Skip to main content
sharethis

ศาลปล่อยตัวนักกิจกรรมทั้ง 9 คน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ และทนายอานนท์ให้สัมภาษณ์ว่าศาลยังตำหนิตำรวจที่ไปออกหมายจับทำให้ศาลวุ่นวายเพราะตำรวจสามารถออกหมายเรียกได้ตามกฎหมายอยู่แล้วซึ่งจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น

20 ส.ค.2563 ศาลอาญา รัชดาฯ ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว นักกิจกรรมทั้ง 9 คน จากคดีชุมนุมทางการเมือง 2 คดี โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว ใช้ตำแหน่งนักการเมืองจากทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลรวมถึงนักวิชาการเป็นหลักประกัน

หลังจากสถานการณ์ตำรวจเข้าจับกุมนักกิจกรรมต่อเนื่องมาตั้งช่วงค่ำวานนี้(19 ส.ค.) โดยมีอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ถูกจับเป็นคนแรกจากคดีที่สืบเนื่องจากการปราศรัยในกิจกรรม #เสกคาถาปกป้องประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2563 และตามมาด้วยจับกุมกลุ่มนักกิจกรรม 8 คน ที่ขึ้นเวทีเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. จนถึงช่วงสายวันนี้

จากนั้นศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่าเวลา 16.45 น. หลังจากศาลไต่สวนคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนแล้ว ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากทั้ง 9 คน จนทำให้พวกเขาต้องยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ใช้หลักทรัพย์ประกันตัว

18.14 น. ศาลจึงได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 9 คน โดยทำสัญญาประกัน 100,000 บาท โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ และศาลได้กำหนดเงื่อนไขว่าห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับคดีนี้อีก มิฉะนั้นจะให้ถือว่าผิดสัญญาประกัน และนัดรายงานตัววันที่ 7 ต.ค.2563

ผู้มารอให้กำลังใจชูสามนิ้วระหว่างรอรับทั้ง 9 คนเดินออกมา

18.30 น. หลังจากทั้ง 9 คนได้รับการปล่อยตัว เดชาธร บำรุงเมือง หรือ ฮอค (AKA-HOCKHACKER) ให้สัมภาษณ์เป็นคนแรกว่า ถ้าจำเหตุการณ์วันที่ 18 ก.ค.ที่ RAD ไปขึ้นเวทีได้ก็จะเห็นว่าพวกเขาลืมเนื้อร้องกันแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจะมีคดีตามมา ทั้งนี้ก็ยังยืนยันว่าพร้อมที่จะขึ้นเวทีและแร็พอยู่เพราะไม่ได้ทำผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สิทธิในการที่จะไปแร็พก็เป็นของเรา

บารมี ชัยรัตน์ ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้ก็ได้บอกกับศาลไปว่าศาลไม่ควรจะออกหมายจับเพราะก็เป็นเสรีภาพของพวกเรารวมถึงการฝากขังด้วย เพราะเห็นว่าการฝากขังของเจ้าหน้าที่ศาลก็ไม่ควรจะรับคำร้องของเจ้าหน้าที่เพราะเป็นการลิดรอนเสรีภาพ ศาลก็มีเงื่อนไขปกติเหมือนที่ตั้งให้กับอานนท์ แล้วศาลก็บอกเองว่าไปชุมนุมได้ ก็ยืนยันว่าจะไปชุมนุมกันเหมือนเดิม

ธานี สะสม ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าสู้ต่อไปเพื่อประชาธิปไตย เพราะว่าสิ่งที่เราสู้ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย เราทำไปตามสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่พึงกระทำ การโดนจับครั้งนี้หรือในครั้งหน้าอีกเราก็ยืนยันที่จะสู้ต่อไปแม้ว่าวันหนึ่งคุกจะรออยู่ข้าง

อานนท์ นำภา ให้สัมภาษณ์ต่อว่า ตนยืนยันว่ายังพูดเรื่องที่เคยปราศรัยไปแล้วได้เพราะเป็นไปตามกรอบที่รัฐธรรมนูญรับรอง แล้วก็ช่วงที่จะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็ยิ่งต้องพูดเรื่องนี้อย่างเข้มข้นมากขึ้น

อานนท์ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนพิจารณาวันนี้ว่า ศาลกล่าวว่าตำรวจไม่ควรที่จะมาออกหมายจับแล้ว ควรจะใช้วิธีทางการเมืองคือปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนเลย รวมทั้งต่อไปนี้ถ้ามีการออกหมายจับศาลอาจจะพิจารณาไม่ออกหมายจับ ปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจในการออกหมายเรียกก่อน ซึ่งจะทำให้สถานการณ์มันคลี่คลายขึ้น

“ศาลเป็นคนตำหนิตำรวจว่าไม่ควรจะมาทำให้ศาลวุ่นวาย เพราะตำรวจสามารถออกหมายเรียกได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว แล้วก็พวกเราทุกคนก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการไม่จำเป็นที่จะต้องมาตามจับให้เกิดให้ความวุ่นวายแล้วก็ให้เกิดการตระหนกกัน พวกเราพร้อม ถ้าออกหมายเรียกมาเราก็ไป อย่าให้เอากระบวนการยุติธรรมมาเล่นงานพวกเรา” อานนท์กล่าว

อานนท์กล่าวถึงผู้ถูกกล่าวหาคนที่เหลือว่าเป็นกลุ่มนักศึกษาซึ่งแต่ละคนก็ไม่สามารถหลบหนีหรือไปยุ่งกับพยานหลักฐานได้อยู่แล้วและทุกคนก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้นจึงอยากบอกกับตำรวจว่าใช้วิธีปกติตามกฎหมายกับพวกเราอย่าใช้ศาลกระบวนการยุติธรรมในการลิดรอนสิทธิของพวกเราและหวังว่าคนที่เหลือก็จะได้รับการประกันตัวตั้งแต่ชั้นสอบสวน

หลังการให้สัมภาษณ์พวกเขาจึงแยกย้ายกันกลับ

บรรยากาศหน้าศาลระหว่างรอผลทั้ง 9 คน จะได้ปล่อยตัวหรือไม่

ระหว่างรอผลคำสั่งศาล ผู้สื่อข่าวประชาไทได้สัมภาษณ์ความเห็นของผู้ที่มารอและให้กำลังใจกับทั้ง 9 คน ที่ถูกติดตามจับกุมมาตั้งแต่เมื่อคื่น

กลุ่มแรปเปอร์เพื่อนของ Hockhacker ให้สัมภาษณ์ว่า "มาติดตามสถานการณ์เพื่อนโดนหมายจับ การจับกุมครั้งนี้มันไม่สมเหตุสมผล เราแค่ขึ้นไปใช้สิทธิที่ประชาชนพึงมี แต่เขากลับใช้กฎหมายเล่นงานเรา สิ่งที่เขาทำมันละเมิดสิทธิพื้นฐานของประชาชน เพื่อนเราไม่ได้เป็นอาชญากร นี่มาดักจับหน้าบ้าน ต่อหน้าลูกเมีย ลูกเพิ่งขวบกว่า เขาทำได้ยังไง

ในแง่นี้เขาอาจมองว่าเราผิด แต่ในแง่ของประชาชนมันทำได้ ตราบใดที่ยังเป็นการใช้เสรีภาพการแสดงออกที่ยังอยู่ในขอบเขตของสันติวิธี เพดานของเราก็ไม่มีคำว่ามากเกินไป

ถึงแม้จะมีเพื่อนโดนจับไปอีกแต่เราก็ยังยืนยันว่าจะทำสิ่งนี้ต่อไป"

คัทลียา เผ่าศรีเจริญ โปรดิวเซอร์หนังอิสระ และกลุ่มศิลปินคนทำหนัง ให้สัมภาษณ์ว่า

"วันนี้เรามาในฐานะประชาชนและศิลปินด้วย เราคิดว่ามันน่าอายที่หลายๆ ครั้งพอมีการปิดกั้นสื่อหรือการแสดงออก ศิลปินก็จะออกมาเคลื่อนไหวเฉพาะประเด็นของตัวเอง เฉพาะเรื่องการสร้างงาน แต่ไม่ได้มองว่าทั้งหมดนี้มันคือประเด็นเดียวกันคือเรื่องเสรีภาพการแสดงออก มันไม่มีว่าพูดได้แค่ไหน มันมีแค่พูดได้หรือไม่ได้

สำหรับเราตอนนี้เพดานของศิลปะมันพังไปหมดแล้วเพราะน้องๆ ถ้าศิลปินจะทำงานอุปมาอุปไมยต่อก็คงยากแล้ว เพราะน้องๆทุกคนพูดตรงไปตรงมาหมดแล้ว

วันนี้เราต้องการมาสังเกตการณ์ และยืนยันด้วยว่าการจับกุมผู้ชุมนุม โดยเฉพาะศิลปินที่ขึ้นแสดงที่เวทีชุมนุมมีความผิดอย่างไร อันนี้ต้องตั้งคำถามกันมากๆ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเซ็นเซอร์งานรึเปล่า เพราะมันมีให้เห็นมาตลอดตั้งแต่เพลงประเทศกูมี

แล้วในคืนวันที่ 16 ส.ค. น้องๆ ก็ได้เดินทางไปแสดงตัวที่ สน.สำราญราษฎร์แล้ว แต่ทำไมเพิ่งมาจับตัวกันเมื่อคืนหรือวันนี้ เพราะฉะนั้นรัฐต้องให้คำตอบตรงนี้ได้ และในรอบ 10 ปีนี้มันก็มีม็อบอื่นๆ เยอะแยะ เพราะฉะนั้นม็อบไหนๆก็ควรจะพูดได้ มันควรเป็นสิทธิของทุกคน จากนี้กลุ่มศิลปิน คนทำหนังจะมีการรวมตัวเทคแอคชั่นกันต่อไป"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net