Skip to main content
sharethis

บอร์ด สปสช.เห็นชอบข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทองปี 2565 กว่า 2.03 แสนล้านบาท รองรับสิทธิประโยชน์ใหม่ นโยบายยกระดับ 4 บริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองเพิ่มจากปัญหาว่างงานผลกระทบโควิด 19 และอัตราเงินเฟ้อ เสนอ ครม.พิจารณา 

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า การประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบข้อเสนองบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ปี 2565 รวมทั้งสิ้น 203,027 ล้านบาท ในจำนวนนี้รวมเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ภาครัฐ 55,198.26 ล้านบาท เป็นงบประมาณสู่การบริหารจัดการโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 147,828.83 ล้านบาท โดยจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป 

ทั้งนี้ ข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทอง ปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ราว 8,518 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.4% ส่งผลให้อัตราเหมาจ่ายรายหัวในปี 2565 จะเพิ่มเป็น 3,843.60 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 124.38 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ 

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทองปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดิม เนื่องจาก 1.อัตราเงินเฟ้อต้นทุนบริการที่เพิ่มขึ้น ทั้งเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 2.ปริมาณงานและประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยรองรับประชากรที่จะเข้าสู่ระบบบัตรทองจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่นำมาสู่ปัญหาการว่างงาน 3.เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์รายการใหม่เพื่อการเข้าถึงบริการที่เพิ่มขึ้น และ 4.รองรับนโยบาย ‘การยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ’ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทั้งรับบริการกับหมอประจำครอบครัวที่หน่วยปฐมภูมิใดก็ได้ บริการมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ที่ได้ที่มีความพร้อม รับบริการผู้ป่วยในโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว และการเปลี่ยนหน่วยบริการมีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน 

“ในปี 2565 คาดว่าจะมีผู้เข้าสู่ระบบบัตรทองจำนวนมาก จากข้อมูลคาดการณ์อัตราการเกิดและอัตราการตายโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม พบว่าจะมีผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทองอยู่ที่ 47.547 ล้านคน ขณะเดียวกันจะมีผู้ที่ว่างงานเข้ามาในระบบอีกราว 3.9 แสนราย ประกอบกับในปี 2565 สปสช. ได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์อีกหลายรายการ และที่สำคัญคือการรองรับบริการ ตามนโยบายยกระดับบัตรทองสู่หลักประกันสุขภาพยุคใหม่ที่เป็นการพลิกโฉมการให้บริการ เพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพให้กับประชาชน นำมาสู่การจัดทำข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทอง ปี 2565 จำนวน 203,027 ล้านบาท” นายอนุทิน กล่าว 

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ข้อเสนองบประมาณกองทุนบัตรทอง ปี 2565 แบ่งเป็น 

1. งบค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวสำหรับประชากรในระบบและประชากรที่คาดว่าจะเข้ามาในระบบ รวม 161,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 5,916 ล้านบาท 

2. ค่าบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ จำนวน 3,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 242 ล้านบาท 

3. ค่าบริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จำนวน 10,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 404 ล้านบาท  

4. ค่าบริการสาธารณสุขเพื่อควบคุมป้องกันความรุนแรงของโรคเรื้อรัง จำนวน 1,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 5.6 ล้านบาท 

5. ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร เสี่ยงภาย และชายแดนใต้ จำนวน 1,490 ล้านบาท 

6. ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน จำนวน 1,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 176 ล้านบาท 

7. ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับบริการปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว จำนวน 421 ล้านบาท  

8. ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 2,770 ล้านบาท 

9. ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับบริการโรคโควิด-19 เป็นรายการใหม่ที่ขอรับงบตั้งแต่ต้นปี 2565 จำนวน 825 ล้านบาท 

10. เงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการและผู้ให้บริการ จำนวน 283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 100 ล้านบาท จากการปรับอัตราการเยียวยาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโควิด-19 

11. ค่าบริการสาธารณสุขสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค จำนวน 19,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 1,053 ล้านบาท  

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณกองทุนบัตรทอง ปีงบประมาณ 2565 เป็นการดำเนินงานตามกรอบรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง และมติ ครม. ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบอร์ด สปสช. ตลอดจนผลการรับฟังความเห็นจากประชาชน โดย สปสช. จะเสนอข้อเสนองบประมาณนี้เข้าสู่การพิจารณางบประมาณของคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ สปสช. ยืนยันว่าจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มาจากภาษีของประชาชนอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net