#99dead ละครรำลึกผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์เมื่อเมษา-พฤษภา 53 คนรุ่นใหม่สนใจอาสาร่วมแสดงอยากให้คนได้รับรู้ความจริง แม่น้องเกดดีใจที่คนรุ่นใหม่ได้รับรู้ ยอมรับว่าพวกเขามีความกล้ามากกว่าคนรุ่นเก่าและฝากความหวังไว้กับรุ่นใหม่

19 ก.ย.2563 ในการชุมนุม 19 กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร ที่หน้าศาลฎีกามีการแสดงละคร #99dead เพื่อรำลึกผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์เมื่อเมษา-พฤษภา 53 โดยมีการอ่านชื่อของผู้ที่เสียชีวิตในการสลายการชุมนุมครั้งนั้นด้วย นักแสดงที่มาเล่นเป็นอาสาสมัครทั้งหมด

วาวา อายุ 20 ปี นักศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เหตุผลที่มาร่วมแสดงละครว่า เธออยากมีส่วนร่วมในการทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนเห็นหรือสร้างปรากฏการณ์อะไรบางอย่าง ก่อนหน้านี้เธอไปร่วมมาทุกม็อบแล้วแต่ก็ไปแค่นั่งฟัง

เมื่อถามถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุม วาวาเล่าว่าตอนนั้นยังเด็กแล้วก็ยังไม่ได้สนใจการเมืองอะไรมากมายแค่รู้จากผู้ใหญ่หรือสื่อแต่ที่บ้านไม่ค่อยมีความคิดทางการเมืองรุนแรงอะไร ก็เลยยังไม่ได้รู้อะไรมากเท่าไหร่และเพิ่งได้มารู้จักเหตุการณ์นั้นตอนโตแล้ว เธอรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่โหดร้ายแล้วก็หดหู่ที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วก็มีคนที่ต้องสูญเสีย เสียชีวิตและบาดเจ็บ

“มันไม่ใช่เรื่องปกติที่เราจะมองข้ามเหมือนมันแค่เคยเกิดขึ้นแล้วจบ เราควรตระหนักรู้และไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะฉะนั้นควรรู้ได้แล้วว่าสิ่งนี้มันอิมแพคท์สังคม มันเคยเกิดขึ้น โหดร้าย และมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง” วาวากล่าว

เพื่อนของวาวาในคณะให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนั้นเธอรู้แค่ว่าเป็นการก่อการร้าย แต่เพิ่งมารู้ความจริงทีหลังว่าเป็นเรื่องที่โดนใส่ร้ายมา แต่ความจริงก็เปิดเผยแล้ว แต่ว่าความจริงที่เปิดเผยออกมาก็ยังมีไม่เยอะเท่ากับที่พวกเขาเคยโดนใส่ร้าย เธอเลยรู้สึกว่าการมาแสดงตรงนี้ได้เผยมุมมองในอีกมุมมองหนึ่งที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เพราะว่าตอนนั้นอีกฝ่ายหนึ่งเขาเป็นคนใส่ข่าวอย่างเดียวเลย ผู้เสียหายไม่เคยได้พูดในมุมของเขาเลยพอเราได้มาทำตรงนี้ทำให้เราเข้าใจในมุมของเขามากขึ้น

ออม อายุ 18 ปี เล่าว่าตอนที่มีการสลายการชุมนุมเขาเกิดทันแต่ก็ยังเด็กมากยังอยู่ประถม ตอนนั้นรับรู้จากพ่อที่เป็นเสื้อแดงเพราะสมัยนั้นเขาเปิดข่าวที่เป็นทีวีเสื้อแดงดูทุกวัน ตอนนั้นก็ทะเลาะกับพ่อเพราะจะดูการ์ตูน

ส่วนเพื่อนของออมเล่าว่าตอนนั้นทั้งบ้านก็ไม่มีใครเป็นเสื้อแดงแล้วก็ยังเด็กมากๆ เลยยังไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่เห็นผ่านอินเตอร์เน็ต เขาคิดว่าการใช้ความรุนแรงก็ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว

ออมเสริมว่า พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันก็ต้องมีความเท่าเทียมกัน การที่ยิงคนชีวิตคนมันไม่ได้จบแค่คนๆ หนึ่ง แต่มันยังมีญาติพี่น้องมีลูกมีพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบไม่ได้เอา

พะเยาว์ อัคฮาดให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีของกมลเกด อัคฮาด ลูกสาวของเธอที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามราชวรวิหารวันที่ 19 พ.ค.2553 ปีนี้ก็เป็นปีที่สิบแล้วที่ยังคงไร้ความคืบหน้า เธอบอกว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอไอเล่นแง่เพราะสำนวนถูกส่งกลับไปให้เพื่อให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อส่งให้อัยการคดีพิเศษ แต่ดีเอสไอก็ส่งไปให้อัยการศาลทหารแล้วอัยการศาลทหารก็ไม่ฟ้องเพราะไม่มีพยานหลักฐาน

พะเยาว์กล่าวว่าจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อคดีขึ้นศาลพลเรือนมาตลอดจนกระทั่งศาลมีคำสั่ง แล้วศาลก็เรียกทหารมาเป็นพยานก้มากันหมด แล้วก็มาบอกว่าไม่เกี่ยวกับทหารเลย จึงถือได้ว่าดีเอสไอดองคดีของลูกสาวเธอ

พะเยาว์กล่าวถึงการแสดงว่า ยอมรับว่าดีใจมากๆ ที่เด็กรับรู้หน้าประวัติศาสตร์นี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์แต่เมื่อเขาได้รับรู้แล้วพวกเขาก็อยากทำให้ความจริงปรากฏ พวกเขาก็ดีใจกันที่ได้มามีส่วนร่วมในการแสดงนี้ แล้วเขาก็ซ้อมกันไม่นานแค่เมื่อเที่ยงวันนี้แต่ก็แสดงกันได้ดี ขนาดเมื่อเธอได้เห็นการแสดงก็ยังอินแม้ว่าจะผ่านมาแล้ว 10 ปีเห็นแล้วก็ยังน้ำตาคลอ เห็นที่เขาทำแล้วก็อยากฝากเรื่องทั้งหมดให้กับเด็กรุ่นใหม่ เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงให้ได้ว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือทหารไม่ใช่ว่าฆ่าแล้วไม่ต้องติดคุกไม่ต้องรับผิดชอบ

พะเยาว์กล่าวอีกว่าแล้วในเวลานี้ก็ไม่ง่ายอีกแล้วที่จะออกมาฆ่านักศึกษาฆ่าประชาชนอีกเป็นไปไม่ได้ เราก็จะไม่ยอม

“เขามีความกล้ามากกว่าคนรุ่นเรา เขากล้าที่จะเปิดประเด็นว่ามันต้องเป็นอย่างนี้สิ 12345 ไล่กันไปประเทศไทยมีปัญหาตรงไหนต้องมีการเปลี่ยนแปลงต้องมีการปรับโครงสร้าง ซึ่งเราอึ้งมากกับเด็กรุ่นใหม่ และเราก็ดีใจ ที่เขาไม่เหมือนกับคนรุ่นเราที่ถูกดหัวเอาไว้ในกะลาแต่รุ่นเขามันเปิด เขาไม่ยอมให้เอาอนาคตของพวกเขามาปู้ยี้ปู้ยำ เขาเลือกอนาคตของเขาเองนี่คือสิ่งที่แม่ดีใจ” พะเยาว์กล่าว