Skip to main content
sharethis

สื่อเรดิโอฟรีเอเชียรายงานเรื่องที่บุคคลในระดับสูงของรัฐบาลพรรคพีเพิลปาร์ตีของกัมพูชา (CPP) รวมถึงครอบครัวของนายพลระดับสูงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการลงทุนที่น่าสงสัยของนักธุรกิจออสเตรเลียซึ่งเข้าข่ายต้มตุ๋นจากข้อมูลของศาลรัฐบาลกลางออสเตรเลีย


พล.อ.พล เสรือน หนึ่งในทหารระดับสูงที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนไว้วางใจและเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2552-2561 ขณะนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีระดับสูง | ที่มาภาพ: RFA

3 ต.ค. 2563 มีการเปิดโปงจากสื่อเรดิโอฟรีเอเชียว่า ลูกสาวหลายคนของนายพลกัมพูชาที่ครองตำแหน่งในรัฐบาลมายาวนานเป็นนายหน้าให้กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวออสเตรเลียจนเกิดเป็นกรณีต้มตุ๋นฉ้อโกงมูลค่าราว 100 ล้านดอลลาร์ โดยสื่อฉบับดังกล่าวได้ทำการตรวจสอบความมั่งคั่งและสินทรัพย์ของครอบครัว พล.อ.พล เสรือน หนึ่งในทหารระดับสูงที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนไว้วางใจและเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2552-2561 และตอนนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีระดับสูง

จากส่วนหนึ่งของการสืบสวนเรื่องการกักตุนอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศของชาวกัมพูชาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง สื่อพบว่าครอบครัวของนายพลเสรือนมีสินทรัพย์กระจายอยู่ใน 3 ทวีป

ในออสเตรเลีย ครอบครัวของเสรือนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนที่ชวนให้เกิดข้อโต้แย้งที่เรียกว่า "แลนด์แบงค์" หรือการจัดแบ่งที่ดินที่ไม่ได้รับการพัฒนาขนาดใหญ่ออกเป็นผืนย่อยๆ เพื่อให้นักลงทุนมากว้านซื้อเผื่อว่าวันหนึ่งจะมีการอนุญาตใหพัฒนาเป็นย่านที่พักอาศัยแต่การเก็งกำไรเช่นนี้ก็ทำให้ราคาที่ดินสูงลิ่ว ทั้งนี้รัฐบาลออสเตรเลียยังเตือนอีกว่ามีนักลงทุนจำนวนมากศูญเงินเปล่าไปกับแปนการแบบนี้หรือบางคนประสบปัญหาการจัดการแย่ไปจนถึงขั้นถูกต้มตุ๋น

ลูกสาวของเสรือนสองคนคือ พล พิเส และ พล โสเทียวี ต่างก็มีส่วนพัวพันกับการต้มตุ๋นนี้ ในเดือน ก.ค. 2554 พวกเขาได้รับเงินปันผลจากหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แลนด์แบงค์ที่จดทะเบียนในออสเตรเลีย เอเวียชัน 3030 พรอเพอร์ตี จำกัด มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์ จนกระทั่งในปี 2562 ศาลรัฐบาลกลางออสเตรเลียได้ตัดสินให้ยุบขบวนการที่ดินนี้หลังจากที่มีการร้องเรียนจากคณะกรรมการด้านความมั่นคงและการลงทุนของออสเตรเลีย

เอเวียชัน 3030 พรอเพอร์ตี จำกัด มีผู้ก่อตั้งคือฮาคลี เลา ชาวออสเตรเลียเชื้อสายกัมพูชา ที่ได้รับการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาลพีเพิลปาร์ตีของกัมพูชา รวมถึงลูกคนหนึ่งของฮุนเซน เลาเริ่มตั้งบริษัทนี้หลังจากได้ที่ดิน 240 เอเคอร์ (ประมาณ 607 ไร่) ในย่านชานเมืองของเมลเบิร์น หลังจากนั้น 2 เดือน พี่น้องทายาทนายทหารใหญ่ตระกูลพลของกัมพูชาก็ซื้อหุ้นบริษัทมูลค่า 5 ล้านหุ้น คิดเป็นที่ดิน 5 เอเคอร์ (ราว 12 ไร่) ในวงเงิน 50 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1,100 บาท) โดยที่เงินจำนวนนี้เมื่อเทียบกับราคาที่ให้นักลงทุนแล้วกลับมีการมาร์คอัพราคาขึ้นถึงร้อยละ 1,999,900

ต่อมาในปี 2562 ผู้พิพากษาศาลในออสเตรเลียก็ตรวจสอบพบว่า พล พิเส และ พล โสเทียวี ต่างก็เป็นตัวแทนให้กับเลาโดยให้เลาใช้ชื่อของพวกเธอในการปกปิดผลประโยชน์จากความเป็นเจ้าของจากนักลงทุนในอนาคต ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าลูกสาวนายพลใหญ่ 2 รายนี้ได้ประโยชน์์อะไรจากการจัดการเหล่านี้ แต่ก็ดูเหมือนเป็นเครื่องมือให้กับการหลอกล่อนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีการจดทะเบียนบริษัทในกัมพูชาชื่อ เอยู ไดเรกต์ กรุ๊ป จำกัด ยังมีการใช้ที่อยู่เดียวกับที่โสเทียวีและสามีของเธอใช้ในการจดทะเบียนบรรษัท เนื่องจากว่าบริษัทดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกระบุในบันทึกของกระทรวงพาณิชย์อีกต่อไปแล้วทำให้องค์กรตรวจสอบจากอังกฤษ โกลบอล วิตเนส ไม่สามารถระบุได้ว่าบริษัทนี้จัดตั้งไปเพื่อจุดประสงค์ใด

ผู้พิพากษาออสเตรเลีย จอห์น โอแคลลาแฮน ระบุว่า ผู้ก่อตั้งบริษัทเหล่านี้คือเลาได้ให้จำนวนหุ้นแก่ตัวเองและพวกพ้องในมูลค่าที่ "ต่ำมากอย่างน่าประหลาด" สร้างเอกสารและใบแจ้งหนี้เทียม ให้ข้อปฏิบัติเทียมแก่ทนายความนอกบริษัท ล่อลวงนักลงทุนที่หลงเชื่อ ทำให้นักลงทุนเหล่านี้กู้ยืมจากกลุ่มที่ใกล้ชิดกันและทำการลงทุนปริมาณมหาศาลและไม่ได้มีการรับรอง

ไม่ใช่แค่กรณีของสองพี่น้องลูกนายพลใหญ่เท่านั้นที่พัวพันกับการต้มตุ๋นของเลา ก่อนหน้านี้เลาก็เคยตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุน (Investments Unit Trust) ที่ชื่อว่า VKK เรียกเงินจากนักลงทุน 22 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 497 ล้านบาท) จากรายงานของสื่ออัลจาซีราในปี 2561 กลุ่มคนที่ร่วมลงทุนประกอบด้วยอธิบดีสรรพากรกัมพูชา คง วิบล โดยที่ต่อมาในปี 2555 วิบลก็ฟ้องร้องเพื่อนนักลงทุนใน VKK และเลาที่จัดการขบวนการนี้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ได้แถลงเกี่ยวกับกรณีปัญหาของชุมชนชาวกัมพูชาในออสเตรเลีย เช่น กรณีอาชญากรรมเรื่องการฟอกเงิน ข่มขู่คุกคาม และ ลักลอบนำเฮโรอีน บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปขาย

แต่ทว่าคนใหญ่คนโตของกัมพูชาก็เข้าไปทำเรื่องการต้มตุ๋นไว้เช่นกัน มีผู้เปิดโปงเรื่องนี้ที่เป็นอดีตสมาชิกพรรค CPP คัลยัน ไค เธอเล่าถึงกรณีที่เธอเคยได้รับชวนให้ไปร่วมพบปะที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมลเบิร์น มีผู้ช่วนเป็น ฮุนมาเนต ลูกชายของฮุนเซนที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการข่าวกรองกองทัพกัมพูชา ในจำนวนคนที่ร่วมประชุม 7 คน มีเลารวมอยู่ด้วย และฮุนมาเนตก็ดูจะสนิทสนมกับเลา เธอมองว่าเลามีเส้นสายกับกลุ่มคนระดับสูงในรัฐบาลกัมพูชามากกว่าสมาชิกคนอื่นๆ ทั่วไป

สื่อเรดิโอฟรีเอเชียรายงานอีกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจของ พล.อ. พล เสรือน นั้นนอกจากในกัมพูชาและออสเตรเลียแล้วยังขยายไปในสหรัฐฯ ด้วย การสั่งสมทรัพย์สินของตัวเองแบบนี้มีมาตั้งแต่ในสมัย พล เสรือน ยังเป็นเสนาธิการสมัยเขมรแดง พล เสรือน ร่วมกลุ่มเขมรแดงมาตั้งแต่เขาอายุได้ 20 ปี ตอนนั้นเป็นปี 2511 ตลอดช่วง 10 ปีหลังจากนั้นเขาเข้าร่วมการใช้กำลังปราบปรามการมีทรัพย์สินส่วนบุคคลด้วยวิธีการที่รุนแรงและไร้มนุษยธรรม ฮิวแมนไรท์วอทช์รายงานว่าเสรือนเป็นผู้ดูแลคุก S-79 ที่มีการคุมขังผู้คนที่ทหารฝ่ายปฏิวัติกล่าวหาว่าทรยศการปฏิวัติโดยไม่มีกระบวนการดำเนินคดีใดๆ และมักจะมีการทารุณกรรมเกิดขึ้นในการไต่สวนก่อนที่จะมีการประหารโดยพลการหรือจับ "ปรับทัศนคติ"

แต่ดูเหมือนว่าในปัจจุบันอดีตคนปราบปรามทรัพย์สินส่วนบุคคลจะถือครองที่ดินเสียเอง ภรรยาของเขา นูป สิดารา เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่างทั่วกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นเหมือนแร่หรือเหมืองหิน ซึ่งภาคประชาสังคมหลายส่วนกล่าวหาว่าสิดาราดำเนินธุรกิจเหล่านี้โดยมีทหารภายใต้การบัญชาการของเสรือนให้การคุ้มครอง

นอกจากนี้ลูกสาวของเขายังนั่งเป็นกรรมการบอร์ดของบริษัทในกัมพูชาหลายบริษัท รวมถึงมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในออสเตรเลียอย่างคัมวุธคิงดอมก่อนที่บริษัทนี้จะถูกเพิกถอนการจดทะเบียนเมื่อปี 2562 โดยที่บริษัทนี้ไม่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนใดๆ เช่นกัน โสเทียวีและสามีของเธอยังมีธุรกิจร้านค้าในรัฐเท็กซัส ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 6.3 ล้านบาท) ด้วย

เรื่องราวการต้มตุ๋นที่ดินที่คนระดับสูงในการเมืองกัมพูชามีส่วนเกี่ยวข้องนี้ดำเนินมาถึงในเดือน มี.ค. 2562 ที่ผู้พิพากษาในออสเตรเลียตัดสินเห็นพ้องกับผู้ฟ้องร้องคือคณะกรรมการด้านความมั่นคงและการลงทุนของออสเตรเลียให้ยุบบริษัทที่ดินดังกล่าวที่มีหนึ่งในผู้ซื้อที่ดินเป็นบริษัทอสังหารัมทรัพย์น่าสงสัยจากจีนคือต้าหัวที่เข้ามาซื้อที่ดินในออสเตรเลียด้วยเงินมากกว่าที่เอเวียชัน 3030 ซื้อมาแต่เดิม 20 เท่า


เรียบเรียงจาก
Top Cambodian General's Family Tied to $100 Million Australian Fraud, Radio Free Asia, 30-09-2020

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net