Skip to main content
sharethis

ผลรับฟังความเห็นทั่วไปฯ 'กองทุนบัตรทอง ปี 2563' รูปแบบ New Normal คึกคัก ทุกภาคส่วนร่วมแสดงความเห็นระบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ / แอป / Facebook live สปสช. เผยข้อเสนอใหม่ ทั้งปรับปรุงระบบ เพิ่มการเข้าถึงบริการ เพิ่มสิทธิประโยชน์ยาและเวชภัณฑ์ เตรียมสู่กระบวนการพัฒนาต่อไป

 

30 ส.ค. 2563 นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ประธานอนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้และผู้รับบริการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่าจากการจัดเวทีรับฟังความเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ประจำปี 2563 ตามมาตรา 18 (13) ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 กำหนดให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) รับฟังความคิดเห็นทั่วไปในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นประจำทุกปี เพื่อระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน สร้างการมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของ นำมาสู่การพัฒนาหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาตลอดระยะเวลา 18 ปี ในการดูแลประชาชนผู้มีสิทธิกว่า 48 ล้านคน ได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง 

ในปีนี้ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การจัดรับฟังความเห็นทั่วไปฯ ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบไป เน้นการรับฟังความเห็นผ่านระบบออนไลน์ทาง https://hearing.nhso.go.th/ และแอปพลิเคชัน สปสช.แทน และได้มีการจัดเสวนาการรับฟังความเห็นเฉพาะด้านและถ่ายสดผ่าน Facebook Live ทางเพจสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเปิดรับฟังความเห็นไปพร้อมกัน ซึ่ง สปสช.ได้ดำเนินการจัดเสวนาผ่าน Facebook live 3 ครั้ง ได้แก่ เวทีรับฟังความเห็นหลักประกันสุขภาพคนพิการในยุค New Normal จัดเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2563 เวทีรับฟังความเห็นผู้ให้บริการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2563 และเวทีรับฟังความเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการระดับประเทศ ประจำปี 2563 จัดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา

นพ.เจษฎา กล่าวว่ารับฟังความเห็นปีนี้ แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบที่แตกต่างจากปีก่อน แต่มีผู้เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนเข้าร่วมแสดงความเห็นและข้อเสนอเข้ามาจำนวนมาก ทั้งจากผู้ให้บริการที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ องค์กรวิชาชีพ หน่วยบริการ ภาคประชาชนในฐานะผู้ให้บริการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และนักวิชาการ เป็นต้น จากการรวบข้อเสนอและความเห็นเบื้องต้น เฉพาะที่ส่งผ่านช่องทางเว็บไซต์ของ สปสช. มีจำนวนมากถึง 216 ความเห็นแล้ว ไม่นับรวมความเห็นที่ส่งผ่านทาง Facebook live และเพิ่มเติมเข้ามาในภายหลังที่คณะทำงานอยู่ระหว่างรวบรวม มีทั้งข้อเสนอและความเห็นที่เป็นการพัฒนาระบบ การเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านบริการ ด้านยา และเวชภัณฑ์ต่างๆ เบื้องต้น ดังนี้ 

ข้อเสนอที่เป็นการพัฒนาและปรับปรุงระบบ อาทิ การพัฒนาแอปพลิเคชันลงทะเบียนสิทธิ์บัตรทองให้ง่ายและสะดวกเพิ่มขึ้น การเพิ่มประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์สิทธิบัตรทองที่ครอบคลุมให้ประชาชนรับทราบมากขึ้น การรวมทุกกองทุนสุขภาพของรัฐโดยไม่แยกสิทธิการรักษา การพัฒนาระบบส่งต่อจากคลินิกไปโรงพยาบาลให้เป็นระบบออนไลน์เพื่อลดการรอและขั้นตอนขอใบส่งตัว และการลดภาระการบันทึกข้อมูลของหน่วยบริการ เป็นต้น  

ข้อเสนอเพื่อการเข้าถึงบริการ อาทิ เพิ่มสิทธิประโยชน์ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อป้องกันโรค เพิ่มสิทธิประโยชน์บริการฟันปลอมครอบคลุมทุกช่วงวัยกรณีมีความจำเป็นต้องใส่ฟันปลอม เพิ่มสิทธิประโยชน์ขูดหินปูน สนับสนุนค่าซ่อมบำรุงรถนั่งคนพิการ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และเพิ่มการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมให้ผู้ต้องขังหญิงทุกปี การให้มีการจัดระบบจัดซื้อยารวมระดับประเทศเพื่อทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาราคาแพงที่บรรจุอยู่ในสิทธิประโยชน์แล้ว เช่น ยาโดนีพีซิล (Donepezil) ใช้รักษาคนไข้โรคสมองเสื่อม ซึ่งอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว แต่โรงพยาบาลไม่จัดซื้อในงบเหมาจ่ายเพราะมีราคาแพงมาก และการขยายเครือข่ายร้านยาของโรงพยาบาลภายใต้โครงการผู้ป่วยรับยาใกล้บ้าน ให้ครอบคลุมระดับเขตสุขภาพ เป็นต้น 

ส่วนข้อเสนอที่เป็นการเพิ่มการเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ ได้แก่ เพิ่มสิทธิประโยชน์ยาต้านไวรัสเอชไอวี TLD สูตรรวมเม็ดยาโดลูเทกราเวียร์ (Dolutegravir หรือ DTG) / ยาลามิวูดีน (Lamivudine) / ยาทีโนโฟเวียร์ (Tenofovir) และยา TAF (Tenofovir Alafenamide Fumarate) เพิ่มสิทธิประโยชน์ยาไรฟาเพนทีน (Rifapentine) ใช้รักษาวัณโรคระยะแฝง เพิ่มสิทธิประโยชน์ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติให้ครอบคลุม การร่วมจ่ายยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ และการสนับสนุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่สำเร็จรูป โดยใช้งบกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นในระดับจังหวัดเพื่อดูแลคนพิการที่มีปัญหาเรื้อรังในการกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ เป็นต้น  

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ข้อเสนอและความเห็นจากเวทีรับฟังความเห็นฯ ที่ได้รับในปีนี้ หลายความเห็นเป็นข้อเสนอที่ดีมาก ขอขอบคุณทุกคนทุกความเห็นที่ร่วมส่งเข้ามา ทำให้ สปสช.ทราบส่วนที่ต้องเพิ่มเติม ปรับปรุง และพัฒนา เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานกองทุนบัตรทองให้บรรลุเจตนารมณ์และมีความยั่งยืน ทั้งนี้หากข้อเสนอใดไม่ยุ่งยากและอยู่ในขอบเขตหน้าที่ สปสช. ทำได้ก็จะดำเนินการโดยทันที แต่ในหลายข้อเสนอที่ต้องมีความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ เข้าเกี่ยวข้อง ทั้งในด้านงบประมาณ การให้บริการ การพิจารณาในเชิงวิชาการและความรอบครอบ รอบด้าน สปสช.จะรวบรวมเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรอง และนำเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป   

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net