Skip to main content
sharethis

'ก้าวไกล' แจงเสนอร่างแก้ รธน.ไม่ปิดกั้นหมวด 1-2 เพื่อเปิดพื้นที่ปลอดภัยคุยอย่างมีวุฒิภาวะ ‘วิษณุ’เผยรัฐบาลไม่ได้เตรียมร่างรธน.ไว้ ปัดให้ความเห็นชงแก้มาตรา1-2 'ศรีสุวรรณ' จ่อร้อง กกต.สอบพรรคก้าวไกลชงแก้รธน.หมวด 1 หมวด 2 เข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองหรือไม่ ถ้าผิดถึงขั้นยุบพรรค

ก้าวไกล แจงเสนอร่างแก้ รธน.ไม่ปิดกั้นหมวด 1-2 เพื่อเปิดพื้นที่ปลอดภัยคุยอย่างมีวุฒิภาวะ

วันที่ 18 ส.ค. ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคเห็นด้วยกับการยื่นเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เเต่มีบางประเด็นที่ขอสงวนความเห็นไว้ จึงไม่ได้ร่วมลงชื่อ

นอกจากนี้ ยังมีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของพรรคก้าวไกลที่กำลังดำเนินการอยู่คือการปิดสวิตช์ ส.ว. คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 – 272 ขณะนี้ร่างดังกล่าวดำเนินการเสร็จเรียบร้อยเเล้ว อยู่ในขั้นตอนระหว่างการให้ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมลงรายชื่อไม่ต่ำกว่า 1 ใน 5 จากนั้นจึงจะยื่นเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

สำหรับประเด็นที่มีข้อสงวนไว้ เนื่องจากในร่างของพรรคเพื่อไทย มีการระบุไว้ว่า จะไม่มีการแก้ไขในหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 แต่ด้วยเหตุจำเป็นทั้งในเชิงสถานการณ์และสภาพปัจจุบัน พรรคก้าวไกลเห็นว่า ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ก็เคยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 ซึ่งเป็นหมวดทั่วไปมาหลายครั้ง เเละในส่วนหมวดที่ 2 ที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ สาเหตุที่พรรคเสนอต่างออกไป เพื่อเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้มีการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ โดยไม่กระทบกับการรูปแบบการปกครอง

“มีคำถามในลักษณะที่ว่า ถ้ามีการแก้ไขเกรงว่า สสร.จะนำข้อความแก้ไขเลยเถิดออกไปจากกรอบที่ไม่อาจกำหนดได้ แต่ในเรื่องนี้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ระบุไว้อยู่แล้วว่า รูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่สามารถแก้ไขระบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขได้ เเละจะไม่สามารถแก้ไขรูปแบบของรัฐได้ สิ่งเหล่านี้ถูกล็อกไว้เเล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะไปเขียนแก้ไขเพิ่มเติมว่าจะยกเว้นในหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2”

ณัฐวุฒิ อธิบายเพิ่มเติมว่า รูปแบบของรัฐไทยเป็นรัฐเดี่ยว การระบุว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงรูปแบบดังกล่าวได้ เป็นข้อความที่ไม่อาจตีความเป็นอื่นไปได้และเป็นคำที่มีความหมายชัดเจน ในส่วนที่สองคือประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงประมุข ก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะเปลี่ยนแปลงคำสำคัญสองประการนี้ไปได้ แต่ทั้งสองหมวดยังมีรายละเอียดอื่น

จากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน สังคมไทยต้องการการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ ต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัยให้กับทุกภาคส่วนในการร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งเมื่อมีการตั้ง สสร. ขึ้นเเล้ว ทุกความเห็นจะถูกเสนอย่างเป็นระบบ

“ต้องย้ำว่า 3 ข้อเรียกร้อง 2 จุดยืน 1 ความฝัน เป็นประเด็นหลัก ซึ่งประชาชนตลอดจนนักศึกษาเห็นร่วมกันแล้ว เราจำเป็นต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัยจริงๆ เพื่อให้มีการพูดคุยกันได้ จำเป็นต้องมีกระบวนการรับฟังที่เป็นระบบและเราต้องการความคิดเห็นที่หลากหลาย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเมื่อมีการแก้ไขเสร็จสิ้น ระบบประชาพิจารณ์จะเข้ามากำหนดอีกครั้งหนึ่งว่าผลของการแก้ไขจะเป็นอย่างไร จุดยืนของพรรคก้าวไกล มั่นใจว่า มาตรา 255 จะเป็นตัวกำหนดทิศทางให้ไม่สามารถอธิบายเป็นอื่นไปได้ ในภาพรวมจึงจะไม่กระทบและยืนยันว่าระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยเป็นระบอบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเป็นรัฐเดี่ยวที่ไม่อาจแบ่งแยกได้”

ส่วนสาระสำคัญของการเสนอแก้ไข มาตรา 269 -272 จะเกี่ยวกับการลดบทบาทอำนาจของวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี เเละการโละสมาชิกวุฒิสภาชุดนี้ทั้งหมด ต่อไปสมาชิกวุฒิสภาจะต้องมาจากการเลือกตั้ง จำนวน 200 คน เเละในส่วนของการแก้ไขกฎหมายการปฏิรูปประเทศ จะเพิ่มอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎรมีส่วนร่วมในการออกพระราชบัญญัติ โดยพรรคก้าวไกลไม่ได้ต้องการเพียงให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน ร่วมลงรายชื่อ เเต่ต้องการให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลร่วมลงชื่อเพื่อยื่นญัตตินี้ด้วย

 

‘วิษณุ’เผยรัฐบาลไม่ได้เตรียมร่างรธน.ไว้ ปัดให้ความเห็น‘ก้าวไกล’ชงแก้มาตรา1-2

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 19 สิงหาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า แต่ละพรรคการเมืองได้มีการเตรียมการร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของตนเองเอาไว้ แต่รัฐบาลยังไม่ได้เตรียม เพราะต้องรอการหารือระหว่างคณะกรรมการประสานงาน(วิป)รัฐบาล และวิปวุฒิสภาก่อน จากนั้นรัฐบาลจึงจะมีการหารือกัน ซึ่งในแต่ละขั้นตอนสามารถดำเนินการไปพร้อมกันได้ ขณะเดียวกันก็ต้องรอความชัดเจนจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีความชัดเจนในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ และสุดท้ายจึงจะมาจบที่คณะรัฐมนตรี

นายวิษณุ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ทราบกรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2

 

ศรีสุวรรณจ่อร้อง กกต.สอบพรรคก้าวไกลชงแก้รธน.หมวด 1 หมวด 2 เข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองหรือไม่ ถ้าผิดถึงขั้นยุบพรรค

ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคก้าวไกลจะเสนอญัตติด่วนขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในหมวดที่ 1 ซึ่งเป็นหมวดทั่วไป และหมวดที่ 2 ที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายรวมถึงข้อเสนอ 10 ข้อของนักศึกษาที่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยนั้น

การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดดังกล่าว ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างมาก และเป็นการก้าวล่วงที่มิควรเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่เคยปฏิญาณตนว่าจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ซึ่งการจะยื่นญัตติเพื่อขอแก้ไขหมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ซึ่งเหมาะสมดีอยู่แล้วนั้น เป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิด พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.92(2) ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น นั่นคือ “กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข” 

แม้รัฐธรรมนูญ 2560 ม.255 ประกอบ ม.256 จะเป็นตัวกำกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้อยู่แล้ว แต่การเปิดช่องให้มีการแก้ไขหมวดที่ 1 และ 2 เพื่อยกขึ้นมาถกเถียงแล้วนำไปสู่การการแก้ไขหมวดดังกล่าว ย่อมมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พรรคร่วมฝ่ายค้านหลักได้ยื่นญัตติเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว โดยไม่แตะต้องหมดที่ 1 และหมวดที่ 2 เลย แต่การให้สัมภาษณ์ของ สส.พรรคก้าวไกลดังกล่าว ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงพฤติการณ์และการกระทำอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม พรป.พรรคการเมือง 2650 ม.93 เพื่อยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตาม ม.92 ว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลเป็นการฝ่าฝืนมาตราดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งถ้า กกต.ตรวจสอบแล้วว่าเข้าข่าย ก็สามารถเสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคดังกล่าวต่อไป และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้พรรคการเมืองระงับการกระทําดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมาเป็นที่สุดต่อไป

ทั้งนี้หาก ส.ส. รายใดและพรรคการเมืองพรรคใด ร่วมลงชื่อยื่นญัตติแก้ไขหมวดดังกล่าว ก็จะต้องถูกตรวจสอบตามไปด้วย

โดยสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันพฤหัสที่ 20 ส.ค.63 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม. 

 

อ้างอิง: เวิร์คพอยท์ทูเดย์, แนวหน้า

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net