COVID-19: 28 พ.ย. เชียงใหม่ติดเชื้อรายที่ 42 ติดตามผู้สัมผัส 326 ราย

กรมควบคุมโรคยืนยัน จ.เชียงใหม่ ติดเชื้อรายที่ 42 ผู้สัมผัส 326 ราย เสี่ยงสูง 105 ราย เสี่ยงต่ำ 159 ราย อยู่ระหว่างรอติดตามและรอผลห้องแล็ป รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.นครพิงค์

28 พ.ย. 2563 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 5 ราย โดยเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) ประกอบด้วย อินเดีย 2 ราย, ฟิลิปปินส์ 1 ราย, สวีเดน 1 ราย และเมียนมา 1 ราย

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 3,966 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,454 ราย และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,512 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวมเป็น 3,798 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 108 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย มาจากอินเดีย 2 ราย เป็นหญิงสัญชาติอินเดีย อายุ 27 ปี แม่บ้าน และชายสัญชาติอินเดีย อายุ 31 ปี วิศวกรซอฟแวร์ เข้าพัก Alternative State Quarantine กรุงเทพฯ

มาจากฟิลิปปินส์ 1 ราย ชายไทย อายุ 24 ปี พนักงานบริษัท เข้าพัก Alternative State Quarantine กรุงเทพฯ

มาจากสวีเดน 1 ราย ชายไทย อายุ 44 ปี พนักงานร้านอาหาร ผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค

และมาจากเมียนมา 1 ราย หญิงไทย อายุ 29 ปี เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลนครพิงค์

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมรวม 61,980,023 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,448,928 ราย โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสะสมสูงสุด 13,454,254 ราย รองลงมาคืออินเดีย 9,351,224 ราย ตามด้วยบราซิล 6,238,350 ราย, รัสเซีย 2,215,533 ราย และ ฝรั่งเศส 2,196,119 ราย ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 151

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีหญิงไทยอาศัยอยู่ในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ วัย 29 ปี ติดเชื้อโควิด 19 ว่าเป็นผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ จากการสอบสวนโรคได้ข้อมูลเที่ยงวันนี้ หญิงไทยวัย 29 ปี มีประวัติที่ได้สอบสวนอย่างรวดเร็วเบื้องต้น ทีมในพื้นที่ทำงานเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ยืนยันว่าเป็นผู้ป่วยแน่นอน โดย 24 พ.ย. ผู้ป่วยอาศัยในเชียงใหม่แต่ไปทำงานที่เมียนมา ซึ่งอยู่ในพื้นที่วันที่ 23 พ.ย. มีไข้ ถ่ายเหลว และเมื่อมีอาการมากขึ้นก็เดินทางกลับไทยเวลา 05.00 น.ทางแม่สาย และเข้าเมืองโดยรถตู้และเข้าเชียงใหม่โดยรถเมล์เขียว และเรียกแกร็ปส่งไปคอนโดที่พัก

กลางคืนไปสถานบันเทิงย่านสันติธรรมร่วมกับเพื่อน 2 คน และสูบบุหรี่ด้วยกัน เวลา 02.00 น.วันที่ 25 พ.ย.พักคอนโดและดื่มสุรากับเพื่อน และเวลา 12.00 น.ออกคอนโดฯไปที่พักโดยแกร็บและบ่าย 15.00 น.ไปห้ามใกล้ๆ ทานอาหาร ดูภาพยนตร์และซื้อของ ซึ่งดูกล้องพบทั้งสวมและไม่สวมหน้ากาก และเย็นเรียกรถกลับคอนโดฯ

วันที่ 26 พ.ย.เรียกรถ 15.30 น.ไปส่ง รพ.ไปตรวจและ รพ.ได้ซักประวัติซึ่งพบว่าจมูกไม่ได้กลิ่น แต่อุณหภูมิที่วัดไข้ได้ 36.9 และผลตรวจพบเชื้อส่งไปรพ.นครพิงค์และผลตรวจก็พบเชื้อ

วันที่ 27 พ.ย.ทีมสอบสวนโรคจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการสอบสวนโรคในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าฯ และฝ่ายปกครอง ติดตามผู้สัมผัส 326 ราย เสี่ยงสูง 105 ราย เป็นผู้อยู่ชุมชน 65 ราย (พักคอนโดเดียวกัน เพื่อนและสถานบันเทิง) ส่วนผู้สัมผัสในยานพาหนะ 40 ราย อยู่เชียงรายและข้ามแดน ผู้โดยสารและแกร็ปอีก 5 รายเสี่ยงต่ำ 159 ราย ทั้งสถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้าและอยู่ระหว่างรอติดตาม และรอผลห้องแล็ป รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.นครพิงค์

ขอให้ผู้ทีอยู่ในรายชื่อที่ทีมสอบสวนโรคจังหวัดเชียงใหม่ติดตาม ให้สังเกตตัวเอง สวมหน้ากากและกักตัว หากสงสัยหรือกังวล ขอให้ไปตรวจยังสถานพยาบาลได้ ซึ่งผู้ที่สัมผัสที่ได้รับการติดต่อขอให้ดำเนินการตามที่ทีมสอบสวนโรคแนะนำ

ดูจากไทม์ไลน์ อยู่เมียนมามาก่อน และอยู่ในไทย 24-26 พ.ย. 2563 จากการซักประวัติเจ้าตัวไม่ทราบว่าเป็นโควิด 19 แต่เมื่อกลับมาไทยและยังมีอาการก็ยังไม่ได้ไปพบแพทย์ จนกระทั่ง 2 วันถัดมาถึงไปตรวจ โดยอาการที่แสดงคือจมูกไม่ได้กลิ่น จึงทำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวเหมือนคนทั่วไป มีการสวมหน้ากากและไม่ได้สวมหน้ากากบ้าง เพราะฉะนั้นความเสี่ยงจึงเกิดขึ้นก่อนจะรู้ตัวว่าติดเชื้อโควิด

ประมาณ 15.00 น. ผวจ.เชียงใหม่และ สสจ.เชียงใหม่จะประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ เพื่อติดตามว่าเข้ามาได้เช่นไร หากลักลอบเข้าเมืองซึ่งผิดกฎหมายร้ายแรง คงจะละเว้นไม่ได้ และกรณีแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง เพราะฉะนั้นขอประชาชนช่วยเป็นหู ตา หากพบคนใกล้เคียงเข้ามาอาศัยอยู่โดยไม่กักตัวให้แจ้งจนท.ด้วย

“ในกรณีนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการระบาดรอบ 2 แต่ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อทั้งโรงภาพยนตร์และร้านอาหาร ซึ่งหน่วยงานในพื้นที่กำลังเร่งติดตามคนมาตรวจและกักกัน วินิจฉัย ซึ่งการติดเชื้อก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อด้วย”

เก็บสารคัดหลั่ง 40 พนักงานบาร์โฮสต์ หลังสาวถูกระบุติดโควิด ไปเที่ยว

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่าเวลา 11.30 น. วันที่ 28 พ.ย. นายณัฐฐชูเดช วิริยดิลกธรรม รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และนายดนัย สารพฤกษ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมสาธารณสุข เทศบาลนครเชียงใหม่ นำเจ้าหน้าที่เข้าฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ที่บาร์โฮสต์แห่งหนึ่งย่านสันติธรรม ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่บันเทิงที่หญิงสาว อายุ 29 ปี ที่ถูกระบุว่า ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปเที่ยวเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะมีอาการไม่ได้กลิ่น และปวดเมื่อยตัว จึงเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง กระทั่งผลตรวจเป็นบวก จึงถูกพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพิงค์

สำหรับสถานบันเทิงดังกล่าว ตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 คูหา เป็นระบบห้องปรับอากาศทั้งหมด เจ้าหน้าที่ได้สวมชุดพีพีอี พร้อมนำน้ำยาเข้าไปฉีดพ่นภายในสถานบริการบริเวณชั้น 1 ทั้งในห้องน้ำ ห้องครัว และโซฟาที่นั่ง

