุมนุม' ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ต่อ หลังจากพบว่าเธอเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อเวลา 24.00 น. ของวันที่ 12 ส.ค.2563 ว่ามีคนตามหาตนที่บ้านตั้งแต่เช้าของวันที่ 11 ส.ค.2563 แล้ว โดยช่วงสายถึงเที่ยง ครอบครัวโทรมาบอกตลอดว่ามีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ วนเวียนบริเวณบ้านตลอดเวลา ตนจึงต้องหลบออกมา เหตุการณ์ของเธอเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง และ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ถูกติดตามคุกคามเช่นกัน  

"หากมีการเซฟใคร ช่วยเซฟเราและทางบ้านเราด้วยได้มั้ย เราเป็นเพียงเยาวชนคนนึงเท่านั้น" ปพัชชาเขียนไว้ในโพสต์ของเธอ  

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถหาช่องทางติดต่อกับปพัชชาได้ แต่เพจของกลุ่ม Youth Matter ได้เปิดเผยข้อมูลทั้งลำดับเหตุการณ์และสถานะปพัชชา ดังนี้ 

1. มิน ได้กลับมาถึงที่พัก โดยมีทีมการ์ด 5 คนจากภายในงานมาส่งที่หน้าปากซอยที่พัก แต่ไม่ถึงบ้าน 

2. มิน ได้โพสต์สุดท้ายไว้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอในเวลา 23.00 น. แต่ไม่สามารถติดต่อได้หลังจากนั้น จึงมีการดำเนินการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังไม่พบเจอ 

3. มิน ได้ถูกพาตัวออกมาจากที่พักอาศัย และได้รับการคุ้มครองในสถานที่ปลอดภัยในรุ่งเช้าวันต่อมา 

4. ครอบครัวของมิน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 คันรถ และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่ทราบสังกัดติดตามมาที่บ้านของเธอและครอบครัวในเวลา 11.30 น. แต่ไม่เจอตัว และพยายามกดดันให้เปิดเผยที่อยู่ปัจจุบัน 

5. สถานศึกษาของเธอมีการเรียกให้ผู้มีความเกี่ยวข้องภายในสถานศึกษา เพื่อกดดันอีกทาง โดยหนึ่งในนั้นมีอายุเพียง 12 ปี ก็ถูกเรียกเข้าพบด้วย 

6. มิน จึงปลอดภัยอยู่ในขณะนี้ แต่ผู้ร่วมปราศัยและผู้มีส่วนในการจัดกิจกรรมดังกล่าวกลับถูกคุกคาม  

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net