Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. กลุ่มศิลปินปลดแอก จัดกิจกรรมรำลึกบุคคลที่สูญหายจากเหตุการณ์ทางการเมือง ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว พี่สาววันเฉลิมระบุว่าตอนนี้ทำได้เพียงการตามหาความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร หน่วยงานรัฐยังไม่มีคำตอบอะไรที่ชัดเจน 


ที่มาภาพ: ไทยรัฐออนไลน์

Thai PBS รายงานเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2563 ว่าเวลาประมาณ 17.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว มีการจัดกิจกรรมการรำลึกถึงบุคคลที่สูญหาย ในเหตุการณ์ทางการเมือง จัดขึ้นโดยกลุ่มศิลปินปลดแอก โดยการรวมตัวของศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ที่เคยเข้าร่วมตามเวทีการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในกิจกรรมนี้ทางเครือข่ายศิลปินปลดแอกยังได้เปิดเผยรายชื่อนักกิจกรรมทางการเมือง กว่า 100 คน ที่ต้องลี้ภัยทางเมือง รวมถึงถูกบังคับให้สูญหาย หลังจากปี 2557 จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ญาติของบุคคลที่สูญหาย ยังได้มาสะท้อนบอกเล่าเรื่องราวให้กลุ่มที่มารวมตัวกันรับฟังด้วย โดยคนล่าสุด คือนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรม และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่หายตัวไปในระหว่างลี้ภัยในประเทศกัมพูชา เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวนายวันเฉลิม ระบุว่าตอนนี้ทำได้เพียงการตามหาความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร วันนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าอยู่หรือตาย ผ่านมาจะครบ 90 วัน หน่วยงานรัฐยังไม่มีคำตอบอะไรที่ชัดเจน

ขณะเดียวกันตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 จำนวน 60 นาย ก็ได้กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยโดยรอบ และตั้งแนวรั้วเหล็ก รอบพื้นที่การทำกิจกรรม เพื่อกำหนดขอบเขตการใช้พื้นที่กิจกรรม ร่วมกับบุคคลทั่วไป ที่ยังใช้ชีวิตปกติ บนถนนราชดำเนิน

ผลักดันกฎหมายป้องกันบุคคลสูญหาย

ขณะที่ น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งจะเดินทางไปรัฐสภาในวันที่ 27 ส.ค. 2563 เพื่อยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลให้สูญหาย โดยระบุว่า วันที่ 30 ส.ค.เป็นวันที่ยูเอ็นจะจัดเป็นวันบุคคลสูญหายทั่วโลก โดยประเทศไทยมีร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหายซึ่งยังค้างอยู่ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

ดงันั้นจึงคิดว่าอยากจะเร่งรัดให้กฎหมายนี้ออกมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนจริง ๆ คือ สามารถคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และป้องกันไม่ให้ประชาชน ถูกควบคุมตัวโดยผิดกฎหมาย ถูกซ้อมทรมานและเสียชีวิตหรืออาจหายไป เป็นกรณีอุ้มหาย หรือ อุ้มฆ่า ซึ่งปัจุบันยังไม่เป็นความผิดทางอาญา ทำให้การค้นหาความจริงมีความยากลำบาก และไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ ญาติก็ไม่ได้รับการเยียวยาและเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับนักเคลื่อนไหว คนที่ทำงานด้านการเมืองต้องการที่จะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ

คิดว่าจังหวะนี้ของสภาผู้แทนราษฎรโดยเฉพาะคุณชวน หลีกภัย ซึ่งมีหลายพรรคกาารเมืองร่วมลงนามในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้แล้ว แต่ติดกระบวนการล่าช้าของทางสำนักงาน ถ้าคุณชวนได้รับข้อห่วงกังวลของญาติและองค์กรภาคประชาสังคม ก้อาจจะทำให้ร่าง พ.ร.บ.ฯฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาโดยเร็วที่สุด

