กลุ่มเสรีไทยในสวีเดน ยื่น 3 ข้อเรียกร้อง ให้ประยุทธ์ลาออก-หยุดคุกคามประชาชน-ดำเนินการตาม 3 ข้อของคณะราษฎร 2563 ผ่านสถานทูตไทย พร้อมสนทนากับสมาชิกรัฐสภาพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย สวีเดน ถึงสถานการณ์การเมืองไทย

1 พ.ย.2563 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 13.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ตัวแทนกลุ่มเสรีไทยในสวีเดน (Free Thai Movement in Sweden)และชาวไทยในสวีเดนซึ่งนัดหมายผ่านเพจ เสรีไทยในสวีเดนได้เข้ายื่นหนังสือถึงรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านสถานทูตไทย กรุงสต๊อกโฮม สวีเดน  Royal Thai Embassy Stockholm ซึ่งมี กาญจนา ภัทรโชค เอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม พร้อมด้วยข้าราชการเอกอัครราชทูตอีก 4 คน เชิญให้เข้าไปยื่นหนังสือในสถานทูต และได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งทุกคนมีความห่วงใยในประเทศของทุกคน 

หนังสือเรียกร้องต่อพล.อ.ประยุทธ์ นั้นระบุว่า 1. พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากนายกฯ 2. หยุดคุกคามประชาชนและปล่อยตัวแกนนำและผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม และ 3. ให้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของคณะราษฎร 2563 

Olle Thorell สมาชิกรัฐสภาสวีเดน พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย 

วันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มเสรีไทยในสวีเดน ร่วมประชุมผ่าน Zoom กับ สมาชิกรัฐสภาสวีเดน Olle Thorell พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (Socialdemokraterna) ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้การพบปะพูดคุยกันโดยตรงยากลำบาก การประชุมดังกล่าวกลุ่มเสรีไทยในสวีเดนเล่าสถานการของการเมืองไทยตั้งแต่รัฐประหาร ครั้งล่าสุด จนถึงปัจจุบันที่มีการเรียกร้องของกลุ่มราษฏร โดยขอให้จับตามองสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับบการละเมิดสิทธิผู้ชุมนุม การคุกคามคนเห็นต่างทางการเมือง มีการอุ้มหาย อุ้มฆ่า ผู้ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน และปลุกระดมคนเห็นต่างทางการเมืองให้ใช้รุนแรงต่อกัน ซึ่ง Olle จะดำเนินการส่งข้อมูลของกลุ่มให้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และจะถามความเห็นต่อเรื่องนี้

Olle กล่าวด้วยว่า ตนขอแสดงความเห็นเล็กน้อย แน่นอนว่าตนได้ตามข่าวและตามการรายงานข่าวที่ออกมาสำหรับสวีเดน ข่าวที่ออกมาก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และเป็นที่ต้องจับตามองกับสถานการณ์ อย่างที่ทราบกันว่าความสัมพันธ์ของประเทศไทยและประเทศสวีเดนไม่ได้มีแค่เรื่องของการค้าหรือการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนความเข้าใจระหว่างคนทั้งสองประเทศ ซึ่งพวกคุณที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เป็นหลักฐานสำคัญ และการแลกเปลี่ยนเหล่านี้ ทั้งสำหรับบุคคลเรื่องของประชาธิปไตยการพัฒนาด้านประชาธิปไตยในไทยเป็นเรื่องที่ใหญ่ และทางสวีเดนก็มีสถานทูตสวีเดนในกรุงเทพฯซึ่งงานสำคัญอย่างยิ่งยวด อย่างหนึ่งคือการเฝ้ามองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ด้วยสายตาของเขาเองและรายงานข่าวกลับมาให้พวกตนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยการรายงานสถานการณ์กลับมาจะเป็นการรายงานแบบไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด การที่เข้าไปจับตามองสถานการณ์ในประเทศไทยอาจจะทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายลง เนื่องจากตัวของทางทหารและตำรวจจะต้องคิดให้หนักก่อนที่จะทำอะไรลงไปเพราะมีเจ้าหน้าที่ทางการทูตที่คอยอยู่ตรงนั้นและเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่

กลุ่มเสรีไทยในสวีเดนได้ถามว่าสวีเดนจะทำอะไรได้บ้างไหมกับสถานการณ์การอุ้มฆ่าหรือความไม่ยุติธรรมที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้ประท้วงที่ประเทศไทยนั้น Olle ตอบว่า ทางสถานทูตสวีเดนในไทยสามารถติดต่อกับหน่วยงานราชการไทย และสิ่งเหล่านี้จะทำผ่านกระทรวงต่างประเทศของประเทศสวีเดน และนอกจากนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือทางกระทรวงต่างประเทศของสวีเดนจะสามารถติดต่อกับทางการไทยผ่านทางสถานทูตไทย และให้สรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าโดยทั่วไปเกิดอะไรขึ้นอย่างไรแบบไหน แน่นอนว่าพวกตนในฐานะนักการเมืองที่อยู่ในรัฐสภาสวีเดน สามารถหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาพูดในสภา และสอบถามกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ผมสามารถที่จะเขียนคำถามซึ่งเธอจำเป็นต้องตอบเกี่ยวกับสถานการณ์เรื่องประชาธิปไตยในประเทศไทย และสิ่งที่พวกตนสามารถทำได้มากกว่านั้นคือ ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสามารถหยิบยกเรื่องนี้เข้าไปสู่สภาสหภาพยุโรป เพื่อที่จะเน้นเรื่องของสิทธิมนุษยชนและเรื่องของคนที่ถูกคุกคาม ซึ่งสิ่งนี้เราสามารถทำได้

ส่วนประเด็นคำถามถึงการซื้อขายอาวุธกับรัฐบาลไทยนั้น Olle ชี้แจงว่า เมื่อสองปีที่แล้ว สวีเดนมีกฏหมายใหม่ที่มีข้อกำหนดเข้มงวดมากขึ้น้นในเรื่องของประเทศคู่ค้าอาวุธ แต่ในกรณีที่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายไปก่อนหน้านั้นแล้ว สวีเดนไม่สามารถที่จะยกเลิกสัญญานั้นได้ เพราะสวีเดนจะต้องปฏิบัติตามสัญญาและมารยาทางธุรกิจ

ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมาท่ามกลางการประท้วงของกลุ่มเยาวชนและประชาชน รวมทั้งการปราบปราม จับกุมผู้ประท้วงและแกนนำผู้ประท้วงรัฐบาลในไทยนั้น กลุ่มคนไทยในต่างประเทศก็เคลื่อนไหวคู่ขนานด้วย