Skip to main content
sharethis

เวหา แสนชนชนะศึก ที่เคยถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อมูลเท็จเรื่องนักกิจกรรม 3 คนถูกจับจากม็อบ "พิษณุโลกคนกล้าไม่ก้มหน้าให้เผด็จการ" เจ้าตัวแจงอัยการไม่ฟ้องพ.ร.บ.คอมฯ ยุยงปลุกปั่น แต่ตำรวจนัดรายงานตัววันนี้เพื่อแจ้งข้อหาจัดชุมนุมโดยไม่แจ้งและนัดส่งสำนวนให้อัยการศาลแขวงพิษณุโลก อัยการนัดฟังว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง 5 ก.พ.64

7 ธ.ค.2563 เวหา แสนชนชนะศึก ผู้ต้องหาในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าโพสต์นักกิจกรรมถูกจับก่อนจัดกิจกรรม “พิษณุโลกคนกล้าไม่ก้มหน้าให้เผด็จการ” ให้ข่าวว่าตนถูกขังจนครบฝาก แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องข้อหานำเข้าข้อมูลเท็จ ม.14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2563 และยุยงปลุกปั่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116 ล่าสุดตำรวจเรียกเข้ารายงานตัวเพื่อส่งสำนวนให้อัยการศาลแขวงพิษณุโลก ปรากฏว่าเหลือเพียงข้อหาจัดชุมนุมไม่แจ้ง แต่เวหาให้การปฏิเสธและยืนยันว่าไม่ได้ไปชุมนุมด้วยเพียงแค่แชร์เรื่องราวที่นักกิจกรรมถูกจับกุมเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่พิษณุโลกเท่านั้น

กลุ่มพิษณุโลกคนกล้าไม่ก้มหน้าให้เผด็จการ ระบุมีผู้แอบอ้างเป็น จนท. ขอให้ยุติกิจกรรม

เวหาให้สัมภาษณ์ว่า ในตอนแรกตนเองถูกจับกุมเพราะถูกกล่าวหาว่าได้โพสต์เรื่องของนักกิจกรรมในพิษณุโลกจำนวน 3 คน ถูกจับกุมไปก่อนทำกิจกรรมโดยตำรวจภูธรภาค 6 สามคันรถในชุดนอกเครื่องแบบราว 20นายไปจากที่บ้านเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2563 เวลาประมาณ 11.00 น. ส่ง สภ.เมือง พิษณุโลก ตำรวจไม่แสดงหมายจับ และก่อนหน้าถูกจับกุมก็ไม่มีหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหามา นอกจากนั้นตำรวจยังค้นบ้านและยึดคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือไปด้วย ซึ่ง ณ วันที่ให้สัมภาษณ์นี้ก็ยังไม่ได้คืน เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องรอให้ศาลสั่งก่อนว่าจะยึดไว้เป็นของกลางหรือไม่

เวหากล่าวว่าตอนที่อยู่ สภ.เมือง พิษณุโลก ตนถูกแจ้งข้อกล่าวหานำข้อมูลอันเป็นเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ตามมาตรา 14(3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ในเบื้องต้นเขาให้การว่าตนเองรับว่าได้โพสต์จริง แต่เรื่องที่โพสต์ไม่ใช่เรื่องเท็จและต้องการต่อสู้ในศาล และเมื่อเขาถามว่าการจับกุมนี้มีหมายจับหรือไม่ จึงมีการนำหมายจับมาแสดงในภายหลังตอน 18.00 น.

ทั้งนี้ตามบันทึกจับกุมตำรวจได้ระบุว่าเวหา “ได้ถูกเชิญมาให้ถ้อยคำ” ต่อพนักงานสอบสวน และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งเวหาให้สัมภาษณ์ว่าตนไม่มีโอกาสได้ชี้แจงใดๆ ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่นอกจากเป็นการแถลงข่าวฝ่ายเดียวของตำรวจเท่านั้น ทั้งนี้เขายืนยันว่าตนให้การเพียงแค่รับว่าได้โพสต์เรื่องดังกล่าวจริง แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากที่เขาเห็นในไลฟ์

เวหาเล่าอีกว่าตนถูกคุมขังที่สภ.เมืองพิษณุโลกอยู่ 2 คืน หลังจากถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้วเขาถูกนำตัวส่งศาลจังหวัดพิษณุโลกเพื่อขออำนาจศาลฝากขังและพนักงานสอบสวนยังขอคำค้านการอนุญาตการยืนประกันตัวด้วยโดยอ้างว่าเป็นคดีความมั่นคง สุดท้ายแม้ว่าเขาจะยื่นขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินที่ตีราคามาเกือบ 500,000 บาท ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกัน

เวหากล่าวว่าตนถูกฝากขังอยู่ 4 ครั้งเป็นเวลา 48 วัน ระหว่างถูกขังอยู่ตำรวจได้เข้าไปแจ้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 อีกข้อหา แต่อัยการก็ไม่มีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาล ครบไปก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563

เวหาระบุว่าตนไม่ได้รับการปล่อยตัวเมื่อครบกำหนด จนครอบครัวไปติดตามเมื่อวันที่ 9พ.ย.พบว่าอัยการไม่สั่งฟ้องในทั้ง 2 ข้อหาเนื่องจากว่าการกระทำไม่ครบองค์ประกอบความผิดจึงได้รับการปล่อยตัวในเย็นวันเดียวกัน แต่ตำรวจก็ได้นัดเขาเข้ารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อหาจุดชุมนุมโดยไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ในวันนี้แทน

เวหาแจ้งว่าสำหรับคดีที่ถูกตั้งข้อหาว่าจัดชุมนุมโดยไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่นี้ อัยการศาลแขวงได้นัดมาฟังคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องในวันที่ 5 ก.พ.2564 เวลา 10.00 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net