Skip to main content
sharethis

บรรยากาศชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ช่วงบ่าย มวลชนเคลื่อนตัวสู่สนามหลวง ตำรวจขอให้ยกเลิกใช้พื้นที่สนามหลวงภายใน 1 ชม. อ้างไม่ได้แจ้งชุมนุม กลุ่มเสื้อแดงระบุสนับสนุนและมาปกป้องลูกหลาน กลุ่มผู้หญิงปลดแอก เสรีเทยพลัส และองค์กรพันธมิตรกางธงรุ้งกลางสนามหลวง ตั้งโต๊ะลงชื่อแก้กม.ทำแท้ง-ค้าประเวณี

*จะมีการรายงานเพิ่มเป็นระยะ

ภาพบรรยากาศบริเวณท้องสนามเวลาประมาณ 16.00 น. มวลชนเคลื่อนเข้าสู่สนามหลวงจับจองที่นั่ง มีการแบ่งโซนสำหรับช่างภาพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังรักษาความปลอดภัยโดยรอบ

16.15 น. เกิดความตึงเครียด​บริเวณแผงเหล็กกั้นสนามหลวงตรงฝั่งสนามหญ้า​ เนื่องจากแกนนำขยับรถ​ 6 ล้อมาใกล้ถนนกลางสนามหลวง​ พร้อมประกาศว่าประชาชน​ต้องใช้ได้สนามหลวง​ได้ทุกพื้นที่​

เพนกวิน พริษฐ์ขอเจรจาว่า​ ถ้าไม่ต้องการให้มีการปะทะเกิดขึ้น​ ให้​ตำรวจควบคุม​ฝูงชนถอยไป​ พร้อมชวนประชาชน​ตะโกน​ "ถอยไป" ให้ตำรวจถอยออกจากสนามหลวง​

ขณะที่เวทีตรงข้ามหอใหญ่ฝั่งสนามหลวง หันหน้าไปทางศาลฎีกาเริ่มตั้งแล้ว

16.20 น. ประชาชน​ยกแผงเหล็ก​ที่กั้นฝั่งสนามหญ้า​ออกและเข้าพื้นที่ฝั่งสนามหญ้า​โดยตำรวจยอมถอยแต่โดยดีื​ ประชาชน​ปรบมือขอบคุณ​เจ้าหน้าที่​ที่ยอมถอยให้

ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมผลักดันเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าใช้พื้นที่ฝั่งทิศใต้เพิ่ม

16.30 น. ตำรวจได้ถอยร่นแผงกั้นไปอยู่ที่ระยะ 150 เมตรจากพระบรมมหาราชวัง และจัดรถฉีดน้ำจากกรมทางหลวงมากกว่า 10 คันเป็นแนวป้องกันสุดท้าย

 

เวลาประมาณ 15.45 น. บริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเวทีย่อยซึ่งเป็นรถเครื่องเสียงเคลื่อนที่ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยกลุ่มแดงลำลูกกา ปทุมฯ ระบุว่ามาดูแลความปลอดภัยให้ลูกหลานของเรา

หญิงเสื้อแดงปราศรัยว่ามาสนับสนุนและปกป้องลูกหลาน

 

เวลาประมาณ 15:30 น. รถนำขบวนและมวลชนกำลังเคลื่อนขบวนเดินทางสู่ท้องสนามหลวง ระหว่างการเคลื่อนขบวน รถนำขบวนได้หยุดบริเวณอนุสรณ์ 6 ตุลาคมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชวนให้ผู้ชุมนุมยืนชู 3 นิ้วไว้อาลัยให้กับวีรชนที่ต่อสู้ในเหตุการณ์ครั้งนั้น

 

เวลาประมาณ 15.30 น. กลุ่มผู้หญิงปลดแอก และองค์กรพันธมิตร นำมวลชนถือธงสีรุ้งข้ามสนามหลวงมาถึงจุดจัดกิจกรรมของกลุ่มที่อีกฝั่งหนึ่งของสนามหลวง ซึ่งมีการจัดกิจกรรมระบายสีจิ๋ม กิจกรรมลงชื่อแก้ไขกฏหมายทำแท้ง กิจกรรมลงชื่อยกเลิกพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี และนิรนาม meeting point สำหรับผู้ที่ต้องการหาเพื่อนไปร่วมชุมนุม

กรกนก คำตา จากกลุ่มผู้หญิงปลดแอก ปราศรัยเรียกร้องให้ผ้าอนามัยเป็นรัฐสวัสดิการ ซึ่งในกิจกรรมของกลุ่มผู้หญิงปลดแอกก็มีการแจกผ้าอนามัยฟรีด้วย นอกจากนี้ยังมีจุดรายงานและให้คำปรึกษากรณีถูกคุกคามทางเพศในการชุมนุมอีกด้วย

 

เวลาประมาณ 15.10 น. ตำรวจแจ้งว่าการชุมนุมที่สนามหลวงไม่ได้มีการแจ้งจัดชุมนุม และให้เลิกชุมนุมภายในหนึ่งชั่วโมง

"การชุมนุมจะต้องระวังเรื่องโควิด-19 มีมาตราการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ผมเข้าใจน้องๆนะครับ เราจะทำตามกรอบกฎหมายที่ให้ไว้ในพ.ร.บ.ชุมนุมเรื่องเกี่ยวกับสาธารณสุขเท่านั้นนะครับ ขอบคุณที่ร่วมมือครับ" ตำรวจกล่าว

 

14.35 น. ไผ่ ดาวดินประกาศตั้งเวทีบนส่วนพื้นแข็งของสนามหลวง 

14.55 น.​ นอกจากกลุ่มของไผ่ดาวดิน​ ธงไพรด์และกลุ่ม​ LGBTQ เป็นกลุ่มหลักที่เข้าไปเปิดพื้นที่ในสนามหลวงกำลังดำเนินการติดตั้งเวทีตรงถนนกลางสนามหลวง นำโดยกลุ่มผู้หญิงปลดแอก กลุ่มเสรีเทยพลัส กลุ่ม 1448 for all และองค์กรพันธมิตร กางธงรุ้งขนาด 15 เมตรกลางท้องสนามหลวง พร้อมปราศรัยเรียกร้องประชาธิปไตยที่มาพร้อมกับความเป็นธรรมทางเพศ และเรียกร้องสิทธิเพื่อคนชายขอบ เช่นผู้มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มชาติพันธ์ และพนักงานบริการทางเพศ และสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย

ส่วนเจ้าหน้าที่​ตำรวจ​เข้ามาตรึงกำลังหลังแผงเหล็ก​ ฝั่งที่เป็นสนามมากขึ้น

14.20 น. ไผ่ ดาวดิน และขบวนการ i-blue แห่ป้ายผ้าข้อเรียกร้อง 10 ข้อ มาที่สนามหลวงพร้อมอ่านให้ฟังทีละป้าย จากนั้นมีการนำรถ 6 ล้อขนของเข้ามาตั้งเวทีในพื้นที่สนามหลวง

14.00 น. มหาวิทยาลัย​ธรรมศาสตร์​ เปิดประตู​ท่าพระจันทร์​ให้เข้าออกได้อีกช่องทาง​ โดยมีการตรวจคัดกรองโควิด-19​ และมี​ ตร.​ ตรวจค้นเพื่อป้องกันการพกพาอาวุธ​เข้าสถานที่

13.45 น. เพนกวินเดินทางมารับมวลชนนนทบุรี​ที่เดินทาง​มาทางเรือและขึ้นเทียบท่าที่ท่าพระจันทร์​ เข้าร่วมสมทบในการชุมนุม​ #19​กันยาทวงอำนาจ​คืนราษฎร

13.30 น. กองทัพเรือมวลชนจากท่าน้ำนนท์ประมาณ​ 10 ลำ ลอยลำอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา​ รอเทียบท่าที่ท่าพระ​จันทร์​

 

สัมภาษณ์-ปราศรัย

พระคุณเจ้าขึ้นปราศรัยระบุ "หากพระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม ชาวเมืองนั้นก็อยู่เป็นทุกข์"

ในตอนหนึ่งของการปราศรัยที่ มธ.ท่าพระจันทร์ คณะพระคุณเจ้าสาธยายพระสูตรจากพระไตรปิฎก ภาคพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [2. ทุติยปัณณาสก์] 2. ปัตตกัมมวรรค 10. อธัมมิกสูตร ที่ได้คัดเลือกมาให้เข้ากับเหตุการณ์ที่กำลังรณรงค์เรียกร้องกันอยู่ในการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ซึ่งนั่นก็คือการปกครองและอำนาจอธิปไตยสูงสุดควรเป็นของประชาชน

“ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมิกสูตรว่าด้วยพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมและผู้ตั้งอยู่ในธรรม ภิกษุทั้งหลายในเวลาที่พระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม แม้พวกข้าราชการก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพวกข้าราชการไม่ตั้งอยู่ในธรรม แม้พราหมณ์และคหบดีก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพราหมณ์และคหบดีไม่ตั้งอยู่ในธรรม แม้ชาวนิคมและชาวชนบทก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ในหมู่มนุษย์ก็เหมือนอย่างนั้น ผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้เป็นใหญ่ ถ้าผู้นั้นประพฤติไม่เป็นธรรม ประชาชนชาวเมืองนั้นก็จะประพฤติไม่เป็นธรรมตามไปด้วย หากพระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม ชาวเมืองนั้นก็อยู่เป็นทุกข์ เมื่อฝูงโคข้ามน้ำไป ถ้าโคจ่าฝูงไปตรง โคทั้งฝูงก็ไปตรงตามกัน ในเมื่อโคจ่าฝูงไปตรง ในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้เป็นใหญ่ ถ้าผู้นั้นประพฤติชอบธรรม ประชาชนชาวเมืองนั้นก็จะประพฤติชอบธรรมตามไปด้วย หากพระราชาตั้งอยู่ในธรรม ชาวเมืองนั้นก็อยู่เป็นสุข”

 

พันศักดิ์ เพชรพิทักษ์ชน 58 ปี

ประธาน นปช. ภาคตะวันตก 7 จังหวัดและผู้สนับสนุนพรรคเสรีรวมไทย ขึ้นปราศรัยย่อยหลังรถกระบะระหว่างทางไปชุมนุมของกลุ่มเยาวชนนักศึกษา กล่าวว่าเดิมพวกตนจะออกมาอยู่แล้ว แต่นักศึกษามาออกเคลื่อนไหวเรียกร้อง ซึ่งตรงกับเราหลายข้อ เช่น หยุดคุกคาม ปชช แก้ รธน 60 ยุบสภา

พันศักดิ์ กล่าวต่อว่า แต่การแก้รัฐธรรมนูญและยุบสภาเลยนั้นขั้นตอนเป็นได้ยาก จึงขอเสนอแนะให้นักศึกษาเรียกร้องให้ใช้รัฐธรรมนู 40 และจัดการเลือกตั้งชั่วคราวก่อน จากนั่นค่อยมี ส.ส.ร. และร่าง รัฐธรรมนูญใหม่ จึงค่อยยุบสภาเลือกตั้งตั้งใหม่ เป็นการปิดการดึงเกมส์ของรัฐบาล

"เราดีใจที่เด็กๆ รุ่นใหม่มีความคิด ห่วงประเทศชาติ และยอมรับไม่ได้กับความอยุติธรรม เช่น การยุบพรรค ก่อนหน้านี้ที่พวกเราเคยเคลื่อนมาก่อนไม่มีคนออก แต่วันนี้เขายอมรับคนเสื้อแดงว่าเป็นวีรบุรุษ วันนี้คนเสื้อแดงจึงออกมา"

พันศักดิ์ยืนยันว่า เสื้อแดงยังไม่ตาย เขาอาจจะเงียบหายบ้าง แต่ใจเขายังเป็นเสื้อแดงอยู่ ซึ่งตอนนี้เขาเริ่มออกมาแสดงตัวแล้ว

 

"หลังขับแท็กซี่เสร็จ ผมคงจะหาที่จอดรถเพื่อเข้าร่วมชุมนุม"

"นายผมสั่งให้มาครับ"

"นายพี่เป็นใครคะ" เราถาม

"นี่ครับลูกชายผมเอง" ไกรราช คนขับแท๊กซี่พูดพร้อมชูรูปลูกชายวัย 8 ขวบให้เราดู

ไกรราช เล่าให้เราฟังขณะที่นั่งรถแท๊กซี่เขามาในงานชุมนุม #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร วันนี้ว่า

“ตอนนี้ประเทศไทยโดนระบอบเผด็จการครอบงำหมดแล้ว ตั้งแต่ประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามา

“ที่ตั้งใจไว้ก็อยากให้ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลูกชายที่จริงเขาก็อยากเป็นทหาร เขาชอบเล่นเกมส์ต่อสู้ยิงปืน แต่ถ้ายังมีเผด็จการครอบงำอยู่เขาก็ไม่อยากเป็นทหาร เพราะว่าเข้ามาแล้วคุณภาพชีวิตก็ไม่ได้ดีพอสมกับที่เขาเข้ามา

“คิดว่าการชุมนุมนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น ต้องดูว่าประชาชนที่ออกมาจะเยอะแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่ายกับรัฐบาลที่อยู่มา 6-7 ปี พยายามเกลี้ยกล่อมประชาชนว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น แถมยังตั้งกฎกติกาการเลือกตั้งขึ้นมา โดยเลือกคนของตัวเองมาเลือกตัวเองเป็นายก อย่าง ส.ว. 250 คน ก็กลุ่มของเขาทั้งนั้น อย่างบิ๊กแดงก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ต่อไปเรื่อยๆ

“ผมคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาก็รู้อยู่แล้วว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้จริงใจกับประชาชน ที่เข้ามาเพื่อสืบทอดอำนาจให้อยู่ได้ยาวนานที่สุด ทั้งประชาชนก็เห็นแล้วว่า สว 250 คนไม่ได้ทำเพื่อประชาชน

“ที่จริงผมเลือกเพื่อไทยแต่ผมก็สนับสนุนอนาคตใหม่เพราะผมเห็นด้วยกับแนวทางของเขา

“เมื่อก่อนไม่ค่อยรู้เรื่องการเมือง เพิ่งรู้เรื่องการเมืองตอนทักษิณเข้ามา ไม่คิดว่าการเมืองมันจะมีผลกระทบต่อตัวเรา ถ้าเราเลือกนักการเมืองที่ดีเข้ามาบริหารบ้านเมืองอะไรก็ดีไปหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ บ้านเมือง ความเป็นอยู่ของเรา การค้าขายลงทุน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ถ้าเลือกนักการเมืองที่ไม่ดี ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนอย่างที่ปัจจุบันนี้ ประชาชนไม่มีที่พึ่ง ไม่รู้จะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ยังไง”

 

หมอลำแบงค์ระบุหลังได้รับอิสรภาพยังเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

ที่รถปราศรัยในสนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ หมอลำแบงค์ "ปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม" อดีตนักโทษการเมืองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ปราศรัยต่อจากสมยศว่า หลังได้รับอิสรภาพมา 4 ปี ก็ยังเต็มไปด้วยความคับแค้นใจที่ถูกหล่อหลอมไว้ “ชีวิตหลังก้าวเดินออกมาจากคุกแห่งนั้น มันเป็นชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความคับแค้นใจ”

โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ก็ถูกตำรวจขอนแก่นแจ้งข้อหาจากการร่วมปราศรัยทางการเมือง ทั้งที่ออกจากคุกยังไม่ครบ 5 ปี

เขาแสดงความเสียใจที่ถูกฟ้องมาตรา 112 ไม่ควรมีประเทศไหนแจ้งให้จับคนเข้าคุก สิ่งนี้ไม่เป็นผลดีเพราะกลายเป็นประเทศไม่อยู่บนหลักนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งสร้างความคับแค้นและไม่มีใครยอมรับได้ ทั้งนี้เขาเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน และอดีตนักโทษการเมือง ปลดปล่อยนักโทษการเมือง เพื่อให้ประเทศปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแท้จริง

ทั้งนี้เขาระบุว่า จะเป็นตัวแทนอดีตนักโทษการเมืองเพื่อยื่นขอนิรโทษกรรม และจะขอทวงคืนสีเหลืองให้กลับมาเป็นของประชาชนด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net