ขณะเดียวกันพบว่า ทีมสอบสวนโรค จากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งของพนักงานบาร์โฮสต์ดังกล่าวเพื่อส่งตรวจค้นหาเชื้อโควิด-19

สอบถามชาย ที่เป็นผู้ดูแลบาร์โฮสต์แห่งนี้ บอกว่ามีพนักงานทั้งหมด 40 คน วันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจแล้วทั้งหมด รอเพียงผลตรวจเท่านั้น เบื้องต้นไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะหลังหญิงที่ถูกระบุว่าติดเชื้อโควิด-19 เดินทางมาเที่ยวเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย. วันต่อมา ก็ปิดให้บริการทันที

ด้านหญิงวัย 66 ปี ที่อาศัยอยู่ในอาคารพาณิชย์ถัดไป ยอมรับว่า รู้สึกกังวลมาก เป็นห่วงลูกหลานที่อาศัยอยู่ใกล้จุดนี้ ทุกวันนี้ก็พยายามดูแลป้องกันตัวเอง ไปไหนมาไหนก็ใส่แมสก์ และล้างมือตลอด ส่วนการสอบสวนโรคและชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เป็นหน้าที่ที่ทางสาธารณสุขจะต้องดำเนินการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

นายดนัย สารพฤกษ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมสาธารณสุข เทศบาลนครเชียงใหม่ กล่าวว่า นำเจ้าหน้าที่มาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ หลังจากสถานบันเทิงแห่งนี้ มีการสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาของสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่ามีความเสี่ยง เทศบาลฯ จึงต้องเร่งดำเนินการ ส่วนจุดเสี่ยงอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต้องรอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ เทศบาลฯ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบและลงพื้นที่ดำเนินการทันทีหลังทราบข่าว

"สำหรับการสั่งปิดพื้นที่ที่มีความเสี่ยง จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีการประชุมกันทุกวัน หากพบพื้นที่ใดเสี่ยงสูง ก็จะพิจารณาและออกประกาศแจ้งให้ทราบ"

เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ปิดให้บริการ 1 วัน

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 28 พ.ย. 2563 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ได้ออกประกาศแจ้งผ่านทางเพจ CentralFestival Chiangmai เรียนลูกค้าผู้มีอุปการะคุณทุกท่านศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ขอประกาศปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ของวันที่ 28 พ.ย.2563 เพื่อดำเนินการการป้องกันเชิงรุกทำ BIG CLEANING พร้อมฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกจุดทั่วทั้งศูนย์ฯ และจะเปิดให้บริการอีกครั้งตในวันที่ 29 พ.ย. 2563

ไทม์ไลน์ผู้ป่วย COVID-19 คนที่ 42 ของเชียงใหม่

สำนักข่าวนอร์ทพับลิคนิวส์ รายงานเพิ่มเติมในช่วงเย็นว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงกรณีพบผู้ป่วย COVID-19 คนที่ 42 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหญิง อายุ 29 ปี พักคอนโดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรคเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักควบคุมโรคที่ 1 ผู้ป่วยรายนี้ได้เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางจังหวัดเชียงรายเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 24 พ.ย. 2563 และได้ขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิค 19 ที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2563 ผลการตรวจยืนยัน 2 แลป ทั้งของโรงพยาบาลเอกชนและห้องแลปของทางโรงพยาบาลนครพิงค์ ระบุตรงกันว่าผลยืนยันพบเชื้อโควิด 19 จึงได้รับผู้ป่วย ซึ่งมีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ ท้องเสีย จมูกไม่ได้กลิ่น เข้ารักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งในขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีหอบเหนื่อย จมูกเริ่มได้กลิ่น

