Skip to main content
sharethis

'ประยุทธ์' เผยสั่ง ตร.ทบทวนคำสั่งระงับสื่อ ย้ำต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนเป็นสำคัญ ยกเว้นมีกรณีข้อมูลเท็จ บิดเบือน ล้ำเส้น ก้าวล่วง ให้ดำเนินการเฉพาะ เป็นเรื่องๆ ไป โดยขอให้ครั้งนี้เป็นการไปพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อน ขณะที่ ‘จุรินทร์’ เสนอตั้งคณะทำงานรับฟังม็อบ ชงเรื่องแก้ รธน.หารือในสภา เชื่อนายกฯใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่าที่จำเป็น

20 ต.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเฟจ 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ' ระบุว่า ประเด็นสำคัญที่ตนพูดกับสื่อมวลชนหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อซักครู่ เป็นประเด็นที่ตนต้องการพูดกับสื่อมวลชนทุกท่านโดยตรง

ดังที่ได้เห็นว่ามีเอกสารคำสั่ง จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เรื่องการตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการ ของสื่อ และสื่อออนไลน์ ที่มีเนื้อหาสาระกระทบต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของประเทศ เมื่อวันก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ตนเชื่อ และได้พูดมาตลอดว่า สื่อมวลชน คืออีกหนึ่งภาคส่วนที่สำคัญของสังคมไทย สื่อคือพลังสำคัญที่สร้างความเป็นธรรม และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับประเทศได้ บทบาทของสื่อที่ทำหน้าที่ อย่างมีสิทธิ เสรีภาพ และมีความเป็นกลาง ได้สร้างประโยชน์มากมายต่อประเทศไทยของเรามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ ด้วยการเฝ้าระวังและตรวจสอบสิ่งต่างๆ ในสังคม การตรวจสอบ และการถ่วงดุลย์อำนาจ

"วันนี้ ได้มีการสั่งการ และมอบแนวทางให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นผู้ตัดสินใจออกคำสั่งเพื่อดำเนินการดังกล่าว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทบทวนคำสั่ง ระงับการออกอากาศต่างๆ โดยขอให้พิจารณาใหม่ โดยต้องคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนเป็นสำคัญ ยกเว้นหากมีบางกรณี ที่เป็นเผยแพร่ข้อมูลเท็จ หรือ fake news ชัดเจน หรือนำเสนอข่าวที่ตั้งใจบิดเบือน ล้ำเส้น ก้าวล่วง หรือ ละเมิดสิทธิตามกฏหมายของผู้อื่น ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดหลักการตามกฏหมาย และดำเนินการเฉพาะ เป็นเรื่องๆ ไป โดยขอให้ครั้งนี้เป็นการไปพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อน" พล.อ.ประยุทธ์ โพสต์

พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุในโพสต์ด้วยว่า หน้าที่ของตนและหน้าที่ของพวกเราทุกคนคือ เราต้องช่วยกันป้องกัน และกำจัดการกระทำที่มีเจตนาร้ายกับประเทศ ความพยายามที่จะยุยง ปลุกปั่น สร้างวุ่นวายและความแตกแยกในประเทศ คือสิ่งที่เราต้องไม่ยอมรับให้เกิดขึ้น

‘จุรินทร์’ เสนอตั้งคณะทำงานรับฟังม็อบ ชงเรื่องแก้ รธน.หารือในสภา

มติชนสุดสัปดาห์ รายงานด้วยว่า จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในที่ประชุม ครม.จะมีการหารือถึงการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ โดยพรรค ปชป.มีความเห็นให้มีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญและรัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพในการเสนอขอเปิดด้วยตนเอง รวมทั้งการขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 เพื่อฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งดูเหมือนจะได้รับการขานรับจากทุกฝ่าย ทั้งการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงการหารือกันของประธานรัฐสภา วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน เห็นพ้องต้องกันให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางออก

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า หากมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญได้จริง อย่างน้อยที่สุดการรับฟังความเห็นของสมาชิกเพื่อหาทางออกประเทศตามมาตรา 165 คงจะได้ถูกดำเนินการ และหากเป็นไปได้อยากเห็นผลข้อสรุปของการรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย คงจะมีคณะทำงานหรือคณะกรรมาธิการที่ประกอบด้วย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา และบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นเวทีต่อเนื่องในการรับฟังความคิดเห็นและแสวงหาทางออกร่วมกัน คิดว่าจะเป็นทางออกของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม รัฐสภาควรทำหน้าที่หาทางออกให้กับประเทศ เพราะในระบอบประชาธิปไตยถือเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ถ้าเป็นเจ้าภาพจะเป็นที่ยอมรับได้

สำกรับกรอบเวลาที่ชัดเจนควรจะใช้เวลาเท่าไรเพื่อให้แก้ปัญหาให้ทันนั้น จุรินทร์กล่าวว่า ต้องเร่งดำเนินการ สิ่งไหนต้องเร็วที่สุด สิ่งไหนต้องปานกลาง หรือสิ่งไหนต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน เป็นเรื่องที่คณะทำงานชุดดังกล่าวจะเป็นผู้พิจารณาเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่รวดเร็ว เพราะการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการการเห็นพ้องในประเด็นที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศโดยเร่งด่วน

เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน จุรินทร์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.นัดพิเศษเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งจะใช้เท่าที่จำเป็น และในเงื่อนเวลาที่จำเป็น ฝ่ายความมั่นคงจะร่วมกับนายกรัฐมนตรีในการใช้ดุลพินิจ โดยนายกรัฐมนตรีปรารภแล้วว่า จะใช้ในช่วงเงื่อนไขที่จำเป็น ฝ่ายความมั่นคงจะประเมินว่าช่วงเวลาที่จำเป็นจริงๆ และสั้นที่สุดว่าคือเมื่อไร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net