'ก้าวไกล' จ่อยื่นญัตติด่วนตั้ง กมธ.ศึกษาความบกพร่องจัดเส้นทางขบวนเสด็จ

ก้าวไกลจ่อยื่นญัตติด่วนตั้ง กมธ.ศึกษาและตรวจสอบความบกพร่องการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯ - ชัยธวัชตั้งข้อสังเกต รัฐบาลเล่นละครสองหน้า ทางหนึ่งบอกถอย อีกทางปลุกปั่นความเกลียดชัง - สุพิศาล เผย คำสั่งหัวหน้าพรรคตั้งคณะทำงานดูแลสถานการณ์การชุมนุมในทุกด้าน 

22 ต.ค.2563 เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'พรรคก้าวไกล - Move Forward Party' แกนนำพรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่และประชาชน พร้อมเตรียมยื่นญัติด่วนให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและตรวจสอบความบกพร่องการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯ นอกจากนี้ยังได้แถลงถึงท่าทีของพรรคก้าวไกลต่อการประกาศถอยคนละก้าวของนายกรัฐมนตรีและการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคฯ กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 มีข้อบกพร่องในการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯ โดยเฉพาะการที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้จัดเส้นทางผ่านถนนพิษณุโลกที่มีผู้ชุมนุมอยู่เพื่อไปขึ้นทางด่วนยมราชนั้น นำไปสู่การแจ้งความประชาชนจำนวนหนึ่งในคดีความตามมาตรา 110 ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรง ทั้งที่ความจริงแล้ว ทุกครั้งในการจัดเส้นทางขบวนเสด็จฯต้องสำรวจเส้นทางล่วงหน้าและมีการจัดเส้นทางสำรอง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด อีกทั้งมีหลักฐานควรเชื่อได้ว่าเป็นความบกพร่องคือ คำสั่งย้ายข้าราชการตำรวจระดับสูง 3 นายในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 คือ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และพล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้นำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครและมีการสลายการชุมนุมด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ผู้ชุมนุม ซึ่งองค์กรสหประชาชาติได้ออกแถลงการณ์ว่า การกระทำดังกล่าวขัดกับหลักสากล นอกจากนี้ยังมีกรณีการปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน โดยการสั่งปิด Voice TV ,The Reporter The Standard (และประชาไท) ,และเพจเยาวชนปลดแอก แม้ว่าศาลแพ่งจะเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้วก็ตาม อีกทั้งการที่รัฐบาลมีการใช้กลไกต่างๆ เกณฑ์คนมาใส่เสื้อเหลือง มีประชาชนบางกลุ่มมาทำร้ายนักเรียน นิสิต นักศึกษา เหตุการณ์เหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีที่ต้องรับผิดชอบ พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องยื่นญัตติดังกล่าว

พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ องหัวหน้าพรรคฯ กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า ในการทำงานของผู้รับผิดชอบภายใต้การดูแลของนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ต้องรับผิดชอบให้หนักเพราะการเป็นหมายขบวนแดงคือขบวนเสด็จเสมือนว่าพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เอง การอารักขา ต้องตรวจสอบล่วงหน้า มีรถจราจรดูเส้นทางก่อนและต้องมีเส้นทางสำรอง จะเห็นได้ว่าวันนั้นมีรถตู้บังเส้นทางอยู่จำนวนมาก จึงมีคำถามว่าเป็นรถของใคร จำเป็นต้องทำการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป

สำหรับท่าทีต่อแถลงการณ์นายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว จะไม่เข้าไปสลายการชุมนุม และเสนอให้ใช้สภาเป็นเวทีหาทางออกให้บ้านเมือง รวมทั้งมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครนั้น ต้องชี้แจงว่า การยกเลิกดังกล่าวยังไม่ใช่เป็นการถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้งหมด แต่นายกรัฐมนตรีจะยังคงสามารถประกาศใช้ได้ทุกเมื่อ
.
"เหมือนนายกรัฐมนตรีจะแสดงท่าทีในเชิงบวก แต่ข้อเท็จจริงคือยังมีการใช้กลไกของรัฐ ใช้เงินภาษีและทรัพยากรสาธารณะ ระดมพลคนสวมใส่เสื้อเหลืองมา ซึ่งไม่ควรเป็นบทบาทของรัฐในสถานการณ์แบบนี้ จึงตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลกำลังเล่นสองหน้าอยู่ คือด้านหนึ่งทำเหมือนว่าจะรับฟัง ลดอุณหภูมิทางการเมือง แต่อีกด้านหนึ่งคือการระดมคนมา ปลุกปั่นให้เกิดความเกลีดชังกันระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกัน ส่งผลให้มีมวลชนปะทะกันดังกรณีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งมีคนไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าแกนนำที่มาทำร้ายนักศึกษาได้ไปเชื่อมโยงกับพรรคพลังประชารัฐ สิ่งเหล่านี้นายกรัฐมนตรีต้องทำการตรวจสอบโดยทันที และจำเป็นต้องตั้งข้อสังเกตไว้ตรงนี้ว่า นากยกรัฐมนตรีกำลังเล่นละคร เพื่อจะใช้กำลังมาจัดการประชาชนผู้ชุมนุมในภายหลังหรือไม่ อีกทั้งในสถานการณ์เช่นนี้หน้าที่ของรัฐบาล จะแสดงจุดยืนอย่างไร" ชัยธวัช กล่าว

สำหรับการหาข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า  พิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่และประชาชน โดยแบ่งเป็น 8 คณะทำงาน คือ

1.กองอำนวยการ ทำหน้ากำหนดกรอบนโยบายการติดตามการชุมนุมของคณะอื่นๆ
2.คณะทำงานด้านคดีความ มีภารกิจช่วยเหลือด้านกฎหมายต่อผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดี
3.คณะทำงานสังเกตการณ์ชุมนุม มีหน้าที่ลงพื้นที่สังเกตการณ์ชุมนุม
4.คณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริง มีภารกิจสืบสวนสอบสวนและค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุม
5.คณะทำงานสื่อสาร มีหน้าที่แถลงและเผยแพร่ข้อมูลและผลการดำเนินงาน
6.คณะทำงานที่ปรึกษาทางกฎหมาย มีภารกิจให้คำปรึกษาทางกฎหมายต่อกองอำนวยการอื่นและประชาชน
7.คณะทำงานสนับสนุนทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีหน้าที่สนับสนุนการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อสังคมออนไลน์
8.คณะทำงานกลั่นกรองข้อเท็จจริง มีภารกิจรวบรวมข้อมูลข่าวสารและสนับสนุนการกลั่นกรองข้อเท็จจริง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท