Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมอาชีพสื่อ

อย่างที่เป็นที่ทราบกันดีว่า ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเราเห็นปรากฏการณ์การตื่นตัวทางกรเมืองของนิสิตนักศึกษาและแม้กระทั่งนักเรียนมัธยมจำนวนมากทั่วประเทศอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วงหลายทศวรรษ นับตั้งแต่เหตุการณ์การลุกฮือต่อสู้กับเผด็จการสุจินดา คราประยูร ในเดือนพฤษภา 2535 หรือย้อนหลังกลับไปกว่านั้นอีกก็ว่าได้

หน้าที่สื่อสารมวลชน ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือการเป็นกระจกสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างตรงไปตรงมา หลากหลายมุม ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดั่งเป็นกระจกสท้อนความเป็นไปของสังคม (นี่ยังไม่รวมถึงการเป็นตะเกียงส่องแสงนำทางสังคมที่คงไม่ต้องพูดถึงในจดหมายฉบับนี้เพราะการเป็นกระจกเป็นหน้าที่พื้นฐานของวิชาชีพที่น่าจะปฎิบัติได้ง่ายกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันแต่กลับทำมิได้)

อย่างไรก็ตาม การเซ็นเซอร์ตนเองของสื่อกระแสหลักส่วนใหญ่ในรายละเอียดประเด็นเรื่อง 10 ข้อเรียกร้องการปฎิรูปสถาบันกษัตริย์โดยกลุ่ม #ธรรมศาสตร์และการชุมนุม (#ธรรมศาสตร์จะไม่ทน) เมื่อต้นอาทิตย์ที่แล้วสะท้อนถึงความล้มเหลวของสื่อกระแสหลักเกือบทั้งหมดในการเป็นกระจกสะท้อนความจริงสู่สังคม

สถานการณ์ได้มาถึงจุดที่ขณะที่สื่อกระแสหลักส่วนใหญ่ยังคงเงียบงันเซ็นเซอร์ตนเองในเรื่องนี้ เยาวชนสมาชิกเกิลกรุ้ป BNK48 อย่างเจนนิสกลับกล้าที่จะกระจายข้อเรียกร้อง 10 ข้อทางโลกโซเชี่ยล และนี่คืออีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ความล้มเหลวในการปฎิบัติหน้าที่ของสื่อสารมวลชนกระแสหลักไทย

ใช่ครับ สื่อกระแสหลักเป็นธุรกิจ อยู่ในสภาพถูกกดดันมหาศาลให้เซนเซอร์ตนเองในเรื่องนี้ และเรื่องอะไรก็ตามที่อาจทำให้สถาบันกษัตริย์ดูแต่งต่างจากภาพที่ผู้มีอำนาจอยากให้ประชาชนเห็นและซาบซึ้งและจดจำ เพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจของบรรษัทสื่อ
 
ถ้าผมขอถามผู้ร่วมอาชีพสื่อว่าแล้วสื่อเราจะเหลือความน่าเชื่อถืออะไรในเมื่อแค่ความคาดหวังให้ทำหน้าที่กระจกสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นก็ยังไม่ยอมทำ ล้มเหลว โดยมิต้องพูดถึงหน้าที่ตะเกียงส่องแสงนำทางสังคม

พวกเราจะเรีบกตนเองว่านักสื่อสารมวลชนต่อไปอย่างภาคภูมิใจได้อย่างไรหากพวกเราไม่ยอมสื่อความจริงสู่สาธารณะ? ถ้าไม่กล้าสื่อ?
 
เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ สื่อมวลชน วันนี้องค์กรสื่อกระแสหลักมีข้อขำกัดมากมาย ผู้มีอำนาจโกรธกดดัน องค์กรกลัวโฆษณาที่เหลือน้อยนิดจะหายไป แต่กลับไม่กลัวประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน หมดศรัทธาและเลิกติดตามสื่อกระแสหลัก

วันนี้ผมขอให้ทุกท่านที่มีช่องทางโซเชี่ยลส่วนตัวสื่อสารทำหน้าที่กระจกอย่างซื่อตรงให้ดีตามกำลังความสามารถ bypass การเซนเซอร์ตนเองขององค์กรธุรกิจสื่อ

การเป็นสื่อแต่ไม่ยอมสื่อความจริงเรื่องที่สำคัญยิ่งของสังคม เช่นเรื่องเท่าทันเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ก็เท่ากับเป็นการละทิ้งหน้าที่ เป็นการก่ออัตวินิบาตกรรมทางวิชาชีพ

เยาวชนรุ่นใหม่ที่ออกมาเสี่ยงภัยเรียกร้องฝันถึงสังคมอันมีสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

และพวกเราสื่อสารมวลชน นักข่าว บ.ก. เจ้าของสื่อ ฝันถึงอะไร? หรือพวกเราแก่และชินชาเกินกว่าจะมีแม้แต่จะฝัน และตกอยู่ในความตัว อยู่เป็นจนความรับผิดชอบต่อหน้าที่และสังคมกลายเป็นเรื่องไกลตัว และปล่อยให้การสื่อสารในสังคมขาดเป็นท่อนๆ สังคมถกเถียงกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลในพื้นที่สื่อมิได้ ต้องกลัวแม้กระทั่งจะพูดถกความจริงที่ประเทศที่มีเสรีภาพอย่างแท้จริงและกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างอังกฤษและออสเตรเลียพูดได้เป็นปกติธรรมดา

หรือแม้กระทั่งบางสื่อบิดเบือนสิ่งที่เยาวชนพยายามจะสื่อเพื่อเป้าหมายแอบแฝงทางการเมือง

ผมเรียกจดหมายฉบับนี้ว่า "จดหมายเปิด" เพราะเนื้อหามันมิเป็นเพียงจดหมายเปิดผนึกหากมีคำถามปลายเปิดให้ผู้ร่วมวิชาชีพสื่อร่วมกันพิจารณาขบคิด

สื่อกระแสหลักจะยอมเป็นส่วนของปัญหาการเซนเซอร์ ปัญหาการสื่อสาร ปัญหาที่ทำให้สังคมบิดเบี้ยวสื่อกันด้วยเหตุด้วยผลมิได้ในเรื่องเจ้า หรือจะเป็นส่วนหนึ่งของทางออก ของสังคมที่มีสิทธิเสรีภาพในการสื่อสาร เห็นแย้งโต้แย้งอย่างสันติและเป็นเหตุเป็นผล

ผมขอให้เพื่อนร่วมอาชีพสื่อทุกท่านพิจารณาเอาเอง


ด้วยศรัทธาในวิชาชีพสื่อที่ยังคงมีอยู่แม้ลดหายไปมาก
 

ประวิตร โรจนพฤกษ์
18 สิงหาคม 2563

 

อ่านเพิ่มเติม: ประมวลชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน 'เราไม่ต้องการปฏิรูปเราต้องการปฏิวัติ'

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net