สำหรับไทม์ไลน์ "ผู้ป่วย COVID-19" คนที่ 42 มีดังนี้

วันที่ 24 พ.ย. 2563 เดินทางจากจังหวัดเชียงรายเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ โดยรถประจำทางบริษัทกรีนบัส เส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ เวลา 11.00 - 15.00 น. จากนั้นได้เดินทางด้วยรถ (Grab1) เข้าพักคอนโดของตนเองที่ ดีคอนโดพิงค์ และได้เดินทางไปเที่ยวร้านคิงส์เวย์ โฮสต์แอนด์คาราโอเกะ กับเพื่อนอีก 2 คน ในช่วงดึก ก่อนที่จะไปพักค้างคืนที่วีดีคอนโดมิเนียมกับเพื่อน

วันที่ 25 พ.ย. 2563 ผู้ป่วยเดินทางกลับถึงที่พักดีคอนโดพิงค์ เวลาประมาณ 12.00 น. โดยเพื่อนมาส่ง หลังจากนั้นเวลา 15.15 น. เดินทางด้วยรถ (Grab3) ไปที่ศูนย์การค้าเซนทรัลเฟสติวัล
- เวลา 15.24 น. เดินทางถึงเซนทรัลเฟสติวัล โดยเข้าประตูด้านร้าน KFC
- เวลา 15.26 – 15.29 น. เข้าไปดูสินค้าที่ร้าน H&M
- เวลา 15.32 น. กด ATM ที่ตู้ธนาคาร SCB ชั้น 3(หน้าธนาคารกรุงเทพ)
- เวลา 15.39 – 16.22 น. รับประทานชาบูที่ร้านชาบูชิ
- เวลา 15.36 – 18.45 น. ชมภาพยนตร์ที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ โรงที่ 6
- เวลา 18.47 – 19.16 น. เข้าวัตสันชั้น 4
- เวลา 19.23 – 19.42 น. เดินทางไป Food Hall
- เวลา 19.45 – 20.13 น. เดินทางไปร้าน CDS
- เวลา 20.15 –20.24 น. ขึ้น Grab4 กลับดีคอนโดพิงค์

วันที่ 26 พ.ย. 2563 ได้เดินโดย Grab3 ทางไปขอรับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด 19

ซึ่งจากการลงพื้นที่สอบสวนโรคและค้นหาผู้สัมผัส พบผู้สัมผัสทั้งหมด จำนวน 306 ราย ในนี้มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 85 ราย และได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว จำนวน 102 ราย ทราบผลการตรวจแล้ว 17 ราย ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด โดยผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการจะต้องกักตัวทุกคน หากไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสใกล้เสี่ยงสูงไว้แล้ว และมีผู้เข้ากักกันตนจำนวน 5 ราย ทั้งนี้ผู้สัมผัสทุกรายจะต้องสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำและแยกกักในโรงพยาบาล สำหรับผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานงานให้ทางโควิดหมู่บ้านเข้าไปดูแลและตรวจประเมินจนครบ 14 วันหลังสัมผัสผู้ป่วย

สำหรับผู้ที่ไปในสถานที่ดังกล่าว ขอให้ท่านกักกันตนเองจนกระทั่งครบ 14 วันหลังวันสัมผัส สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการ ให้โทรนัดหมายเพื่อตรวจในวันที่ 1 ธ.ค. 2563 (ตามระยะฟักตัวเฉลี่ย) โดยหากพบอาการผิดปกติระหว่างการกักกันให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) สสจ.เชียงใหม่ โทร 084-8053131, 084-8052121
ทั้งนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า ทางทีมงานยังคงดำเนินการสอบสวนค้นหา
ผู้สัมผัสเพิ่มเติม และยืนยันว่าทางสำนักงานสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมทั้งทางด้านการตรวจแลปและเวชภัณฑ์ต่างๆ ให้สามารถรองรับกับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

สำหรับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้รับฟังความคิดเห็นทั้งภาคประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถป้องกันควบคุมโรคได้ โดยมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด และเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เข้ารับบริการสถานที่ต่างๆ ลงทะเบียนด้วย "ไทยชนะ" ทุกครั้ง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท