Skip to main content
sharethis

เลื่อนนัดสืบแพทย์จากค่ายอิงคยุทธบริหาร ไป มิ.ย. ปีหน้า คดีไต่สวนการตายในระหว่างควบคุมตัวของ 'อับดุลเลาะ อีซอมูซอ' แพทย์ รพ.ปัตตานี เบิกความระบุ เขาขาดอากาศหายใจเวลานาน ทำให้สมองมีเลือดออก และส่งผลให้หัวใจหยุดเต้น จึงเห็นว่า ควรส่งตัวอับดุลเลาะ ไปรักษาต่อ รพ.สงขลานครินทร์

 

17 ธ.ค.2563 ความคืบหน้าไต่สวนการตายของอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ซึ่งหมดสติหลังถูกควบคุมตัวในค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพียงไม่กี่ชั่วโมง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ญาติติดใจแผลถลอกที่ข้อมือ-ข้อเท้าผู้ตาย ซึ่งมีนัดสืบพยานแพทย์ผู้ตรวจรักษาเพิ่มเติม 15-18 ธ.ค. นี้นั้น

ล่าสุดมูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ในช่วงเช้าพนักงานอัยการได้นำเจ้าหน้าที่ทหาร และอาสาสมัครทหารพรานในค่ายอิงคยุทธรบริหาร จำนวน 3 ปาก เข้าสืบพยานต่อศาล ส่วนในช่วงบ่ายพนักงานอัยการได้นำ แพทย์จากโรงพยาบาลสงขลานคริณทร์เบิกความต่อศาลถึงการรักษาพยาบาลอาการไม่ได้สติของ อับดุลเลาะ เนื่องจากการขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน ส่งผลให้สมองบวมและมีเลือดออกบริเวณกลีบสมอง ส่งผลให้หัวใจขาดการสั่งการทำให้หัวใจหยุดเต้น 

16 ธ.ค. 2563 พนักงานอัยการ ได้นำแพทย์ประจำโรงพยาบาลปัตตานี เบิกความต่อศาลถึงการรักษาตามอาการของอับดุลเลาะ เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน โดยมีอาการไม่ได้สติต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และได้มีการตรวจเลือดและ CT สแกนบริเวณศรีษะ และช่องท้อง พบว่า อับดุลเลาะ ขาดอากาศหายใจเวลานาน ทำให้สมองมีเลือดออก และส่งผลให้หัวใจหยุดเต้น แพทย์จึงเห็นว่า ควรส่งตัวอับดุลเลาะ ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เนื่องจากเห็นว่า ที่โรงพยาบาลปัตตานีไม่มีเครื่องมือเพียงพอที่จะรักษาอาการของ อับดุลเลาะ ได้  หลังจากนั้น พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีไต่สวนการตายของอับดุลเลาะได้เบิกความต่อศาลถึงการสืบสวนสอบสวนคดี 4 ฝ่าย เมื่อมีการตายโดยผิดธรรมชาติเกิดขึ้น

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า เหตุการณ์อับดุลเลาะถูกควบคุมเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2562 โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44  และส่งตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 03.00 นาฬิกาของวันที่ 21 ก.ค. 2562 พบว่าหมดสติอยู่ในห้องควบคุมศูนย์ซักถามของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร โดย อับดุลเลาะ ได้รับการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร จากนั้นได้ส่งไปรักษาตัวต่อ ณ อาคารผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) โรงพยาบาลปัตตานี  ต่อมาวันที่ 22 ก.ค. 2562 ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และต่อมาได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2562

คดีชันสูตรพลิกศพ อับดุลเลาะฯ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ช.1/2563 ของศาลจังหวัดสงขลา โดยพนักงานอัยการจังหวัดสงขลา เป็นผู้ร้องขอให้ศาลไต่สวนการตาย และ ซูไมยะห์ มิงกะ ภรรยาของอับดุลเลาะ ได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้ร้องซักถามโดยแต่งตั้งทนายความเพื่อซักถามพยานที่พนักงานอัยการนำมาเบิกความต่อศาล และจะนำพยานที่ฝ่ายญาติผู้ตายอ้างมาเบิกความในคดีนี้ด้วย

การไต่สวนพยานคดีนี้ เริ่มตั้งวันที่ 24-26 พ.ย. 2563 จนกระทั่งวันที่ 15,16 ธ.ค.2563 ศาลได้ทำการไต่สวนพยานไปแล้วรวมจำนวน 16 คน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 13 คน แพทย์ 2 คน และพนักงานสอบสวน 1 คน

คดีนี้พนักงานอัยการและทนายฝ่ายครอบครัวของ อับดุลเลาะ ประสงค์จะให้แพทย์ที่ดูแลรักษาผู้ตายในเบื้องต้นก่อนการเข้าสู้ศูนย์ซักถามในค่ายอิงคยุทธบริหาร อีกทั้งยังเป็นแพทย์ที่รักษาผู้ตายเป็นครั้งแรกหลังจากการหมดสติของอับดุลเลาะ เข้าสืบพยานต่อศาล เนื่องจากเห็นว่าพยานปากนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก จึงให้เลื่อนสืบพยานพนักงานอัยการ ผู้ร้อง เป็นวันที่ 9 มิ.ย.2564 และนัดสืบพยานฝ่ายผู้ตาย ในวันที่ 10 - 11 มิ.ย. 2564 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ณ ศาลจังหวัดสงขลา

ซูไมยะห์ ภรรยาของอับดุลเลาะ เห็นว่าแม้ศาลจะเลื่อนคดีไปนานหลายเดือน แต่ก็รอได้ เพราะแพทย์ที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหารเป็นพยานสำคัญที่จะได้ให้รายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตรวจร่างกายนายอับดุลเลาะวันแรกที่ถูกทหารควบคุมตัวไปในค่ายอิงคยุทธบริหาร ซึ่งแพทย์ระบุว่านายอับดุลเลาะร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว และไม่มีร่องรอยบาดแผลใด ๆ อีกทั้งยังเป็นแพทย์คนแรกที่ปั๊มหัวใจและรักษานายอับดุลเลาะ ที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหารก่อนส่งตัวนายอับดุลเลาะไปโรงพยาบาลปัตตานี  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net