'ไมค์-ระยอง' รับทราบข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.โรคติดต่อ-พ.ร.บ.ความสะอาด-กีดขวางจราจร-ไม่ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง ที่ สน.นางเลิ้ง ขณะที่พรุ่งนี้ศาลอาญา รัชดาฯ นัดไต่สวนเพิกถอนการประกัน

ภาณุพงศ์ จาดนอก

2 ก.ย.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ที่ สน.นางเลิ้ง ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ เข้ารับทราบข้อหาจากการชุมนุม

นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ชี้แจงว่าตามกฎหมายแล้วเจ้าตัวมาปรากฏตัวต่อพนักงานสอบสวนเองตำรวจก็สามารถปล่อยตัวกลับบ้านได้เลย เนื่องจากเป็นคดีระดับศาลแขวงเท่านั้น หากฝากขังก็ต้องให้เจ้าตัวเดินทางไปที่ศาลเอง

นรเศรษฐ์ นาหนองตูม

นรเศรษฐ์กล่าวต่อว่า สำหรับภานุพงศ์เองในคดีนี้เขาก็ยืนยันว่าการชุมนุมของตนก็เป็นการแสดงตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเมือง

เมื่อภาณุพงศ์เดินทางมาถึง สน.นางเลิ้ง เขาจุดไฟเผารูปพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จากนั้นเขากล่าวว่าบุคคลเหล่านี้เป็นภัยต่อความมั่นคง เพราะฉะนั้นแล้วบุคคลเหล่านี้ต่างหากที่สมควรถูกดำเนินคดีตั้งแต่รัฐประหารมา จึงขอสาปส่งคนเหล่านี้ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี

"การมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้เป็นอีกขั้นของการต่อสู้ของนักสู้ ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นต่างมักจะโดนแบบนี้ตลอดเวลา พวกเรารับรู้กันได้ว่ามันเป็นอำนาจมืดเราจึงรู้สึกว่าสิ่งที่เราออกมาเรียกร้องในวันนี้ไม่ว่าจะเป็น 3 ข้อหรือ 10 ข้อ ในเรื่องของสถาบันเองก็ตาม ในทุกสิ่งทุกอย่างในรัฐธรรมนูญ มันควรเปลี่ยนทุกมาตรา ในการแก้ไขหรือร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชัยชนะของพวกเราจะสำเร็จได้โดยเร็วที่สุด" ภาณุพงศ์กล่าว

ภาณุพงศ์กล่าวต่อว่าการรับทราบข้อกล่าวหานี้ยังเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่จะต่อสู้กับอำนาจมืดและความอยุติธรรมต่างๆ ตนไม่เคยกลัวการใส่ร้ายป้ายสี และเขายืนยันที่จะทำกิจกรรมต่อไป

11.35 น. ภาณุพงศ์ออกมาแจ้งกับนักข่าวว่าหลังเสร็จสิ้นกระบวนการพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวกลับเลย ทั้งนี้ตนได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเนื่องจากเห็นว่าทางนิสิตนักศึกษาได้ทำไปตามกรอบรัฐธรรมนูญและเป็นสิทธิเสรีภาพไม่ได้ต้องการทำผิดกฎหมายหรือก่อความวุ่นวายแต่อย่างใด

"ข้อกล่าวหานี้เป็นการป้ายสีพวกเราและเป็นความอยุติธรรมในประเทศนี้" ภานุพงศ์กล่าว

ภาณุพงศ์แจ้งว่าหลังจากนี้พนักงานสอบสวนนัดมาพบอีกครั้งในวันที่ 21 ก.ย.นี้

นรเศรษฐ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาทั้งหมด 6 ข้อหาเช่นเดียวกับผู้ต้องหาก่อนหน้านี้ ได้แก่

1. ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

2. กระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34

3. ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วยประการอื่นใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385

4. ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่น หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก มาตรา 114

5. ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนน ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง มาตรา 19

6. ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง มาตรา 4

ทนายความกล่าวต่อว่าหลังจากนี้ก็จะทำคำให้การในรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อพนักงานสอบสวนว่าการกระทำของภานุพงศ์ไม่ได้เป็นความผิดอย่างไรบ้าง แล้วถ้าพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการแล้วก็จะทำหนังสือถึงอัยการว่าการดำเนินคดีนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

ทนายความให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่า ที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีที่อัยการศาลแขวงปทุมวันสั่งไม่ฟ้องคดีของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเพราะไม่เป็นประโยชน์สาธารณะมาแล้ว

ภาณุพงศ์กล่าวต่อว่าพรุ่งนี้ตนจะต้องไปศาลอาญา รัชดาฯ ตามนัดไต่สวนเพิกถอนการประกันที่สน.สำราญราษฎร์ โดยศาลเห็นว่าหลังตนได้ปล่อยตัวชั่วคราวแล้วยังมีการกระทำเดียวกันกับอีก

ทนายความบอกว่าในการไต่สวนก็จะนำพยานเข้าให้การในศาล ซึ่งกรณีนี้ภานุพงศ์ก็ได้ยืนยันมาตลอดว่าการกระทำของตนเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