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่านายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว อดีตแกนนำนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ซึ่งเคยถูกรุมทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส หลังออกเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล คสช. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษารุ่นใหม่ว่า การแสดงพลังของนักเรียนนักศึกษาที่เกิดขึ้นในขณะนี้มาจากความเหลืออดเหลือทนกับ การบริหารงานของรัฐบาลสะสมมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นคสช. ยอมรับว่าแม้กระแสที่เกิดตอนนี้อาจจะมองได้ว่าเราชนะแล้ว แต่จริงๆ แล้วรัฐบาลคสช.เหมือนเป็นร่างทรงของกลุ่มอำนาจเท่านั้น บางทีเราอาจเห็นการที่เขาถอยเหมือนกับว่าเขาจะยอมเรา แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ประกอบกับโลกปัจจุบัน การสื่อสาร ในโลกโซเชียล นั้นสามารถทำได้ง่าย มีพลัง เหมือนคนทั้งสังคมได้ร่วมกันสื่อสารกับเรา แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือโลกคู่ขนาน เพราะต่อให้เขามีคนเพียงแค่หยิบมือ แต่คนเหล่านี้เป็นผู้ที่พร้อมยอมจะปกป้องกลุ่มผู้มีอำนาจ ถึงเวลาที่เขารวมกำลังกันได้แล้วย้อนกลับมาหาเราจะน่ากลัว

"อย่ามองว่าไม่มีตัวตนหรือมีจำนวนน้อย อย่าประเมินแค่กระแสในโลกโซเชียลมีเดีย ต้องเดินไปสู่การเปลี่ยนแปลงความคิดของคนไปพร้อมกันด้วย เพราะถ้าเปลี่ยนคนพวกนี้ไม่ได้ เขาก็จะย้อนมาทำลายเรา ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะความเคลื่อนไหวก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันไปตามยุค"

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วง การบาดเจ็บสูญเสียที่อาจเกิดหลังจากนี้ หรือไม่ จ่านิว ระบุว่า ต้องยอมรับว่าทุกคนพยายามหลีกเลี่ยง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ การใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมืออันทรงพลังของฝั่งตรงข้าม สุดท้าย เมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องคิดว่าเราจะหยัดยืนอย่างไร เมื่อใดที่เจอเรื่องนี้ และจะต้องไม่สั่นคลอนอุดมการณ์ ต้องหาวิธีตั้งหลักให้ได้ ทางออกคือ การใช้ทางสันติวิธี และต้องไม่ให้สังคมยอมรับกับการกระทำในลักษณะนี้

ชู 3 นิ้ว ร้องเพลงชาติลานสกายวอล์ก

ด้าน กลุ่ม "มศว คนรุ่นเปลี่ยน" จัดกิจกรรมชู 3 นิ้ว ร้องเพลงเคารพธงชาติ ที่ลานสกายวอล์ก หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เขตปทุมวัน โดยนายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะสังคมศาสตร์และรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตัวแทนกลุ่ม เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงจุดยืนว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องหยุดคุกคามประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่จัดกิจกรรมทางการเมืองในสถาบันการศึกษา และยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ของคณะประชาชนปลดแอกที่ส่งถึงรัฐบาล และเตรียมไปทำกิจกรรมที่ทำเนียบรัฐบาลในเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย และยืนยันไม่ยอมรับการรัฐประหาร

ขณะเดียวกันยังแสดงความคิดเห็นคัดค้านการที่รัฐบาลจัดซื้อเรือดำน้ำในวงเงินกว่า 2 หมื่น 2 พันล้านบาท ทั้งที่ควรนำเงินมาฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ดี หลังจากเกิดสถานการณ์ COVID-19 โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นเวลา 18.00 น. และมีประชาชนที่อยู่ในละแวกดังกล่าว มาร่วมกันชู 3 นิ้ว และร้องเพลงชาติ ก่อนแยกย้ายกลับ โดยที่ไม่มีการปราศรัยด้วยเครื่องขยายเสียง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net