Skip to main content
sharethis

'ธนาธร' ขอบคุณทุกคะแนน-รับยังต้องทำงานให้หนักกว่านี้ - ชี้คะแนนนิยมใน 42 จังหวัด 17% คงที่ไม่ลดจากเลือกตั้งทั่วไปปี 62 - ลั่น ส.อบจ.พร้อมทำงานเป็นปากเสียงประชาชน - เตรียมสู้ศึกเทศบาล-อบต.ต่อ

  • ขอโทษที่ทำไม่สำเร็จ-รับยังทำงานไม่มากพอ - ชี้คะแนนนิยมไม่ลดแม้เต็มไปด้วยอุปสรรค
  • ความสำเร็จคือการสร้างความตื่นรู้ให้ประชาชน-ใช้การเมืองแบบใหม่เข้าสู้ -เตรียมเดินหน้าไม่หยุด พร้อมดัน 55 ส.อบจ.คณะก้าวหน้าตรวจสอบท้องถิ่นต่อ
  • เปิดแผนปี 64 เตรียมลุยต่อเลือกเทศบาล-อบต. -พร้อมทำงานรณรงค์ทางความคิดต่อเนื่อง
  • รับการพูดเรื่องสถาบันฯอาจมีผลต่อคะแนน แต่เป็นเรื่องจำเป็น -ย้ำการพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยความหวังดีเท่านั้นจะทำให้สถาบันฯยั่งยืน

21 ธ.ค.2563 ทีมสื่อคณะก้าวหน้า รายงานว่า วันนี้ (21 ธ.ค.63) ที่สำนักงานคณะก้าวหน้า ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงข่าวหลังผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ได้ผ่านการนับคะแนนจนรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการแล้ว

ขอโทษที่ทำไม่สำเร็จ-รับยังทำงานไม่มากพอ - ชี้คะแนนนิยมไม่ลดแม้เต็มไปด้วยอุปสรรค

ธนาธร ระบุว่าใน 42 จังหวัดที่เราคณะก้าวหน้าได้ส่งตัวแทนลงเข้าแข่งขันนั้น ผลการเลือกตั้งคงจะเป็นที่ทราบกันแล้ว ว่าคณะก้าวหน้าไม่สามารถช่วงชิงตำแหน่งนายก อบจ.มาได้เลยสักจังหวัด ปัจจัยที่สำคัญที่สุด ย่อมเป็นเพราะการทำงานของพวกเราที่ยังไม่หนักแน่นพอ ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ตนขอใช้โอกาสนี้ขอโทษประชาชนทุกคนที่ต้องผิดหวังด้วย 

แต่แม้จะไม่ได้ตำแหน่งนายก อจบ. ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่ประสบความสำเร็จใดๆเลย เราได้รับคะแนนจากประชาชนใน 42 จังหวัดที่ส่งนายก อบจ. เป็นคะแนนทั้งหมด 2,670,798 คะแนน ซึ่งตนขอขอบคุณทุกคะแนนและความไว้วางใจที่ทุกคนมอบให้เรา 

นอกจากนี้ เรายังสามารถช่วงชิงตำแหน่ง ส.อบจ.ได้ทั้งหมด 55 ตำแหน่งใน 18 จังหวัด และยังมีส่วนร่วมในการผลักดัน ขับเคลื่อน ให้สังคมไทยได้รับรู้ถึงความสำคัญ บทบาท และหน้าที่ของ อบจ. ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือความภาคภูมิใจของพวกเรา

ธนาธร กล่าวว่า สำหรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ บ่งบอกว่าคณะก้าวหน้าไม่ได้รับความนิยมลดลงเมื่อเทียบกับสมัยพรรคอนาคตใหม่ ดังจะเห็นได้ว่าในการเลือกตั้งทั่วไปเดือนมีนาคม 2562 มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งในทั้ง 42 จังหวัดนี้ 19.6 ล้านคน คิดเป็น 72.3% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่ได้รับคะแนนรวมกันกว่า 3.18 ล้านคะแนน คิดเป็น 16.2% จากผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง

สำหรับการเลือกตั้ง นายก อบจ.เมื่อวานนี้ใน 42 จังหวัดมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 15.7 ล้านคน คิดเป็น 57.7% มีผู้เลือกเรา 2.6 ล้านคน คิดเป็น 17% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง แม้คะแนนดิบดูจะน้อยลง แต่เมื่อเทียบสัดส่วนของคะแนนแล้ว จะเห็นได้ว่าในรอบ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา คะแนนนิยมของเราไม่ได้ลดลง 

“การเลือกตั้งในวันที่ 20 ธันวาคม การเลือกตั้งท้องถิ่น อบจ.รอบนี้ เป็นที่รู้กันว่าไม่มีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ไม่มีการเลือกตั้งนอกเขต ดังนั้น คะแนนที่พวกเราได้มา เราจึงมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากไม่ต่ำลงแล้วภายใต้ข้อกำหนดเช่นนี้ เรายังรักษาฐานคะแนนได้ถึง 17% ทีเดียว” ธนาธรกล่าว

ความสำเร็จคือการสร้างความตื่นรู้ให้ประชาชน-ใช้การเมืองแบบใหม่เข้าสู้ -เตรียมเดินหน้าไม่หยุด พร้อมดัน ส.อบจ.คณะก้าวหน้าตรวจสอบท้องถิ่นต่อ

สำหรับตัวแทนคณะก้าวหน้าได้เป็น ส.อบจ. 57 คน ใน 20 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดพะเยา 1 คน,  จังหวัดอุตรดิตถ์ 3 คน, จังหวัดฉะเชิงเทรา 10 คน, จังหวัดชลบุรี 1 คน, จังหวัดสมุทรปราการ 1 คน, จังหวัดสมุทรสาคร 1 คน, จังหวัดนนทบุรี  3 คน, จังหวัดอ่างทอง 1 คน, จังหวัดภูเก็ต 1 คน, จังหวัดยโสธร 7 คน, จังหวัดร้อยเอ็ด 3 คน, จังหวัดมุกดาหาร 1 คน, จังหวัดอุดรธานี 10 คน, จังหวัดบึงกาฬ 1 คน, จังหวัดหนองคาย 5 คน, จังหวัดสกลนคร 2 คน, จังหวัดหนองบัวลำภู 2 คน, จังหวัดน่าน 1 จังหวัดระยอง 1 และจังหวัดลำพูน 2 คนนั้น ธนาธร ยืนยันว่า พวกเราจะให้การสนับสนุนและคำแนะนำแก่ ส.อบจ.ทั้งหมด ให้ทำงานแทนพี่น้องประชาชนในการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารแทนประชาชนให้เต็มที่

การเลือกตั้งในวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา เรายังมีความภาคภูมิใจ ในการได้เป็นส่วนสำคัญในการทำให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะการจะเดินหน้าต่อไปที่จะเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูประบบราชการ ยุติการรวมศูนย์อำนาจที่รัฐราชการส่วนกลาง ซึ่งจะต้องกระทำไปจากข้างบนลงข้างล่างและข้างล่างขึ้นข้างบนไปในเวลาเดียวกัน

ซึ่งการจะทำสิ่งนี้ได้ จะต้องแก้กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ จำเป็นต้องทำผ่านสภาผู้แทนราษฎรหรือการเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต ส่วนข้างล่างขึ้นข้างบน เราจำเป็นจะต้องทำการเมืองท้องถิ่นที่ดี โปร่งใส เมื่อมีการเมืองท้องถิ่นที่มีคุณภาพที่ดี การขับเคลื่อนการปฏิรูประบบราชการจะทำได้ราบรื่นมากขึ้น และเรายังมีส่วนทำให้ประชาชนเข้าใจถึงบทบาทอำนาจหน้าที่การทำงานของ อบจ.มาขึ้น

นอกจากนี้ ในรอบหลายเดือนที่ผานา เราได้แสดงให้เห็นว่า อบจ. มีงบประมาณจำนวนมาก ในขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นว่าการทำงานของ อบจ.ไม่ถูกตรวจสอบเพราะมีคนสนใจน้อย และ อบจ.ถูกผูกขาดมานาน ทำให้งบประมาณไม่ถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด และอีกเรื่องคือ ทำให้ประชาชนเห็นว่าไม่ว่าจะการเมืองระดับชาติหรือจังหวัด ควรที่ต้องแข่งขันกันด้วยนโยบาย โดยที่ผ่านมา คณะก้าวหน้าเราสร้างนโยบายที่จับต้องได้ ทำได้จริง ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการศึกษา การเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ การคมนาคมสาธารณะ เรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้เห็นว่าขอบเขตอำนาจของ อบจ.สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ และเรายังเอาการเมืองใหม่มาทำ เหมือนสมัยตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ คือไม่ซื้อสิทธิ ไม่ซื้อเสียง พวกเราไม่เคยเชื่อว่าการซื้อสิทธิซื้อเสียงจะทำให้สังคมดีขึ้น จะทำให้ประชาธิปไตยในประเทศเข้มแข็งขึ้นได้ เราจึงยืนยันที่จะทำในแบบเดิม 

“พวกเราขอโทษที่ไม่สามารถไปดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ได้แม้แต่หนึ่งจังหวัด แต่เราได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเราแล้ว ที่จะสร้างการเมืองแบบใหม่แบบนี้ ไม่ใช่แต่ในระดับประเทศ แต่ลงมาในระดับท้องถิ่นด้วย ดังนั้นทุกคะแนนที่พวกเราได้มาในรอบนี้ 2,670,798 คะแนน จึงเเป็นคะแนนที่บริสุทธิ์ ไม่ได้มาจากเครือข่ายผลประโยชน์ และนั่นก็คือสิ่งที่เราภาคภูมิใจในการทำงานตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางอุปสรรคเยอะแยะมากมาย ว่าพวกเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานการเมืองท้องถิ่นที่สร้างสรรค์ ทำงานการเมืองท้องถิ่นที่มีคุณภาพ” ธนาธรกล่าว

เปิดแผนปี 64 เตรียมลุยต่อเลือกเทศบาล-อบต. -พร้อมทำงานรณรงค์ทางความคิดต่อเนื่อง

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าหลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าหลังจากนี้ต่อไปพวกเราจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร ตนเรียนว่าพวกเราคณะก้าวหน้า รวมถึงผู้สมัครนายก อบจ. และ ส.อบจ. ของพวกเราจะยังก้าวเดินต่อไป เพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ ที่เป็นของประชาชนต่อไปในปี 2564 อย่างไม่ย่อท้อ แน่วแน่ หนักแน่น มีพลังเหมือนเดิม

อย่างแรกที่สุด 1) เราจะสนับสนุน เสนอแนะ และช่วยตรวจสอบการทำงานของ อบจ.ผ่านกลไก ส.อบจ. ที่พวกเราได้รับเลือกเข้าไป 2) เราจะทำงานการเมืองในระดับพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นระดับเทศบาลหรือ อบต. ต่อไป ในโอกาสนี้ตนขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมกับพวกเรา เราตั้งใจจะนำนโยบายมาทำต่อในระดับเทศบาลและระดับ อบต. เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าท้องถิ่นของเรา ชุมชนของเรามีศักยภาพที่จะไปไกลมากกว่านี้

สุดท้าย 3) พวกเราไม่ได้ตั้งใจทำงานในระดับท้องถิ่นอย่างเดียว เราจะเดินหน้าขับเคลื่อนในสิ่งที่เราทำมาสมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ต่อไป นั่นคือการรณรงค์ปักธงทางความคิดการเมืองที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นต่อสถานการณ์การเมือง การปฏิรูปกองทัพ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เราจะยังรณรงค์เรื่องต่างๆเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง นั่นคือแนวทางการทำงานของเราในปี 2564

การเดินทางหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้พวกเราและเติบโตมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความเข้าใจเดี่ยวกับการทำงานในระดับ อบจ. ไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์แนวทางการพัฒนาจังหวัดใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพบปะผู้คนที่หลากหลาย สิ่งต่างๆเหล่านี้เราจะเก็บเป็นประสบการณ์เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยที่สวยงามต่อไป ในโอกาสนี้ ผมขอขอบคุณพี่น้องประชนทุกคนที่ให้กำลังใจพวกเรา ขอขอบคุณ 2,670,798 คะแนนที่ยังไว้ใจพวกเราและเดินไปกับพวกเรา 

“ขอขอบคุณทุกดอกไม้ การจับไม้จับมือ น้ำทุกขวด อาหารทุกกล่อง ทุกรอยยิ้มการโอบกอด สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นพลังให้พวกเราคณะก้าวหน้าเดินหน้าขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง เชิญชวนทุกท่านเดินร่วมต่อไปกับพวกเรา อย่าเพิ่งหมดหวัง อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ นี่เพิ่งผ่านไปแค่สองการเลือกตั้งเท่านั้น ยังมีการเลือกตั้งข้างหน้าอีกเยอะที่พวกเราจะต้องฝ่าฟัน การสร้างประเทศไทยที่น่าอยู่กว่านี้ การสร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตยต้องใช้เวลาอีกยาว เดินไปด้วยกันครับ” ธนาธรกล่าวทิ้งท้าย

รับการพูดเรื่องสถาบันฯอาจมีผลต่อคะแนน แต่เป็นเรื่องจำเป็น -ย้ำการพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยความหวังดีเท่านั้นจะทำให้สถาบันฯยั่งยืน

จากนั้น ธนาธรจึงได้ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยมีคำถามหนึ่ง ระบุว่าผลเลืกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าอนาคตใหม่สูญเสียฐานคะแนนเดิมหรือไม่? ธนาธรระบุว่าคะแนนนิยมต่อพวกเราไม่ได้น้อยลงกว่าการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 เลย ใน 42 จังหวัดนี้พรรคอนาคตใหม่ได้รับความนิยม 16.2% คณะก้าวหน้าได้ 17% ซึ่งเราจะเดินหน้าต่ออย่างมุ่งมั่น เราจะสรุปบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งนี้ คงจะเร็วเกินไปที่จะพูดถึงบทเรียนวันนี้ เพราะคะแนนต่างๆยังไม่เป็นทางการชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตนขอตั้งข้อสงสัยถึงการทำงานของผู้จัดการเลือกตั้ง ในหลายจังหวัดผลการเลือกตั้งถูกปิดประกาศเพียงชั่วครู่ก่อนถอนออกไป การหาผลเลือกตั้งยากเต็มที ตนจึงขอขอเรียกร้องให้มีการเปิดผลเลือกตั้งรายหน่วยและทุกหน่วยในทันที

คำถามต่อมา ระบุว่าผลคะแนนที่ออกมาเช่นนี้ เป็นเพราะธนาธรและปิยบุตรพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ ซึ่งธนาธรระบุว่าเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนรู้สึกเจ็บปวดที่มีการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และการพูดของเราส่งผลต่อคะแนนไม่มากก็น้อย  แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่ามีคนจำนวนมากเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มาดร้าย อธิบายถึงเหตุผลว่าการปฏิรูปเท่านั้นที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนได้ จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทยและประชาธิปไตยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

“ปฏิเสธไม่ได้มันมีผลกระทบแน่นอน แต่จะมากจะน้อยเท่าไหร่คงจะต้องประเมินกันในวันที่เราเห็นผลการเลือกตั้งรายหน่วยที่ชัดเจนมากกว่านี้ ผมเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชน ว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พวกเราถูกใส่ความ พวกเราถูกโจมตีอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งภายใต้กฎหมายการเลือกตั้งเราไม่สามารถใช้สถาบันพระมหากษัตริย์มาหาเสียงมารณรงค์ได้ ดังนั้นเราเหมือนถูกมัดมือชกอยู่ฝ่ายเดียวกับเรื่องนี้ในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา” ธนาธรกล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net