Skip to main content
sharethis
 

คุยกับ ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ หรือ ตูน จากวง t_047 ผู้แต่งเพลง 'ไม่มีคนบนฟ้า' ถึงจุดเริ่มต้นของการหันมาสนใจการเมือง และแสดงจุดยืนสนับสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎร โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ที่เขามองว่าเป็นต้นตอที่ทำให้คนไม่เท่ากัน

"ตาสองข้าง ท่านเลือกมอง เพียงข้างหนึ่ง
ข้างที่พึงมองดูแล้ว คนสรรเสริญ
ข้างถูกอุ้ม ถูกคุกคาม ท่านทำเมิน
ยิ้มแล้วเดิน โบกมือ ภาคภูมิใจ

หูสองข้าง ท่านเลือกฟัง..เพียงข้างหนึ่ง
ข้างที่พึง เอ่ยยกย่อง ไร้แก่นสาร
ข้างเรียกร้อง โดนปิดปากทรมาน
อีกไม่นาน เสียงจะดัง ฝังกมล"

คือกลอนท่อนสุดท้ายจากเพลง ‘ไม่มีคนบนฟ้า’ ของวง t_047 

ประชาไทคุยกับ ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ หรือ ตูน จากวง t_047 ผู้แต่งเพลงนี้หลังจากที่มีการสลายชุมนุมครั้งแรกในเช้าตีสี่วันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อบอกว่า ไม่ว่าจะอยู่สูงสักแค่ไหน เราก็ยังอยู่บนผืนดิน และมองเห็นท้องฟ้าเดียวกัน

00000


จุดเริ่มต้นของ t_047

ตอนแรกทำเพจ บ้านข้างๆ ถ่ายรูปและเขียนข้อความที่เรารู้สึก แต่พอทำไปแล้วมันมี message (ข้อความ) บางอย่างที่เราอยากให้มันมีน้ำเสียง มีอารมณ์ แบบที่อยากสื่อสาร ก็เลยใช้เพลงเป็นช่องทางในการพูด ทำมาเรื่อยๆ ตอนแรกก็ทำคนเดียว แล้วก็ค่อยๆ ชวนเพื่อนมาทำด้วย 

จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสนใจการเมือง

สนใจมาตลอด แต่อาจจะไม่ได้ติดตามลงลึก ค่อยๆ หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเข้าใจขึ้น จุดที่ทำให้รู้สึกอยากจะเคลื่อนไหวคือการใช้อำนาจที่ไม่ยุติธรรมกับฝั่งผู้ชุมนุม การทำร้าย การอุ้ม มันเลยขอบเขตมากเกินไป เลยอยากจะออกมาพูดเรื่องนี้

ตอนแรกที่เราไม่ได้ออกมา เพราะเราอาจจะยังเห็นว่าจุดประสงค์มันไม่ชัดเจน และเราอาจจะไม่รู้สึกกับมันมาก อย่างการไล่พลเอกประยุทธ์  แต่พอพูดถึงการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เรารู้สึกว่ามันชัดเจนมากขึ้น และทำให้เราคิดว่าสามารถเคลื่อนไหวไปกับขบวนได้ 

 

คนที่บอกว่า 10 ข้อเรียกร้องคือการล้มล้าง เพราะเขาอาจจะตั้งสถาบันไว้สูงมาก อยากคงไว้ซึ่งอย่างที่เขาเชื่อและศรัทธา รับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าคำว่าล้มล้างเป็นวาทกรรมเพื่อปฏิเสธที่จะยอมรับถึงความเปลี่ยนแปลงของคนในสังคม

 

ทำไมตอนไล่ประยุทธ์ไม่ออกมา แต่ตอนพูดเรื่องสถาบันกษัตริย์ถึงเห็นด้วย

เรามองว่านี่คือต้นตอของการที่คนไม่เท่ากันด้วย เป็นต้นตอของโครงสร้าง ระบบที่ถูกวางมาเนิ่นนาน ที่ทำให้คนใหม่ๆ ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในระบบนี้ได้ ไม่สามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้ด้วย มันเป็นต้นตอของปัญหาทุกอย่างที่เราเรียกร้องอยู่ เราคิดว่าถึงพลเอกประยุทธ์ออกไป ก็จะมีพลเอกประยุทธ์สอง พลเอกประยุทธ์สาม พลเอกประยุทธ์สี่ เราไม่อยากให้มันเป็นลูปนี้แล้ว แต่ถ้าเราแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ มันก็อาจเป็นผลดีต่อทุกการแก้ปัญหา 

10 ข้อเรียกร้องต่อสถาบันกษัตริย์ เรารู้สึกดีที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้ และคิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง  และด้วยความที่เราเชื่อเรื่องมนุษย์ทุกคนเท่ากัน เราคิดว่าข้อเรียกร้องนี้จะลดปัญหาความไม่เท่ากันได้จริงๆ

คนที่บอกว่า 10 ข้อเรียกร้องคือการล้มล้าง เพราะเขาอาจจะตั้งสถาบันไว้สูงมาก อยากคงไว้ซึ่งอย่างที่เขาเชื่อและศรัทธา รับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าคำว่าล้มล้างเป็นวาทกรรมเพื่อปฏิเสธที่จะยอมรับถึงความเปลี่ยนแปลงของคนในสังคม

สำหรับผมการที่เขาศรัทธาในสถาบันนั้นไม่ผิด เขาจะรักใครก็ได้ จะทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่เชื่อข่าวหรือข้อมูลก็ได้ แต่อย่าเอาความรักนั้นมาเป็นข้ออ้างในการทำร้ายคนอื่น ผมเข้าใจว่าเรามีคนที่เรารักแล้วเราสามารถมองข้ามเรื่องไม่ดีของเขาไปได้ แต่ความรักที่มี ณ ตอนนี้มันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีปัญหาเรื่องการมองคนไม่เป็นคน มันทำให้เกิดความรุนแรง 

 

ทำไมผมต้องโดนทำร้ายจากการที่ผมจะแสดงออกเรื่องนี้ สุดท้ายสิ่งที่คุณเป็นห่วงผมมันเกิดขึ้นจากการที่คุณเอาใครสักคนไปอยู่บนนั้น

 

ก็เลยแต่งเพลง ไม่มีคนบนฟ้า 

ใช่ เร็วมากและโกรธมาก แทบจะไม่เกินชั่วโมง มันคือวันที่มีการสลายการชุมนุมตอนประมาณตีสี่ วันที่ปล่อยเพลงก็คือวันต่อมาหลังเกิดเหตุการณ์นี้ ความโมโหน่าจะชัดเจนตรงกลอนช่วงท้าย มันมีความอยากจะทะลุกรอบทุกอย่าง คนคงไม่คิดมั้งว่าวันหนึ่ง t_047 จะมีเพลงที่มีเนื้อหาประมาณนี้ออกมา แต่ผมไม่ได้ห่วงว่าภาพของวงจะต้องออกมาเป็นยังไง ในนามของศิลปินเราพูดในสิ่งที่เราเชื่อ เพลงเราอาจจะเกี่ยวกับธรรมชาติ การท่องเที่ยว แล้ววันหนึ่งก็เกี่ยวกับการเมืองก็ได้ แต่เรายังพูดอย่างมีวาทศิลป์ อาจจะไม่ได้พูดตรงๆ อย่างเยนา หลังสลายการชุมนุมก็ออกเพลงชื่อ ‘ปิดทอง’ มาเหมือนกัน 

ในเพลงเราไม่ได้บอกเลยนะว่า คุณอย่าไปรักคนนี้ แต่แค่พยายามจะพูดว่าคนทุกคนเท่ากันจริงๆ คนทุกคนอยู่บนพื้นดิน แล้วมองฟ้าจากที่เดียวกัน คุณจะเอาใครสักคนไปอยู่ข้างบนทำไม 

แต่เพลงนี้ก็ทำให้มีปัญหากับที่บ้าน ที่บ้านเขาอยากให้ลบออกจากยูทูบ ซึ่งเราเสียใจมากนะ ความเศร้าคือเขาบอกว่าเขาฟังไม่จบด้วย เพราะกลัวเครียด 

เขาก็มีเหตุผลของเขา หลักๆ คือกลัวเราจะโดนทำร้ายจากผู้ไม่หวังดี แต่ที่เราอยากจะบอกเขาก็คือ ทำไมผมต้องโดนทำร้ายจากการที่ผมจะแสดงออกเรื่องนี้ สุดท้ายสิ่งที่คุณเป็นห่วงผมมันเกิดขึ้นจากการที่คุณเอาใครสักคนไปอยู่บนนั้น คุณจะไม่ต้องทักมาขอให้ผมลบผลงานนี้ออกถ้ามันไม่มีเรื่องนี้ แล้วผมแค่อยากจะทำลายความกลัวตรงนี้ออกไป เพื่อเราจะได้มีอิสระที่จะพูดจริงๆ เราก็พยายามอธิบายกับเขา แล้วสุดท้ายก็ไม่ลบ

ตอนนี้ยังคุยกับที่บ้านอยู่ไหม

คุยปกติ มันคือสถาบันที่อยากรักษาไว้ที่สุด เราพยายามเลี่ยงที่จะพูดเรื่องการเมือง สถาบัน ที่เรามีความเห็นแตกต่างกัน แต่พอเขาทักมาเรื่องเพลงก็มีโอกาสได้คุยกันจริงๆ สุดท้ายเราเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ เขาก็บอกว่าเขายังรักของเขา เราก็บอกว่าใช่ ผมไม่ได้บอกว่าคุณจะต้องไม่รัก แต่คุณช่วยเข้าใจในคนที่เขาไม่รักหน่อยได้ไหมว่าเพราะอะไร ช่วยสนใจในสิ่งที่เขาสงสัยหน่อย แค่นั้นเอง 

แล้วเขาฟังเรามากขึ้นไหม

การคุยกันมันก็เหมือนเขารับฟังแหละ แต่มันคงไม่ได้เปลี่ยนอะไรเขา และอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ด้วยนะ ความคิดมันต่างกันเยอะมาก ยากที่จะจูนเข้าหากัน จนผมก็ไม่รู้เหมือนว่าถ้ายิ่งคุยกันแล้วมันจะไม่ลงรอยกันรึเปล่า แต่บ้านไหนที่คุยกันแล้วเข้าใจกันด้วยดี มีความคิดที่เปลียนไปก็ยินดีด้วย โชคดีมาก แต่บางบ้านผมเชื่อว่ามันเปลี่ยนไม่ได้ และต้องอยู่ร่วมกันให้ได้นะ มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูก แต่บ้านผมเลือกที่จะไม่คุยกันเรื่องนี้ 

 

เราเคยทำงานที่บริษัทใหญ่ แต่ทำได้ 2 เดือนเราลาออก เพราะรู้สึกว่าไม่ชอบเลย ทุกคนก็จะบอกว่า ไปผิดทางแล้ว เราก็บอกว่าไม่ว่ะ เราอยากทำดนตรี ซึ่งมาวันนี้เรารู้สึกว่ามันเป็นทางที่ถูกนะ หาเลี้ยงตัวเองได้ มีความสุขในการทำ แค่ไม่ได้ไปอยู่ในระบบที่คนเขาอยากจะอยู่กัน 

 

เวลาที่ผู้ใหญ่บอกว่าเขาเป็นห่วงเรา กลัวเราเลือกทางผิด เราจะตอบเขาว่าไง

แล้วอะไรคือทางที่ถูกล่ะ สุดท้ายต้องให้เขาไปลองเอง อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ แต่ให้เขาไปลองเอง อย่าเพิ่งไปบอกว่าทางนี้ผิด ทางนี้ถูก ทางที่เขาเคยเดินแล้วรู้สึกว่ามันผิด แต่วันนี้เราไปเดินเราอาจจะรู้สึกว่าเป็นทางที่ถูกก็ได้ แล้วสุดท้ายการไปเจอทางที่ผิดมันก็ไม่ใช่จุดจบ มันก็ได้เรียนรู้ ได้เดินไปในหลายเส้นทาง อย่างเรามาในทางที่อะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ทางที่พ่อแม่อยากให้เป็น เราเคยทำงานที่บริษัทใหญ่ แต่ทำได้ 2 เดือนเราลาออก เพราะรู้สึกว่าไม่ชอบเลย ทุกคนก็จะบอกว่า ไปผิดทางแล้ว เราก็บอกว่าไม่ว่ะ เราอยากทำดนตรี ซึ่งมาวันนี้เรารู้สึกว่ามันเป็นทางที่ถูกนะ หาเลี้ยงตัวเองได้ มีความสุขในการทำ แค่ไม่ได้ไปอยู่ในระบบที่คนเขาอยากจะอยู่กัน 

 

เราก็รู้สึกว่าคนพวกนี้ใจแข็งมาก เขาไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ เพราะมันไม่ใช่การเลือกข้างแล้ว มันคือการที่คุณมองข้ามความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนในประเทศด้วยกัน

 

คิดยังไงเวลาคนคาดหวังว่าดาราจะต้องแสดงออก ออกมา call out 

คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด แต่ขณะเดียวกันคนอื่นก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้คนที่เขารู้สึกว่า คุณเป็นกระบอกเสียงที่กว้างกว่าเขา แต่เราไม่เห็นด้วยกับการไปเรียกร้องคุกคามในพื้นที่ของเขา ทุกคนมีสิทธิจะเรียกร้องในพื้นที่ของตัวเอง แต่บางเรื่องเราเข้าใจเลยว่าไม่ใช่เรื่องการเลือกฝักเลือกฝ่ายแล้ว มันเป็นเรื่องของมนุษยธรรม มันมีความรุนแรงเกิดขึ้น มันมีการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ call out เลย ใช้ชีวิตปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็อาจจะทำให้เกิดความไม่พอใจได้ ทุกคนก็มีสิทธิจะไม่พอใจ เราก็รู้สึกว่าคนพวกนี้ใจแข็งมาก เขาไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ เพราะมันไม่ใช่การเลือกข้างแล้ว มันคือการที่คุณมองข้ามความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนในประเทศด้วยกัน แต่เราก็ไม่ได้เชียร์ให้ไปแบนใครนะ เขาอาจจะไปแสดงออกในรูปแบบที่เราไม่รู้ก็ได้ 

กลัวโดนแอนตี้ไหม

เราแคร์คนข้างนอกค่อนข้างน้อย อาจเพราะเราไม่ได้อยู่ในกระบวนการที่ทำไปเพื่อขึ้นชาร์ต เพื่อเป็นเพลงฮิต เพื่อยอดร้อยล้านวิว แต่มันเกิดจากความเชื่อว่าเราอยากจะเล่าเรื่องนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นเราเลยไม่ได้กลัวว่าจะมีผลจากภายนอก หรืออย่างเรื่องงานก็ไม่กลัวว่าจะน้อยลง

ผมรู้สึกว่าทำไมเราต้องกลัวที่จะออกมาพูดเพราะงานจะน้อยลง เพราะสุดท้ายถ้าเราไม่พูด มันก็จะไม่ได้แก้ไขจริงๆสักที เวลาเราจะพูดอะไรสักอย่างเราก็ต้องกลัวอยู่ตลอด ในความเป็นศิลปินของเราเราคิดว่าฉันต้องพูดได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องกลัว เราไม่ได้เป็นวงมหาชน ไม่ใช่วงที่ทุกคนต้องรักกู

มันอาจมากกว่าความเชื่อด้วยซ้ำ มันคือการที่เราเห็นฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายคน เรารู้สึกว่าเรื่องนี้ง่ายมากที่จะออกมาพูด ออกมาแสดงความเห็น ให้คนตั้งคำถาม แต่เราไม่ได้บังคับว่าแฟนเพลงเราต้องเชื่อแบบเรา ไปกับเรา แต่รู้สึกว่าการที่เราออกมามันจะทำให้เขาตั้งคำถาม เริ่มสนใจ ในขณะที่เขาอาจจะอยู่ในบ้านที่ได้รับข้อมูลจากฝั่งเดียว แล้วเขาก็กำลังจะโตไปเป็นคนที่มีความคิดแบบนั้นเลยโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเขาได้เห็นเรา เห็นการเคลื่อนไหวของเรา บางทีมันอาจจะเกิดการตั้งคำถาม ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร แล้วสุดท้ายก็ค่อยเลือกเองว่าคุณจะเห็นด้วยกับทางไหน

 

ผมรู้สึกว่าทำไมเราต้องกลัวที่จะออกมาพูดเพราะงานจะน้อยลง เพราะสุดท้ายถ้าเราไม่พูด มันก็จะไม่ได้แก้ไขจริงๆสักที เวลาเราจะพูดอะไรสักอย่างเราก็ต้องกลัวอยู่ตลอด

 

พอเปิดตัวแล้วโดนแคนเซิลงานไหม

อาจจะมีที่อยากจะจ้างเราแล้วไม่ได้จ้างก็ได้ แต่ด้วยความที่เป็นวงไม่ได้ดัง ก็ไม่ได้รับงานที่ผูกกับแบรนด์เท่าไหร่ ร้านที่จ้างเราก็เป็นร้านเหล้าเล็กๆ หรืองานดนตรี เลยไม่มีปัญหา แต่ถ้าจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นเราก็ยอมรับ เพราะเราก็เลือกแล้ว แต่อย่ามาใช้ความรุนแรงก็พอ นอกนั้นรับได้หมด

คำในเพลงมากจากไหน

คุย เป็นคนคุยกับคนเยอะมาก เวลาเดินทางจะชอบใช้เวลาในการนั่งคุยกับคน มันจะออกมาในแนวความคิด ทัศนคติในเพลง มากกว่าเรื่องของคำ คำมันธรรมดามาก เราอาจไม่ใช่กวีที่หยิบคำที่สวยที่สุดมาใช้ได้ แต่แค่รู้วิธีจะถ่ายทอดมันออกไปด้วยถ้อยคำแบบธรรมดา

เพลงเราจะสามารถดึงมวลชนจากอีกฝั่งมาฟังได้ไหม

เพลงเราส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเพลงการเมือง เพลงเราแค่อยากให้คนที่เรารู้สึกดีด้วยรู้ว่าเขามีเพื่อน แต่คงไม่ได้เป็นการเปลี่ยนความคิดใคร

คิดว่าเพดานของการแสดงออกในม็อบควรเป็นยังไง

คนมันคือความหลากหลาย เรามีวิธีรับมือกับความโกรธไม่เหมือนกัน แต่ยังอยากให้อยู่ในสโคปของคำว่าสันติ สันติในที่นี้คือต้องไม่มีการทำร้ายกันเกิดขึ้น มันก็อึดอัดที่เราเห็นอีกฝ่ายทำเอาๆ แต่เราไม่อยากให้มีใครสักคนต้องสูญเสียไปเลย คนที่มีความคิดและออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย 

แต่อย่างการใช้ถ้อยคำหยาบคาย การพ่นสี สาดสี มันคือการแสดงออกถึงความไม่พอใจ แสดงถึงความโกรธ ว่าไม่ไหวแล้วโว้ย แต่จะไม่มีการทำร้ายใคร ไม่มีการเจ็บตัว 

เราอาจจะยังหวังว่าสิ่งที่เราพูดมันไปถึงอีกฝ่าย แล้วให้เขารับฟังมากกว่าแค่การใช้อารมณ์ เพราะหากใช้แต่อารมณ์ก็เหมือนเราจะได้อยู่กันแค่นี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความคิดใคร ไม่ได้มวลชนเพิ่ม ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้มันเป็นการไปเพิ่มความโกรธให้กับอีกฝ่าย

เล่าเหตุการณ์ในงาน CAT EXPO ให้ฟังหน่อย

เราทำโปรเจคกับพี่น้องศิลปิน ชื่อโปรเจค UNMUTE PEOPLE เราสนับสนุน Free Speech ทุกคนต้องสามารถพูดได้อย่างอิสระโดยต้องไม่โดนทำร้าย โดนคุกคาม ศิลปินทุกคนก็ร่วมใจกันแสดงออกโดยการเอาสีน้ำเงินมาทาเสื้อผ้า เครื่องดนตรี เพื่อไม่ให้คนในงานลืมว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ซึ่งสีน้ำเงินก็แทนตัวน้ำใส่สารเคมีที่เจ้าหน้าที่ฉีดใส่ผู้ชุมนุม 

ตอนที่เราพาแกนนำขึ้นเวที มีข้อครหาว่ามันคือการเตรียมการ วางแผน ทำให้เวทีดนตรีกลายเป็นเวทีทางการเมือง แค่อยากจะบอกว่าไม่ได้มีการเตรียมการกันเลย แค่พี่แอมมี่ (The Bottom Blues) มาให้กำลังใจหลังเวที พารุ้ง (ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล) กับพี่ไผ่ (จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา)​ มาด้วย แล้วเราก็รู้สึกซาบซึ้ง

เพลง 'หลังคา' เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่เราร้องเพลงนี้ มันเหมือนได้รับความอบอุ่นจากอะไรบางอย่าง มันเหมือนกับว่า ณ ตอนนั้นเราเป็นหลังคาให้กันและกัน เขามาให้กำลังใจเรา เราก็อยากพาเขาขึ้นไปให้กำลังใจเหมือนกัน ไม่ได้มีการปราศรัยอะไร ทั้งหมดยังอยู่ในบริบทของงานดนตรี แล้ววันนั้นดนตรีก็ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างที่สุดที่มันจะทำได้ ในการขอบคุณใครสักคนที่เราเชื่อ คนที่เสียสละตัวเองเพื่อทำอะไรบางสิ่ง เราอยากขอบคุณในความเสียสละของเขา 

จะมีการต่อยอดโปรเจคอะไรจากนี้ไหม

UNMUTE PEOPLE อยู่ที่ว่าจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะออกมาทำอะไรบางอย่าง UNMUTE พยายามทำให้ศิลปินทุกคนมีกรอบที่สามารถพูดร่วมกันได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับผลกระทบอะไร 

ฝันอยากเปลี่ยนอะไรบ้างในสังคมนี้

สิ่งที่อยากเปลี่ยนคนอื่นเขาก็พูดกันหมดแล้วในม็อบ เราเห็นกันชัดอยู่แล้ว แต่ในฐานะคนทำดนตรีก็คิดว่าวงการศิลปะ ดนตรีควรได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้จากรัฐ มีวงดนตรีหลายวงที่เจ๋งมากที่สามารถก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ได้เลย แต่ไม่มีช่องทางให้เขา หรือแม้กระทั่งพื้นที่ โอกาสที่วงเหล่านี้จะได้แสดงออกก็ยังมีน้อยมาก เพราะเราคิดว่ารัฐสามารถพัฒนาตรงนี้ได้ งบประมาณที่มาซับพอร์ทส่วนนี้บ้าง ไม่ใช่การเอาไปทำอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเกิดประโยชน์กับแค่คนไม่กี่คน เราอยากให้มันมีการสนับสนุนศิลปินทุกแขนงมากกว่านี้


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net