สปสช.ประชุมเขตสุขภาพเตรียมความพร้อมนโยบายผู้ป่วยโรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม ก่อนพิธีลงนาม MOU กระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย และ สปสช.  9 ธ.ค.นี้ และเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ม.ค.2564

2 ธ.ค.2563 ทีมสื่อ สปสช. รายงานว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดประชุมหารือการจัดระบบบริการกรณีไปรักษาที่ไหนก็ได้ สำหรับบริการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากทุกเขตสุขภาพเข้าร่วมประชุมตลอดจนนำเสนอกรอบและแนวทางการจัดระบบบริการและเครือข่ายระบบบริการโรคมะเร็งของคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service plan) ของแต่ละเขตที่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อรองรับนโยบายดังกล่าว  

นพ.จักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของการรับบริการรักษาโรคมะเร็งคือเรื่องการรอคิวนานในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ส่งผลให้อาการของโรคเปลี่ยนไปและมีผลกับแนวทางการรักษาด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องทำให้เกิดการกระจายบริการไปสู่ภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ต้องสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนให้เกิดความเชื่อมั่นและมารับบริการในพื้นที่ โดยปรับเปลี่ยนแนวคิด และความเชื่อเดิมที่ว่า ถ้าเป็นมะเร็งแล้วต้องเดินทางจากต่างจังหวัดมารักษาที่ กทม.เท่านั้น ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายตามมามากมาย เกิดการสูญเสียรายได้โดยไม่จำเป็น  

นพ.จักรกริช กล่าวว่า ทุกเขตสุขภาพได้นำเสนอแนวทางการบริการจัดการเครือข่ายมะเร็งเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อจะดูความพร้อมตามขีดความสามารถของแต่ละเขตสุขภาพก่อนที่จะมีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ “มะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย และ สปสช.ในวันที่ วันที่ 9 ธ.ค. 2563 และเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ม.ค. 2564  

ด้าน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เครือข่ายบริการในภูมิภาคยังขาดเครื่องฉายรังสีรักษา ภายใต้นโยบายมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม ฝ่ายบริหารได้ให้ความสำคัญ และให้การสนับสนุนเครื่องฉายรังสีพร้อมกัน 7 - 8 เครื่อง กระจายไปทุกภูมิภาค ให้มีศักยภาพในการให้บริการที่ใกล้เคียงกันในทุกพื้นที่ โดยเครือข่ายในเขตสุขภาพจะจัดระบบบริหารจัดการร่วมกัน รวมทั้งโรงพยาบาลมะเร็งในส่วนภูมิภาคทุกแห่ง จะเข้ามาช่วยสนับสนุนอย่างเต็มกำลังในเขตสุขภาพนั้นๆ หากจำเป็นต้องจัดหาบริการบางส่วนจากภาคเอกชน และโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เพื่อร่วมกันดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ให้เข้าถึงบริการรักษาโรคมะเร็งได้ทุกที่ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป