COVID-19: 23 ส.ค. ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 5 คน สะสม 3,395 คน

23 ส.ค. 2563 ศบค. แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 5 คน พบจากสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,395 คน รักษาหายเพิ่ม 1 คน รวมรักษาหายสะสม 3,221 คน รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 คน สธ.เผยผลสำรวจหลังผ่อนปรนเฟส 6 ประชาชนเริ่มหย่อนมาตรการป้องกัน

23 ส.ค. 2563 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักใน State Quarantine โดยมาจากอินเดีย 1 ราย อังกฤษ 1 ราย โอมาน 3 ราย ส่วนในประเทศยังคงไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,395 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 458 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,221 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 116 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย กลับจากอินเดีย 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 41 ปี แม่บ้าน ถึงไทย 8 ส.ค.63 เข้าพัก State Quarantine กรุงเทพมหานคร โดย 21 ส.ค.63 ผลตรวจพบเชื้อ และกลับจากอังกฤษ 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 45 ปี รับจ้าง ถึงไทย 10 ส.ค.63 เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี โดย 21 ส.ค.63 ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ

อีกทั้งกลับจากโอมาน 3 ราย เป็นหญิงไทย 2 ราย อายุ 26 ปี ว่างงาน อายุ 29 ปี พนักงานโรงแรม และชายไทย อายุ 53 ปี รับจ้าง ถึงไทย 17 ส.ค.63 เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี โดย 21 ส.ค.63 ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ

สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก มียอดผู้ติดเชื้อ 23,377,806 ราย อาการรุนแรง 61,710 ราย รักษาหายแล้ว 15,904,288 ราย เสียชีวิต 808,588 ราย

โดยอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด คือ 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 5,841,428 ราย 2.บราซิล จำนวน 3,582,698 ราย 3.อินเดีย จำนวน 3,043,436 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 951,897 ราย และ 5.แอฟริกาใต้ จำนวน 607,045 รายส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 117 จำนวน 3,395 ราย

สธ.เผยผลสำรวจหลังผ่อนปรนเฟส 6 ประชาชนเริ่มหย่อนมาตรการป้องกัน

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมานพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้ยังมีการระบาดเป็นวงกว้าง ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกมีจำนวนถึง 23,108,105 ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดคือสหรัฐอเมริกา 5,796,727 ราย รองลงมาคือ บราซิล 3,536,488 ราย และอินเดีย 2,973,368 ราย นอกจากนี้มีหลายประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้วและกลับมาระบาดระลอกใหม่ เช่น ประเทศเมียนมาในรัฐยะไข่ ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนว่าการที่ประชาชนผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ไม่ใส่ใจต่อการดูแลตนเอง เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามถือเป็นบทเรียนสำคัญให้ประเทศไทยได้เกิดการศึกษาเรียนรู้

จากข้อมูลผลสำรวจการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโรคโควิด-19 โดยกรมควบคุมโรค (DDC Poll) ออนไลน์ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 4-18 สิงหาคม 2563 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,346 ราย พบว่า หลังผ่อนปรนมาตรการในเฟส 6 ประชาชนเริ่มหย่อนการป้องกันตนเองในเรื่องการสวมหน้ากากเมื่อไม่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ลดลงเหลือร้อยละ 64.8 จากที่เคยสูงสุดถึงร้อยละ 93.5 ลดลงจากครั้งที่ 14 (ร้อยละ 68.5) ถึงร้อยละ 4 ต่ำที่สุดจากที่เคยสำรวจทุกครั้งที่ผ่านมา และมีผู้ตอบว่าจะสวมหน้ากากต่อเนื่องเพียงร้อยละ 55.3 ลดลงจากที่เคยสูงสุดร้อยละ 63.7

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งร้อยละ 46.5 ตอบว่ามีค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น, ร้อยละ 40.9 มีรายได้ลดลง และร้อยละ 34.1 ไม่ได้ไปโรงเรียนตามปกติหรือเข้าร่วมกิจกรรมสังสรรค์ แต่ก็มีประชาชนที่ตอบในเชิงบวกว่าทำให้รับผิดชอบตัวเองและสังคมมากขึ้นถึงร้อยละ 55.3, ได้ทำสิ่งใหม่หรือค้นพบว่าตัวเองทำสิ่งใหม่ๆ ได้ร้อยละ 55.1 และได้พักผ่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3

โดยสรุปพบว่าพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันโรคของประชาชนมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ได้ตามคำเตือนขององค์การอนามัยโลก จึงขอย้ำให้ประชาชนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มข้น เป็นนิสัย โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและตลอดเวลาขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ กินร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว เว้นระยะห่างลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด และลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ที่ใช้บริการ ด้วยแพลตฟอร์มไทยชนะ เพื่อช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป

ที่มาเรียบเรียงจาก: สำนักข่าวอินโฟเควสท์ | สำนักข่าวไทย
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท