11 ต.ค. 2563 ศบค. แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 2 คน พบจากสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,636 คน รักษาหาย 6 คน รวมรักษาหายสะสม 3,451 คน ผู้เสียชีวิตสะสม 59 คน - สธ. เร่งค้นหาผู้สัมผัสในไทยหลังพบคนขับรถจากพม่าติด COVID-19 - จ.ตาก ออกคำสั่งระงับการเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวร พื้นที่เสี่ยง COVID-19 บังคับใช้ตั้งแต่ 11 ต.ค. 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 6 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศและเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) ประกอบด้วย ญี่ปุ่น 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย เยอรมนี 1 ราย คูเวต 1 ราย และอินเดีย 2 ราย

ผู้ป่วยใหม่ รายแรก เป็นเพศชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 57 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางจากประเทศญี่ปุ่นถึงไทยวันที่ 20 ก.ย. เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกทม. ตรวจหาเชื้อครั้งแรก วันที่ 24 ก.ย. ผลตรวจไม่พบเชื้อ และตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 ต.ค.ผลตรวจพบเชื้อ เข้ารับการรักษาในรพ.เอกชน กทม.

รายที่ 2 เพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 32 ปี เดินทางจากสหราชอาณาจักรถึงไทย วันที่ 3 ต.ค.(มีรายงานผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบินเดียวกัน 1 ราย) เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกทม. ตรวจหาเชื้อครั้งแรก วันที่ 8 ต.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษารพ.เอกชน ในกทม.

รายที่ 3 เพศชาย สัญชาติเยอรมนี อายุ 53 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางจากเยอรมนีถึงไทยวันที่ 3 ต.ค. (มีรายงานผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบินเดียวกัน 1 ราย) เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกทม. ตรวจหาเชื้อครั้งแรก วันที่ 8 ต.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาในรพ.เอกชน จ.นนทบุรี

รายที่ 4 เพศชาย สัญชาติไทย อายุ 34 ปี อาชีพพนักงานนวด เดินทางจากคูเวตถึงไทย วันที่ 4 ต.ค. ผ่านการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค โดยมีอาการไอและเจ็บคอในก.ย. ตรวจหาเชื้อครั้งแรก วันที่ 4 ต.ค. ผลตรวจพบเชื้อ เข้ารับการรักษาที่รพ.สมุทรปราการ

รายที่ 5 และ 6 เดินทางมาจากประเทศอินเดียถึงไทยวันที่ 25 ก.ย. (มีรายงานผู้ป่วยยืนยันในเที่ยวบินเดียวกัน 8 ราย) สำหรับรายที่ 5 เป็นเพศหญิง สัญชาติอินเดีย อายุ 31 ปี เดินทางมาหาสามีพร้อมบุตร เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกทม. ตรวจหาเชื้อครั้งแรก วันที่ 30 ก.ย. ไม่พบเชื้อ ต่อมาตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 8 ต.ค.ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาใน รพ.เอกชน จ.นนทบุรี

และรายที่ 6 เป็นเพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เคยมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกทม. ตรวจหาเชื้อครั้งแรก วันที่ 25 ก.ย. และครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 ต.ค. ผลตรวจไม่พบเชื้อ และตรวจครั้งที่ 3 ในวันที่ 8 ต.ค. ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาในรพ.เอกชน ในกทม.

ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกวันนี้ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อรวม 37,099,134 ราย เสียชีวิต 1,072,605 ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 7,894,478 ราย อินเดีย จำนวน 6,977,008 ราย บราซิล จำนวน 5,057,190 ราย รัสเซีย จำนวน 1,272,238 ราย และโคลอมเบีย จำนวน 894,300 ราย ตามลำดับ สำหรับประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 139

ในต่างประเทศมีประเด็นน่าสนใจ ดังนี้ ประเทศฝรั่งเศส ได้ขยายคำสั่งเตือนภัยโควิดขั้นสูงสุด อีก 4 เมือง ได้แก่ เมืองลีล เมืองลียง เมืองเกรโนเบลอ และเมืองแซ็งเตเตียน หลังจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มสูงขึ้น โดยต้องปฎิบัติตามกฎเดียวกับกรุงปารีส เมืองมาร์แซร์ และดินแดนโพ้นทะเลกัวเดอลุป ที่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมขั้นสูงสุดแล้ว โดยไม่สามารถเปิดให้บริการผับบาร์ได้ การจัดงานเลี้ยงและกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภทไม่ได้รับอนุญาต แม้ร้านอาหารยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ

ส่วนประเทศเยอรมนี พบสถิติผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากังวล และหากประชาชนไม่ปฎิบัติตามแนวทางสาธารณสุขของรัฐบาล ทั้งการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล การสวมหน้ากาก การล้างมือ คาดว่าอาจพบผู้ป่วยรายวันสูงถึงวันบะ 10,000 คนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ด้านประเทศญี่ปุ่น กำลังพิจารณาผ่อนปรนมาตรการห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ แก่ 12 ประเทศและดินแดนที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ในระดับต่ำ ได้แก่ เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน ไทย นิวซีแลนด์ บูรไน มาเก๊า มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และ ฮ่องกง พ้นจากประเทศใน "ระดับ 3" ที่แนะนำให้ยกเลิกการเดินทางมาอยู่ใน "ระดับ 2" ซึ่งจะไม่ถูกพนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นปฎิเสธให้เข้าประเทศเหมือนกับระดับ 3 นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังมีแผนการยกเว้นการตรวจหาสารพันธุกรรมไวรัส (PCR) เมื่อเดินทางเข้าประเทศให้กับผู้มีสัญชาติของประเทศระดับ 2 ด้วย

สธ. เร่งค้นหาผู้สัมผัสในไทยหลังพบคนขับรถจากพม่าติด COVID-19

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตากว่า จากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในพื้นที่ อำเภอแม่สอด โดยการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ใน 5 อำเภอชายแดน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลแม่สอด และเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ตั้งจุดตรวจโควิด-19 บริการฟรี ตรวจในกลุ่มคนขับรถขาเข้าทั้งไทย และเมียนมา โดยให้คนขับรถทุกคนลงจากรถเพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจ รพ.แม่สอด รวมจำนวน 115 คน ผลการดำเนินงานแต่วันที่ 8-9 ต.ค. 2563 ตรวจพบสารพันธุกรรมจำนวน 2 ราย

ขณะนี้ทางการเมียวดี ได้รับตัวผู้ป่วยทั้ง 2 ราย เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเมียวดีแล้ว สำหรับผู้สัมผัสที่ทำงานในโรงงานเดียวกัน 100 คน ทั้งหมดได้ถูกส่งเข้า State Quarantine ของประเทศเมียนมา ส่วนฝั่งประเทศไทยกำลังเร่งติดตามค้นหาผู้สัมผัสเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดประสานงานและให้ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นอย่างดี ในการป้องการแพร่เชื้อข้ามพรมแดนด้วยระบบเฝ้าระวังกักกันที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลสุขภาพอนามัยประชาชน ขอเน้นย้ำว่าความปลอดภัยของบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ขอให้บุคลากรสาธารณสุข อสม.ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความปลอดภัย และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า จ.ตาก ออกคำสั่งระงับการเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวร พื้นที่เสี่ยง COVID-19 บังคับใช้ตั้งแต่ 11 ต.ค. 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง