Skip to main content
sharethis

เกิดเหตุพ่นสีที่ 'ออราดัวร์-ซูร์-กลาน' ซึ่งเป็นอนุสรณ์รำลึกเหตุสังหารหมู่ ที่กระทำโดยเผด็จการนาซี โดยที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสประกาศว่าจะหาตัวผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ให้ได้

ป้ายด้านหน้าทางเข้า Centre de la mémoire d'Oradour ภาพถ่ายปี ค.ศ. 2007 (ที่มา: Wikipedia/Babsy)

มีเหตุคนพ่นสเปรย์ใส่อนุสรณ์สถานออราดัวร์-ซูร์-กลาน ในฝรั่งเศส ซึ่งอนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นแหล่งรำลึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นกับประชาชนผู้เคยต่อต้านเผด็จการนาซี พวกเขาถูกกวาดต้อนและถูกสังหารอย่างโหดร้ายในปี 2483 มีผู้เสียชีวิต 642 รายในเหตุการณ์

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในจังหวัดโอต์-เวียน ทางตอกนกลางของฝรั่งเศส โดยคนที่ก่อเหตุ ได้ลบคำว่า "mémoire" (อนุสรณ์) แล้วพ่นสีเปรย์ใส่แทนที่ตัวอักษรด้วยคำว่า "menteur" (คนโกหก) นอกจากนี้ยังมีการพยายามพ่นสีทับคำว่า "martyr" (ผู้สละชีพ) ด้วย

การทำลายอนุสรณ์สถานนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจจากผู้คนทั่วฝรั่งเศส  นักการเมืองฝรั่งเศส รวมถึงประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ที่กล่าวประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "การกระทำที่แย่จนเหลือจะบรรยาย"

อนุสรณ์ออราดัวร์เป็นอนุสรณ์สถานที่รำลึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 มิ.ย 2483 ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีกองทหารชุตช์ชตัฟเฟิลแพนเซอร์แกรนาเดียร์ของนาซีเยอรมันซึ่งเป็นกองทหารหน่วยย่อยของหน่วยทหารที่อื้อฉาวในด้านความโหดร้าย "ดัสไรซ์" เคลื่อนพลเข้าไปในหมู่บ้านของฝรั่งเศส

ในเหตุการณ์นั้นเป็นการที่นาซีโต้ตอบกลุ่มกองกำลังฝ่ายต่อต้านนาซีของฝรั่งเศสที่ลักพาตัวเจ้าหน้าที่ทหารนาซีไป กองทหารของนาซีกวาดต้อนชาวบ้านฝรั่งเศสที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 652 รายไปที่จัตุรัสกลางหมู่บ้าน นาซีใช้อาวุธปืนจี้ให้ชาวบ้านผู้ชายไปอยู่ในยุ้งฉางที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็นำตัวผู้หญิง 247 ราย และเด็ก 205 ราย ไปในโบสถ์ พวกเขาใช้ปืนกลยิงที่ขาของผู้คนจากนั้นก็จุดไฟเผาทั้งยุ้งฉางและโบสถ์ ใครก็พยายามจะหนีก็จะถูกยิง มีชาวบ้าย 6 รายเท่านั้นที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้

ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนสัญชาติฝรั่งเศส 14 รายที่มีส่วนร่วมสนับสนุนนาซีพวกเขาอ้างว่าได้ร่วมกับกองกำลังชุตช์ชตัฟของนาซี หลังจากการสังหารหมู่เกิดขึ้นหมู่บ้านก็ถูกทิ้งร้างกลายเป็นอนุสรณ์ความทรงจำที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของกองกำลังนาซีในช่วงสงความโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สังหารพลเรือนในระดับร้ายแรงที่สุดที่นาซีกระทำต่อฝรั่งเศส

หลังจากนั้นในปี 2542 สมัยประธานาธิบดีฌาคส์ ชีรัก ก็มีการสร้างหมู่บ้านใหม่ที่อนุสรณ์สถานมีผู้มาเยือนอนุสรณ์แห่งนี้ 300,000 คนต่อปี

โรเบิร์ต เฮบราส์ อายุ 95 ปี เป็นหนึ่งในคนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในครั้งนั้นที่เขายังมีอายุเพียง 19 ปี เฮบราส์บอกว่าเขารู้สึกโกรธกับการทำลายอนุสรณ์สถานแต่ก็ไม่แปลกใจ เขาบอกว่าในทุกวันนี้คนมักจะลืมเลือนเหตุการณ์ในอดีตและคนรุ่นต่อๆ มาหลายรุ่นมักจะมีนิสัยชอบลบข้อความของสถานที่เหล่านี้ มีจำนวนมากที่เป็นพวกชอบบิดเบือนประวัติศาสตร์ เฮบราส์ประนามผู้ก่อเหตุและบอกว่า "คนที่ทำเช่นนี้ไม่ปกติ หรือไม่เช่นนั้นพวกเขาก็เป็นคนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่ยอมรับความจริง"

"ที่ออราดัวร์ พวกเรารู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้น ผู้คนถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมและเลือดเย็นได้อย่างไร แต่สิ่งที่ผมกลัวคือทุกคนจะพูดถึงออราดัวร์แค่ 48 ชั่วโมงแล้วก็หยุด แล้วห็ลืมไป" เฮบราส์กล่าว

เรียบเรียงจาก

Macron vows to find those who defaced site of Nazi massacre, The Guardian, 23-08-2020

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Oradour-sur-Glane_massacre

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net