Skip to main content
sharethis

กสม. เร่งประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน “กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได” ลงพื้นที่ร่วมสังเกตการณ์กิจกรรมนักปกป้องสิทธิฯ พร้อมเฝ้าระวัง และติดตามการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กป.อพช. ภาคอีสาน แถลง ขอให้องค์กรด้านสิทธิฯ-หน่วยงานรัฐติดตาม ตรวจสอบ สถานการณ์ความรุนแรงในกรณีเหมืองหินดงมะไฟอย่างเร่งด่วน และขอให้องค์กรสื่อมวลชน องค์กรพัฒนาเอกชน เครือข่ายภาคประชาชนและองค์กรสาธารณะทั้งหลายได้ร่วมกันปกป้องนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และรณรงค์ #saveเลิศศักดิ์ 

 

24 ก.ย.2563 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รายงานว่า จากกรณีเมื่อช่วงเย็น วันที่ 23 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับหนังสือจากกลุ่ม Protection International ขอให้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับ เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ที่ปรึกษาโครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่และแกนนำกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได รวมทั้งประชาชนที่คัดค้านการต่อประทานบัตร โรงโม่หินในตำบลดงมะไฟ อำเภอสุรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู นั้น

วันนี้ (24 ก.ย.63) ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับรายงานในกรณีดังกล่าว ได้มอบหมายให้ผู้บริหารสำนักงาน กสม. เร่งประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกรณีนี้โดยเร่งด่วนในเบื้องต้นได้ประสานกับ พล.ต.ต. สมประสงค์ พิมพิลา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภูเพื่อขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนายเลิศศักดิ์ ซึ่งได้รับคำยืนยันจาก พล.ต.ต. สมประสงค์ ว่าได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่แล้ว

ประกายรัตน์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ (24 กันยายน 2563) ตนได้พบและหารือกับอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เกี่ยวกับการหามาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่นายเลิศศักดิ์ และประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อขอให้คุ้มครองความปลอดภัยให้กับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชนในพื้นที่โดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรุนแรงจนเกิดอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายของบุคคล รวมทั้งเพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและเห็นว่าตนเองได้รับผลกระทบด้านสิทธิชุมชนสามารถใช้เสรีภาพในการชุมนุมที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองไว้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 อีกทั้งยังได้มอบหมายให้ผู้บริหารสำนักงาน กสม. พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อร่วมสังเกตการณ์และเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์การชุมนุมของประชาชนในวันปิดโรงโม่หินหลังประทานบัตรหมดอายุในวันที่ 25 กันยายน 2563 ณ ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู โดย กสม. จะเฝ้าระวังและติดตามการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อไป

ขณะที่ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน (กป.อพช.ภาคอีสาน) ออกแถลงการณ์ “หยุดอำนาจรัฐเผด็จการอุ้มทุนโรงโม่หินดงมะไฟ ปกป้องนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

รายละเอียดมีดังนี้ 

แถลงการณ์คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน “หยุดอำนาจรัฐเผด็จการอุ้มทุนโรงโม่หินดงมะไฟ ปกป้องนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

26 ปี แห่งการต่อสู้ของกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ผาจันได กับการลุกขึ้นมาคัดค้านการทำเหมืองแร่หินปูนหรือโรงโม่หินในพื้นที่ป่าชุมชน ตลอดเส้นทางการต่อสู้ของชาวบ้านคนธรรมดาจากที่เคยจับจอบ จับเสียม ทำไร่ ไถนา ก็ต้องลุกขึ้นมาเขียนหนังสือร้องเรียนหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องเหมืองหินปูนและโรงโม่หิน เพื่อหยุดกระบวนการทำลายป่าชุมชน แหล่งทรัพยากรของชาวบ้านด้วยเหตุว่ามีการปลอมแปลงเอกสารการประชาคม เพื่อประกอบการขออนุญาตทำเหมืองหินของนายทุน แต่นอกจากเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่ดำเนินการตรวจสอบแล้ว ยังคงเดินหน้าอนุญาตราวกับไม่เห็นความผิดพลาด จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาฟ้องศาล เพื่อให้เพิกถอนประทานบัตรการทำเหมืองหิน โดยในศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนประทานบัตร แต่เมื่อมีการกลับคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ก็เป็นเหตุให้บริษัทเอกชนอาศัยช่องว่างของกฎหมายดำเนินการทำเหมืองโดยไม่ต้องรอการพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กระบวนการเอื้อกลุ่มทุนกดขี่ชาวบ้านเช่นนี้นำมาซึ่งข้อกังขาต่อกระบวนการยุติธรรมไทยว่ายังคงเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือไม่ !?

