วงในแฉ คนในพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมากไม่พอใจสีจิ้นผิง

ไคเฉี่ย อดีตศาสตราจารย์ผู้ที่สอนในสถาบันการศึกษาของกลุ่มผู้นำระดับสูงพรรคคอมมิวนิสต์จีน เปิดโปงพรรคของตัวเองและผู้นำสีจิ้นผิงต่อสื่อตะวันตก หลังจากที่เธอถูกขับออกจากพรรคในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไคเฉี่ยบอกว่ารัฐบาลสีจิ้นผิงเป็น "อุปสรรคต่อการพัฒนาจีน" และ "สร้างความเสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงของประเทศ" นอกจากนี้ยังบอกอีกว่ามีหลายคนในพรรคที่อยากให้สีจิ้นผิงพ้นจากตำแหน่ง แต่ด้วยความที่ระบบของพรรคทำให้สีจิ้นผิงกุมอำนาจไว้โดยที่คนอื่นถ่วงดุลไม่ได้ ส่งผลให้แสดงออกต่อต้านได้ยาก

"ฉันยินดีที่ถูกไล่ออกมา" ไคเฉี่ย อดีตศาสตราจารย์จากวิทยาลัยศูนย์กลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้สัมภาษณ์ต่อเดอะการ์เดียน หลังจากที่เธอถูกขับออกจากตำแหน่งและถูกไล่ออกจากพรรค วิทยาลัยที่ไคเฉี่ยสอนอยู่เป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับบนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ไคเฉี่ย ถูกขับออกจากพรรคเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2563 หลังไฟล์บันทึกเสียงที่ไคเฉี่ยวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงรั่วไหลในโลกออนไลน์เมื่อเดือน มิ.ย. วิทยาลัยที่เธอสอนตั้งข้อสังเกตว่า ไคเฉี่ยซึ่งเป็นศาสตราจารย์ในสถาบันการศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ปี 2535 ได้แสดงความเห็นที่ "สร้างความเสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงของประเทศ" และเต็มไปด้วย "ปัญหาทางการเมืองที่ร้ายแรง"

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังถูกขับออก ไคเฉี่ยกล่าวแก่เดอะการ์เดียนว่า สีจิ้นผิงกำลัง "ทำลายประเทศ" และบอกว่ามีอีกหลายคนที่อยากให้สีจิ้นผิงออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน เธอบอกว่า "ภายใต้การปกครองของสีจิ้นผิง พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ใช่พลังแห่งความก้าวหน้าสำหรับจีน แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของจีน"

ไคเฉี่ยกล่าวอีกว่าเธอมีความต้องการจะออกจากพรรคคอมมิวนิสต์มาหลายปีแล้ว หลังไม่มีพื้นที่พูดคุยและเสียงของเธอถูกปิดกั้น

เดอะการ์เดียนระบุว่า คำพูดของไคเฉี่ยส่งแรงสะเทือนในแง่ที่เธอเคยเป็นส่วนหนึ่งของคนในรัฐบาลจีน และใกล้ชิดกับตำแหน่งสำคัญอย่างวิทยาลัยศูนย์กลางสำหรับคนระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งผู้บริหารสูงสุดมักจะเป็นประธานาธิบดีในสมัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหมาเจ๋อตุง, หูจินเทา มาจนถึงสีจิ้นผิง

ก่อนหน้านี้ ไคเฉี่ยเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเดอะการ์เดียนเมื่อเดือน มิ.ย. หลังจากที่บันทึกเสียงของเธอรั่วไหลออกมา ในตอนนั้นเธอก็มีท่าทีวิจารณ์สีจิ้นิงเช่นกัน โดยกล่าวหาว่าสีจิ้นผิงทำให้จีนกลายเป็นศัตรูของโลก ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์จากวงในต่อสื่อโลกเช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมากจากจีน อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นไคเฉี่ยขอร้องกับสื่อว่าอย่านำเสนอบทสัมภาษณ์ของเธอออกไป เพราะเธอกับครอบครัวจะถูกข่มขู่คุกคาม แต่ในตอนนี้เธอบอกว่าเธอมีอิสระมากขึ้นแล้ว ทำให้เธอพูดได้โดยไม่ต้องจำกัดตัวเอง "ฉันรับผิดชอบต่อมโนธรรมและหลักการของตัวเองเท่านั้น"

ไคเฉี่ยเล่าว่า แม้จะมีความรู้สึกต่อต้านสีจิ้นผิงในพรรคคอมมิวนิสต์จีนกระจายไปอย่างกว้างขวาง แต่น้อยคนที่จะกล้าพูดเรื่องนี้ออกมา เพราะกลัวจะถูกโต้ตอบทางการเมืองในรูปแบบของการธำรงวินัยภายในพรรคและถูกกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ในบรรยากาศที่คนในพรรคเซนเซอร์ตัวเองเช่นนี้ทำให้สีจิ้นผิง "มีอำนาจโดยไม่ถูกตรวจสอบถ่วงดุล" และควบคุมอำนาจอำนาจตัดสินใจในเรื่องสำคัญทั้งหมด นำมาซึ่งข้อผิดพลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น กรณีการระบาดของโควิด-19 ในจีน เป็นต้น

เรื่องการระบาดหนักของ COVID-19 ในจีนนั้น มีข้อวิจารณ์ว่า จีนประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการช้าเกินไป ทั้งที่เริ่มตรวจพบโรคตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2562 มีการหารือและให้คำแนะนำระหว่างผู้นำกับโปลิตบูโรตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2563 แต่ประกาศต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในวันที่ 20 ม.ค. ช้ากว่าที่มีการหารือเรื่องโรคระบาดไป 2 สัปดาห์ ซึ่งไคเฉี่ยมองว่าทำไมไม่มีใครประกาศเรื่องนี้ หรือจัดสรรทรัพยากรเพื่อแก้ไขปัญหาแต่เนิ่นๆ

นอกจากนี้ ไคเฉี่ยยังกล่าวหาว่าสีจิ้นผิงเป็นผู้สร้างปัญหากับนานาชาติด้วย เนื่องจากไม่มีใครคอยทัดทาน สีจิ้นผิงจึงมีอำนาจไม่จำกัด ทำให้เขาตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ได้ทั้งเรื่องในประเทศและต่างประเทศ และ "ทำให้โลกกลายเป็นศัตรู" กับจีน จากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา เรื่องนี้กลายเป็นวงจรอุบาทว์เมื่อคนกลัวเกินจะกว่าจะบอกกล่าว การตัดสินใจผิดพลาดก็ดำเนินต่อไป จนสถานการณ์ควบคุมไม่ได้ "ในวงจรอุบาทว์นี้ไม่มีทางที่จะหยุดประเทศไม่ให้ถลำไปสู่หายนะ" ไคเฉี่ยกล่าว

ไคเฉี่ยบอกว่านอกจากเธอแล้วยังมีกลุ่มคนในพรรคอีกหลายคนที่คิดแบบเดียวกับเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนรุ่นของเธอตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับสูง ที่เข้ามาร่วมงานในช่วงยุคปฏิรูปภายใต้เติ้งเสี่ยวผิง และต่อมาจีนก็ผนวกเข้ากับเศรษฐกิจโลกอย่างสมบูรณ์ ด้วยการเข้าร่วมองค์การการค้าโลกในปี 2544 เธอบอกว่าบุคคลเหล่านี้เข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นจากในพรรค และเพื่อนที่ดีหลายคนก็ให้กำลังใจเธอหลังจากที่เธอถูกขับออกจากพรรค

เรียบเรียงจาก

China's Xi Jinping facing widespread opposition in his own party, insider claims, The Guardian, 18-08-2020

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท