Skip to main content
sharethis

โจชัว หว่อง นักกิจกรรมสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงถูกคุมขังเดี่ยวหลังจากที่ทางการอ้างว่าเอ็กซ์เรย์ตรวจพบ "เงา" ภายในกระเพาะอาหารของเขา รายงานข่าวยังระบุถึงสภาพที่คุมขังที่ย่ำแย่จากการที่มีไฟเปิดไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เขาถูกขังเดี่ยวหลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกคุมขังในเรือนจำหลังการตัดสินให้มีความผิดโทษฐานจัดให้มีการชุมนุม "อย่างผิดกฎหมาย" หน้าศูนย์บัญชาการตำรวจเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว

25 พ.ย. ที่ผ่านมา แหล่งข่าวระบุว่าทางการฮ่องกงสั่งขังเดี่ยวโจชัว หว่อง นักกิจกรรมสนับสนุนประชาธิปไตยไว้ที่ทัณฑสถานไลชีก๊กหลังจากที่ตรวจเอ็กซ์เรย์พบว่ามี "เงา" ในกระเพาะอาหารของเขา ซึ่งเป็นไปได้ว่าเขาจะยังต้องอยู่ในสถานที่ขังเดี่ยวไปอีกหลายวัน

มีการรายงานถึงสภาพที่ขังเดี่ยวของหว่องระบุว่ามีการเปิดไฟเอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมง และจะอนุญาตให้เขาออกจากที่ขังเดี่ยวได้ก็ต่อเมื่อมีคนมาเยี่ยมเท่านั้น

หว่องถูกสั่งคุมขังในเรือนจำหลังจากในวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา เขาถูกตัดสินให้มีความผิดฐานจัดตั้งการชุมนุม "อย่างผิดกฎหมาย" ใกล้กับศูนย์บัญชาการตำรวจเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2562

เพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับหว่องระบุถึงกรณีการขังเดี่ยวว่าเกิดขึ้นหลังจากมีการเอ็กซ์เรย์ตรวจพบว่าหว่องมี "วัตถุแปลกปลอมในช่องท้อง" แต่พวกเขาก็ระบุว่ายังไม่สามารถทราบแน่ชัดถึงสถานการณ์โดยละเอียดเพราะหน่วยงานเรือนจำปฏิเสธที่จะเผยแพร่ภาพของหว่อง นอกจากนี้ฝ่ายทางการก็บอกว่ากระบวนการตรวจสอบในเรื่องวัตถุแปลกปลอมที่กระเพาะของหว่องนั้นอาจจะใช้เวลา 3-5 วัน ในช่วงนี้จะมีการขังเดี่ยวหว่องไปก่อน

สภาพการขังเดี่ยวนั้นทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ถูกคุมขังแย่ลง นอกเหนือจากเรื่องที่มีไฟเปิดอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง แล้วยังมีเรื่องที่พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงพื้นที่สันทนาการในเรือนจำด้วย

แหล่งข่าวบอกว่ายังไม่ทราบแน่ชัดว่าสิ่งที่ดูเป็น "เงา" ในกระเพาะของหว่องเป็นอะไร เขาอาจจะกลืนอะไรลงไปจริงๆ หรืออาจจะไม่ได้กลืนอะไรลงไปเลยก็ได้ ทางการจะทำการตรวจสอบจากสิ่งที่เขาถ่ายอุจจาระออกมาซึ่งต้องใช้เวลาหลายวัน

ทางเรือนจำปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อในกรณีของหว่องแบบเฉพาะรายแต่ก็กล่าวในเชิงย้ำถึงมาตรการของเรือนจำว่า มีการใช้การฉายรังสีเอ็กซ์เรย์เพื่อตรวจสอบคนที่จะถูกนำตัวเข้าสู่เรือนจำทุกคนอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมาเพื่อตรวจหาว่ามีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำหรือไม่ ถ้าหากมีกรณีน่าสงสัยทางกรมจะคัดแยกบุคคลเหล่านั้นออกมาจากต่างหากภายใต้ "กลไกการรักษาความปลอดภัยที่ระบุไว้ตามกฎหมาย" นอกจากนี้ในช่วงที่มีมาตรการรับมือ COVID-19 ก็มีการดำเนินการให้นักโทษรายใหม่ต้องอยู่ภายใต้การกักกันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นเวลา 21 วันด้วย

นอกจากหว่องแล้ว ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (23 พ.ย.) ยังมีนักกิจกรรมอีก 2 ราย คือ อีวาน แลม ลองยิน และแอกเนส โจว ถิง ถูกตัดสินให้มีความผิดกรณีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมใกล้กับศูนย์บัญชาการตำรวจเช่นกัน

เรียบเรียงจาก : 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net