แม้ชาวบ้านจะชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ให้ประทานบัตรนอกเขตแหล่งหินอุตสาหกรรม จึงต้องเพิกถอนประทานบัตรของบริษัทเอกชน แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลกลับเพิกเฉย ในรอบ 26 ปี ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ยื่นหนังสือร้องเรียนและคัดค้านการทำเหมืองหลายร้อยฉบับ ทั้งหน่วยงานรัฐในระดับ ท้องถิ่นและส่วนกลาง แต่หน่วยงานเหล่านั้นกลับนิ่งเฉยและหาวิธีการเปิดช่องให้นายทุน โดยไม่สนใจที่จะกำกับดูแลให้เอกชนดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าระบบราชการไทยแท้จริงนั้นเป็นเพียงกลไกที่คอยรับใช้กลุ่มทุนหาใช่กลไกที่รับใช้ประชาชนตามที่กล่าวอ้าง เมื่อไม่อาจหวังพึ่งข้าราชการได้ ชาวบ้านจึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยตัวเอง ครั้นพอขบวนการต่อสู้ของชาวบ้านมีพลังเข้มแข็ง กระบวนการสกัดกั้นขบวนการชาวบ้านด้วยความ รุนแรงก็เริ่มขึ้น ปี2538 แกนนำชาวบ้าน 2 คน ถูกสังหาร เพื่อเปิดทางให้กระบวนการทำเหมือง แต่เมื่อชาวบ้าน ไม่ยอมแพ้และยังคงเดินหน้าคัดค้านต่อไป จึงมีคำสั่งสังหารแกนนำ 2 คน อีกครั้ง ในปี 2542 การสังหารแกนนำ ทั้ง 4 ศพ เป็นการกระทำที่อุกอาจซึ่งคนในพื้นที่ทราบเป็นอย่างดีว่าใครคือ 'ผู้บงการ' จะมีก็แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ เคยรับรู้อะไรเลยและ ไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ ในทางกลับกันกลไกรัฐได้ใช้ความรุนแรงกับชาวบ้าน ทั้งการ ข่มขู่ คุกคาม และ อำนวยการควบคุม ติดตามขบวนชาวบ้านมาโดยตลอด โดยเฉพาะ กอ.รมน. เป็นเหตุให้ชาวบ้านนักต่อสู้ต่างสงสัยในบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานรัฐว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการใช้ความรุนแรงกับชาวบ้านหรือไม่

ปรากฏการณ์ล่าสุดคือคำสั่งฆ่าแกนนำรายที่ 5 คือ นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ แกนนำเครือข่ายผู้เป็นเจ้าของแร่แห่งประเทศไทย และ หัวหน้าพรรคสามัญชน ซึ่งมีส่วนสนับสนุนชาวบ้านในการต่อสู้เพื่อปิดเหมืองแร่หินดงมะไฟในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความอุกอาจและไม่เกรงกลัวกฎหมายของกลุ่มนายทุนโรงโม่หินและสะท้อนความล้มเหลวของการบริหารจัดการทรัพยากรของภาครัฐ ดังนั้น คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช. ภาคอีสาน) มีข้อเสนอต่อสาธารณะดังนี้

(1)ขอให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและหน่วยงานรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาติดตาม ตรวจสอบ สถานการณ์ความรุนแรงในกรณีเหมืองหินดงมะไฟอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียของประชาชนอีกต่อไป

(2)ร้องขอให้องค์กรสื่อมวลชน องค์กรพัฒนาเอกชน เครือข่ายภาคประชาชนและองค์กรสาธารณะทั้งหลายได้ร่วมกันปกป้องนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และรณรงค์ #saveเลิศศักดิ์ ไปด้วยกัน

ด้วยจิตคารวะ

กป.อพช. ภาคอีสาน

24 กันยายน 2563

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net