กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดปักหลักปิดเหมืองวันที่ 4 ออกแถลงการณ์เตรียมยกระดับการชุมนุม หลังเข้าฟังแถลงคดีของศาลปกครองที่ชาวบ้านฟ้องให้เพิกถอนใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าทำเหมือง 18 ส.ค. 2563 นี้ พร้อมเตรียมบุกกระทรวงอุตสาหกรรมประจานความล้มเหลวและความเพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน
16 ส.ค. 2563 นักปกป้องสิทธิฯ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได รายงานบรรยากาศการชุมนุมปิดเหมืองของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ภายหลังจากที่ตัวแทนชาวบ้านได้เข้าไปติดตามทวงถามการปิดเหมืองอย่างถาวรกับผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภูและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่การติดตามทวงถามล้มเหลวเพราะทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิเสธที่จะปิดเหมืองให้ชาวบ้าน โดยอ้างระเบียบขั้นตอนของราชการจนชาวบ้านได้เดินทางมาปิดทางเข้า-ออกเหมืองด้วยตัวเองเป็นวันที่ 4
โดยวันนี้ (16 ส.ค.) นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ที่ปักหลักชุมนุมอยู่หน้าเหมืองได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ในการต่อสู้ยืนหยัดเพื่อชัยชนะ โดยนางเปี่ยม สุวรรณสนธ์ ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ได้อ่านข้อความในแถลงการณ์โดยมีรายละเอียดว่านับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. 2563 ที่พวกเราชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของการบริหารบ้านเมืองของจังหวัดหนองบัวลำภู นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ส่งรองผู้ว่ามาเจรจากับพวกเรา
พวกเราได้มาปักหลักอยู่ที่ทางเข้าเหมืองเพื่อประจานความล้มเหลวที่เกิดจากการผสมพันธุ์กันระหว่างผู้ว่าหนองบัวลำภูกับเจ้าของเหมืองหินพวกเรามีความคืบหน้าที่จะแจ้งให้สาธารณชนได้รับทราบ ดังนี้
1.จะมีตัวแทนของพวกเราเดินทางไปที่ศาลปกครอง กรุงเทพฯ เพื่อฟังการแถลงคดีก่อนการพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ในคดีที่พวกเราฟ้องให้เพิกถอนใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลาง เพื่อทำเหมืองแร่หินปูน และใบอนุญาตประทานบัตร ที่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 3 และ 24 ก.ย. 2563 ตามลำดับ
ถ้าการแถลงคดีสอดคล้องกับคำพิพากษาชั้นต้นของศาลปกครองที่ให้ยกเลิกใบอนุญาตทั้งสอง ก็คงจะเป็นกำลังใจให้เราได้เป็นอย่างดี ที่คาดว่าคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดน่าจะเดินรอยตาม ในการนำไปสู่ความไม่มีเหตุผลและชอบธรรมเพียงพอที่หน่วยราชการต่าง ๆ จะต่อใบอนุญาตทั้งสองอีกต่อไปในอีกสิบปีข้างหน้า
หรือหากผลของการแถลงคดีออกมาตรงข้าม ก็ไม่ทำให้พวกเราท้อแท้สิ้นหวังแต่อย่างใด เพราะผลของคดีเป็นเรื่องของใบอนุญาตทั้งสองที่จะสิ้นอายุในเดือน ก.ย. 2563 นี้เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อขอต่ออายุใบอนุญาตทั้งสองไปอีกสิบปีที่พวกเราได้มาทำการปิดเหมืองแต่อย่างใด
2.ในวันเดียวกัน เราจะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อประจานความล้มเหลวและความเพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพวกเรามาเป็นเวลานาน โดยให้ลงมาเจรจากับเราในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
เราจะรอคอยการแก้ไขปัญหาอย่างอดทน ไม่หวั่นไหว ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปิดเหมืองให้ได้ในรุ่นเรา ภายใต้ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ
(1) ปิดเหมืองหินและโรงโม่
(2) ฟื้นฟูภูผาป่าไม้
(3) พัฒนาดงมะไฟให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและอารยธรรมโบราณคดี
ด้านนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ระบุว่าขณะนี้เรายังไม่รีบร้อนอะไรมาก เพราะเราต้องรอดูท่าทีของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นเราพยายามปักหลักชุมนุมกันอยู่บนทางเข้าเหมือง เพื่อที่จะทำให้เราอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพื่อรอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฝนตกตลอดเกือบทุกวันก็เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมพอสมควร สัปดาห์หน้าเราถึงจะเริ่มดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเข้มข้น หลังจากวันที่ 18 ส.ค. ที่พวกเราได้เข้าไปฟังแถลงคดีที่เราได้ฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลาง เพื่อทำเหมืองแร่หินปูน และใบอนุญาตประทานบัตรที่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 3 และ 24 ก.ย. 2563 ซึ่งหลังจากที่เราได้ฟังแถลงคดีจากศาลปกครองแล้วเราจะเข้าไปยื่นเรื่องให้หน่วยงานต้นสังกัดของผู้อนุมัติ อนุญาตให้มีการทำเหมืองที่กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานรู้ว่าหน่วยงานระดับจังหวัดได้เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของชาวบ้านอย่างไร และนอกจากนี้เรายังจะเข้าไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของรัฐสภา เพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐมาแก้ปัญหาให้กับพวกเรา
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)