ใบตองแห้ง: ม็อบทุบเศรษฐกิจ ?

รัฐบาลและเครือข่ายใช้ปฏิบัติการจิตวิทยา ทั้งข่มขู่ให้ร้ายปล่อยข่าว ม็อบจะสร้างความรุนแรง จะเกิดความวุ่นวาย จะปะทะกัน จะเกิด 6 ตุลา จะเกิดรัฐประหาร ฯลฯ เพื่อให้เกิดความกลัวความตึงเครียด เพื่อให้คนไม่กล้าไปม็อบ พ่อแม่ห้ามลูกหลาน นักเรียนนักศึกษา เกรงจะเป็นอันตราย

พอดูท่าจะสกัดไม่ได้ ก็หันมาซัดว่าถ้าม็อบวุ่นวายมาก รัฐบาลบริหารไม่ได้ คน 60 ล้านเดือดร้อน ใครรับผิดชอบ

หรือโทษว่าม็อบจะทำให้คนตกงาน เศรษฐกิจกำลังจะฟื้น ถ้ารัฐบาลอยู่ไม่ได้ โครงการจ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง เด็กจบใหม่ 2.6 แสนคน ใครจะรับผิดชอบ

เป็นข้ออ้างแบบกุ๊ย อันธพาล รัฐบาลได้อำนาจมาอย่างไม่ชอบธรรม ด้วยกติโกง ตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเอง ดันทุรังไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ แล้วอ้างคน 60 ล้านเป็นตัวประกัน

รัฐบาลบริหารงานไร้ประสิทธิภาพ ล้มเหลวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตั้งแต่รัฐประหาร พอเป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ผสมพันธุ์นักการเมือง ก็มัวแต่แก่งแย่งเก้าอี้กัน ทีมเศรษฐกิจลาออก ตั้งรัฐมนตรีคลังใหม่ 27 วันลาออก จนป่านนี้ยังหาคนไม่ได้ ไม่ยักเคยมีความรับผิดชอบต่อประชาชน

แก้ปัญหาเศรษฐกิจ กี่ปีกี่ชาติก็คิดได้แค่ชิมช้อปใช้ เพิ่มวันหยุด ยุให้ข้าราชการหลังยาว

5 ปีรัฐประหารคุยโอ่ผลงานปราบลอตเตอรี่เกินราคา งวดนี้เท่าไหร่ล่ะ คู่ละ 220 แล้วจะให้คนซื้อไปแจ้งจับแม่ค้า ซึ่งถูกกินหัวคิวมาเป็นทอด ๆ ปัญหาแค่นี้ยังแก้ไม่ได้ ไม่เคยรับผิดชอบต่อประชาชน ยังโทษว่าม็อบจะทำให้เศรษฐกิจพัง

ข้อแรก ม็อบจะทำให้เศรษฐกิจพังได้อย่างไร ในเมื่อไม่ใช่ม็อบมีเส้นยึดทำเนียบยึดสนามบินปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้งเพื่อให้เกิดรัฐประหาร ม็อบนักศึกษาม็อบคนรุ่นใหม่อย่างมากก็ค้างคืนเดียวเพราะต้องไปเรียนไปทำงาน

จุดประสงค์ของม็อบครั้งนี้คือการ “ยกระดับ” แสดงพลังช่วงชิงพื้นที่ ที่เป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยมาตั้งแต่อดีต แต่ปัจจุบันถูกห้าม ธรรมศาสตร์ถูกห้าม สนามหลวงถูกกั้นรั้ว (ไม่มีกระทั่งที่รอรถเมล์) ทำเนียบรัฐบาลก็ห้ามเข้าใกล้ 50 เมตร

เขาจึงจะชุมนุมค้างคืนแล้วเดินขบวน เพื่อทวงพื้นที่ของประชาชนคืน แล้วก็จบ เป็นการแสดงพลังโดยสงบ ถ้าตำรวจทหารไม่ใช้กำลังขัดขวาง ไม่ใช้ความรุนแรง ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น

ข้อสอง ม็อบทำให้เศรษฐกิจพังไม่ได้หรอก เพราะมันพังแล้วด้วยฝีมือประยุทธ์ ก่อนโควิดก็แย่อยู่แล้ว พอเกิดโควิดใช้วิธีคิดแบบทหาร ยึดเป้าหมายทำให้ตัวเลขเป็นศูนย์ เศรษฐกิจฉิบหายเท่าไหร่ช่างมัน “ฉุกเฉินชั่วชาติ” สร้าง Mindset แห่งความหวาดกลัว ศูนย์ ๆ ๆ อยู่บนความหวาดผวาว่าจะระบาดรอบสอง ๆ ๆ “ภูเก็ตโมเดล” จึงล่มเพราะคนยังจมอยู่ในความกลัว ไม่มีทางเปิดรับทัวร์ต่างชาติได้จนกว่าจะมีวัคซีน ปีหน้าตอนบ่าย ๆ หรือชาติหน้าตอนบ่าย ๆ สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว ที่คงจะตายหมดก่อน

ข้อเรียกร้องของคนรุ่นใหม่อาจจะ “เพดานสูง” แต่ข้อเรียกร้องขั้นต้น ก็เป็นจุดร่วมของคน 60 ล้านด้วยซ้ำ คือแก้รัฐธรรมนูญ ตั้ง สสร.ขึ้นมายกร่างใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งใช้เวลา แต่ระหว่างนี้ก็แก้เฉพาะหน้า ตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ แก้ระบบเลือกตั้ง เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ชอบธรรม ที่คน 60 ล้านเลือกมา ซึ่งถ้าประยุทธ์ชนะ พปชร.ชนะ ตามกติกาประชาธิปไตยก็ต้องยอมรับ

แต่รัฐบาลและ 250 ส.ว.ดันทุรัง จะงอกรากอยู่อย่างนี้ไม่ยอมไป

อันที่จริง 6 ปีรัฐประหาร ปัจจัยการเมืองก็สร้างความวิตกต่อนักลงทุนต่างชาติมาตลอด เพราะเขาไม่เชื่อว่าระบอบที่ไม่ชอบธรรมนี้จะดำรงอยู่ได้ สืบทอดอำนาจได้อย่างราบรื่น จะต้องเกิดแรงต้านปะทุขึ้นสักวัน เขาจึงยั้งมือไม่ลงทุนระยะยาว (หรือย้ายหนีเสียเลย)

แล้วระบอบนี้ก็ถึงจุดหัวคะมำจนได้ แต่กลับไปโทษคนต่อต้านว่าต้องรับผิดชอบ มีความผิดฐานไม่ยอมจำนนเผด็จการ

 

 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/content/388902

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท