Skip to main content
sharethis

เลขาธิการพรรคก้าวไกลเผยนัดประชุม 15 ธ.ค. หามติประกาศจุดยืน ม.112 ยัน ไม่ควรมีใครติดคุกเพราะการแสดงความคิดเห็น

12 ธ.ค. 2563 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงสถานการณ์การดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่ามีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐอย่างปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ รัฐมีนโยบายจะไม่ใช้ มาตรา 112 จึงเห็นได้ชัดว่าคดีในข้อหานี้ก็หายไป แต่ตอนนี้กลับมีการดำเนินคดีตาม มาตรา 112 ขึ้นมาอีกอย่างกว้างขวาง ไม่เว้น แม้แต่กับนักเรียนอายุ 16 ปี

เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า รัฐควรใช้กุศโลบายที่ดีกว่านี้ในการรับมือกับการเคลื่อนไหวของนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ อย่างไรก็ตาม นโยบายการใช้กฎหมายตามมาตรา 112 นี้ ไม่ได้ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนดีขึ้นแต่อย่างใด โดยในวันอังคารที่ 15 ธันวาคมนี้ ที่ประชุมส.ส. พรรคก.ก. จะนำวาระปัญหาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงออก ทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.การชุมนุม กฎหมายที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาทบุคคล หมิ่นศาล รวมทั้งมาตรา 112 เข้าสู่การพิจารณาเพื่อกำหนดจุดยืนร่วมกันในที่ประชุมด้วย

“ในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ เสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐาน ดังนั้น จึงไม่ควรมีใครต้องถูกจำคุกเพราะการแสดงความคิดเห็น หลักการนี้ไม่ใช่ใช้เฉพาะสำหรับกรณีประมุขของรัฐ แต่ควรเป็นหลักการทั่วไป ความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลก็ไม่ควรมีโทษอาญา ควรมีแต่โทษทางแพ่ง” นายชัยธวัช ระบุ

'เทพไท' แนะรัฐบาลตัดตอนการดึงเบื้องสูงมาเป็นคู่ขัดแย้งการเมือง

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ รายงานว่านายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงบรรยากาศทางการเมืองของประเทศในขณะนี้ว่า ความขัดแย้งทางการเมืองและความแตกแยกในสังคมกำลังร้าวลึกมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ที่เป็นความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนระบอบทักษิณ กับกลุ่มที่ต่อต้านระบอบทักษิณ จนเกิดการชุมนุม หรือม็อบสีเสื้อขึ้นมา และขยายผลมาเป็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จากกลุ่ม กปปส. จนมีการยุบสภา และบอยคอตการเลือกตั้ง เพราะต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง จนบ้านเมืองเข้าสู่ทางตัน และมีการรัฐประหารของ คสช. เข้ามาควบคุมการบริหารประเทศในฐานะคนกลาง เพื่อต้องการให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติไม่มีความขัดแย้งใดๆต้องการสลายสีเสื้อทางการเมือง จึงมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา เพื่อใช้ปกครองประเทศ และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป เป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชน จึงได้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ คสช. ยกร่างขึ้นมาเอง จนเป็นที่มาของการสืบอำนาจ และเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งในปัจจุบันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกำลังลุกลามไปอย่างกว้างขวาง มีการดึงเอาสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมืองด้วย ซึ่งแตกต่างกับความขัดแย้งในอดีต ที่เกิดขึ้นระหว่าง ความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่มการเมือง2กลุ่มเท่านั้น แต่ปัจจุบันเป็นความขัดแย้งที่พยายามจะดึงสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งด้วย มีการเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกการใช้มาตรา 112 ซึ่งเป็นข้อขัดแย้ง ที่ก้าวข้ามรัฐบาลในการเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออก หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว

จึงขอให้รัฐบาลได้รีบตัดไฟแต่ต้นลม ตัดตอนความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามไปถึงสถาบันเบื้องสูง และต้องไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแอบอ้างดึงสถาบันเบื้องสูง มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง และห้ามไม่ให้มีการจาบจ้วง ก้าวล่วงถึงสถาบันเบื้องสูงอีกด้วย

ถ้าหากรัฐบาลไม่รีบตัดตอนหรือแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง จำกัดให้เป็นแค่คู่ขัดแย้งกับรัฐบาล ก็จะทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน อาจจะพัฒนาไปสู่การเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นได้ แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net