ชาวไทยในญี่ปุ่นชุมนุมแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลทหารของพล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในประเทศไทย

25 ต.ค.2563 ขณะที่การประท้วงขับไล่รัฐบาลไทยในประเทศดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.ค.นั้น กลุ่มคนไทยในต่างประเทศก็เคลื่อนไหวคู่ขนานด้วย โดยวันนี้ (25 ต.ค.63) บริเวณหน้าสถานีชิบูยา ชาวไทยในญี่ปุ่นร่วมกันออกมาแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลทหารของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในประเทศไทย

โดยการชุมนุมครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากชาวไทยในญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นที่ผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก โดยการปราศัยได้มีการพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเรียกร้องให้ปล่อยตัวกลุ่มนักศึกษา และปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมทั้งอธิบายให้ชาวญี่ปุ่นเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ว่าการประท้วงเป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านชนชั้นนำ และขอให้ญี่ปุ่นและนานาชาติช่วยกันจับตามองสถานการณ์ในประเทศไทย

ธนากร ใจสุขสกุลดี หนึ่งในผู้ร่วมปราศัยในการชุมนุนครั้งนี้ ระบุว่า การออกมาเคลื่อนไหวในต่างประเทศ มีจุดประสงค์เพื่อแสดงออกเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวในประเทศไทย และเป็นการส่งสารถึงรัฐบาลญี่ปุ่นและนานาชาติว่าไม่ควรสนับสนุนรัฐบาลที่ไม่ฟังเสียงประชาชน

ดาว ปิยะพร นักศึกษาทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ที่มาเข้าร่วมการชุมนุนครั้งนี้เป็นครั้งแรก บอกว่า แม้จะไม่ค่อยไปเข้าร่วมการชุมนุมสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นเพื่อนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยออกมาเคลื่อนไหวในการชุมนุมครั้งนี้ ตัวเองที่อยู่ต่างประเทศก็อยากออกมาแสดงพลังอะไรบ้าง

“เราเห็นเพื่อนเราออกไปเคลื่อนไหว และเห็นภาพการปราบปรามการประท้วงที่มันออกมาค่อนข้างจะรุนแรง เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว เราไม่อยากเห็นเพื่อนเราถูกทำร้าย”

“ดาวคิดว่า การชุมนุมครั้งนี้เปลี่ยนแปลงความเห็นคนไทยไปได้เยอะ ตั้งแต่ปี 2553 มันมีคนเดือดร้อน แต่หลายคนก็มองไม่เห็น ตอนนี้คนที่ไม่เคยเห็นใจกลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มเห็นใจคนเสื้อแดงมากขึ้น เริ่มศึกษา และเริ่มทำความเข้าใจการเมืองมากขึ้น”

“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยาก เพราะประยุทธ์โดนไล่มาหลายปี แต่ก็ยังอยู่ เรายังมีกลุ่มคนคลั่งชาติอยู่ไม่น้อย แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนเราพูดเรื่องสถาบัน(กษัตริย์)ไม่ได้เลย เพราะมีคนไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้ก็เริ่มพูดได้กันทั่วไปมากขึ้น ถึงแม้จะมีกฎหมาย ยังมีคนโดนจับ แต่ก็มีคนออกมาพูดเรื่องนี้กันมากขึ้น เปิดใจได้มากขึ้น” ดาว กล่าว

ธนากรมองว่า แม้การพูดเรื่องสถาบันฯจะเป็นจุดเด่นของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ แต่ก็ไม่อยากให้มีการจาบจ้วงมาก แต่ในส่วนของนักศึกษาและเยาวชนที่เข้าร่วมครั้งนี้ มองว่า การเคลื่อนไหวในประเทศไทยครั้งนี้ควรนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไปไกลกว่าการเรียกร้องการลาออกของนายกรัฐมนตรี แต่นำไปสู่การปฏิรูปสถาบันและการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง