Skip to main content
sharethis

19 ปีสงครามอัฟกานิสถาน นับเป็นสงครามโดยสหรัฐฯ ที่กินเวลายาวนานที่สุด แม้ชาวอเมริกันส่วนมากอยากให้ถอนทัพ และโดนัลด์ ทรัมป์ก็เคยสัญญาไว้ แต่ก็ยังคงดำเนินปฏิบัติการลับของซีไอเอโดยอาศัยกองกำลังทหารอัฟกันเพื่อเอาใจกลุ่มชนชั้นนำที่สนับสนุนสงคราม ซึ่งทำให้เกิดหน่วยล่าสังหารที่ทำลายล้างคร่าชีวิตผู้คน


ภาพจาก Wikimedia Commons

นับตั้งแต่การก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่ถูกเรียกว่าเหตุการณ์ 9-11 ถูกอ้างใช้เป็นเหตุแห่งสงครามอัฟกานิสถานที่ดำเนินมาเป็นเวลา 19 ปี จากการสำรวจโพลของ YouGov ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันร้อยละ 46 เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการสนับสนุนให้ถอนทัพออกจากอัฟกานิสถาน อีกร้อยละ 30 บอกว่าพวกเขาสนับสนุน "อยู่บ้าง" ในเรื่องการถอนทัพ

อย่างไรก็ตามสื่อสายก้าวหน้าแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ก็ระบุว่ากลุ่มชนชั้นนำสายความมั่นคงในสหรัฐฯ มีอำนาจมากพอที่จะบีบให้ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะบารัค โอบามา หรือโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ตาม ยังคงทำให้มีปฏิบัติการบางอย่างคงอยู่ในอัฟกานิสถานและตะวันออกกลางได้ เพราะชนชั้นนำด้านนโยบายการต่างประเทศกลุ่มนี้มองว่าการถอนทัพจะถูกมองว่าเป็น "ความพ่ายแพ้ที่น่าอัปยศ"

ในกรณีของรัฐบาลทรัมป์นั้น มีการพยายามแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างการที่เขาต้องการถอนทัพกับความต้องการของกลุ่มชนชั้นนำด้วยการทำให้กฎของสงครามหย่อนยานลงเพราะรัฐบาลทรัมป์คิดว่าการปล่อยให้หน่วยงานกองทัพกับหน่วยงานข่าวกรองจัดการไปเองจะเป็นการกำราบกลุ่มตอลีบันได้และนำไปสู่การถอนทัพ แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาดำเนินปฏิบัติการลับของซีไอเอหรือหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ ที่อาศัยกองกำลังผสมอัฟกานิสถาน พวกเขาเชื่อว่าวิธีการนี้จะทำให้สงครามดำเนินต่อไปได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทหารอเมริกันในการสู้รบ

ถึงแม้ว่าจะไม่มีสงครามจากกองกำลังสหรัฐฯ โดยตรง แต่วิธีการของรัฐบาลทรัมป์ก็ทำให้เกิดหน่วยล่าสังหารจากกองกำลังผสมของอัฟกานิสถาน ซึ่งทำการบุกโจมตีผู้คนจนกลายเป็นการสังหารหมู่ หลายพื้นที่ที่ถูกโจมตีเป็นโรงเรียนศาสนาอิสลามที่มีชื่อเสียงทำให้มีผู้เสียชีวิตที่เด็กที่สุดอยู่ที่อายุ 8 ปี 

นักข่าว แอนดรูว ควิลตี รายงานเรื่องเหล่านี้ไว้ในสื่อดิอินเตอร์เซปต์ ระบุว่าผู้อาศัยใน 4 เขตของวอร์ดักเผชิญกับการสังหารหมู่, การประหัดประหาร, การตัดชิ้นส่วนร่างกาย, การบังคับให้สูญหาย, การโจมตีสถานพยาบาล, และการทิ้งระเบิดใส่อาคารที่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คน ผู้อาศัยในเขตเหล่านี้บอกว่าเหยื่อของเหตุการณ์แทบจะไม่มีคนที่เป็นชาวตอลีบันเลย แต่กองกำลังอัฟกันและสหรัฐฯ ที่คอยหนุนหลังต่างก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรกับเหตุการณ์เลย

รายงานดังกล่าวระบุอีกว่าหน่วยล่าสังหารนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลอัฟกันแต่ทำงานร่วมกับผู้ดูแลอเมริกันที่คอยให้ความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีและคอยกำกับพวกเขา

อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้มีนำเสนอในสื่อกระแสหลักของสหรัฐฯ น้อยมาก ไรอัน กริม นักข่าวของดิอินเตอร์เซปต์เสนอว่ารัฐบาลไบเดนที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ควรจะนำผู้ก่อเหตุเหล่านี้มาดำเนินคดีในข้อหาอาชญากรรมสงคราม กริมบอกว่า เอวริล ไฮนส์ ผู้ที่กริมบอกว่าถูกวางตัวเป็นผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ คนต่อไปจะมีอำนาจและความสามารถมากพอที่จะขุดคุ้มเรื่องราวที่ซีไอเอมีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการเหล่านี้ได้และนำคนเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

แต่ก็มีการวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้จะเป็นไปได้จริงหรือไม่ในเมื่อรัฐบาลโอบาม่าก็ทำไม่สำเร็จในการเอาผิดกับอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นในช่วงยุคบุช แอนดรูว มาเซวิช จากสถาบันควินซีก็วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า โจ ไบเดน ดูจะ "เหยียบเรือสองแคม" ในกรณีสงครามอัฟกานิสถาน ถึงแม้ว่าเขาจะประกาศว่าจะทำให้สงครามที่ยาวนานนี้สิ้นสุดลงแต่ก็พูดในเชิงสนับสนุนการใช้กองกำลังทหารแบบเบาซึ่งเป็นไปได้ว่าจะคล้ายๆ กับสิ่งที่ทรัมป์ทำไว้คือการปล่อยให้ซีไอเอดำเนินปฏิบัติการลับเอาไว้แต่ใช้กองกำลังของตัวเองให้น้อยที่สุด

นักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญเรื่องอัฟกานิสถาน คาร์เตอร์ มัลคาเซียน กล่าวว่าถ้าหากสหรัฐฯ ถอนทัพออกจากอัฟกานิสถานก็จะทำให้รัฐบาลอัฟกันที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนมาตลอด 19 ปี จบสิ้นลงได้ การปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายเพื่อคงไว้ซึ่งรัฐบาลอัฟกันนั้นกลายเป็นการประวิงเวลาพ่ายแพ้ออกไปเท่านั้นโดยที่ไม่มีท่าทีว่าสงครามจะจบสิ้น และเมื่อสหรัฐฯ เล็งเห็นว่าพวกเขาจะสูญเสียอำนาจนำทางจริยธรรมถ้าหากยังมีกองทัพในอัฟกานิสถานต่อไปทำให้เป็นได้สูงมากที่พวกเขาจะถอนกำลัง


เรียบเรียงจาก

The CIA Is Running Death Squads in Afghanistan, The Nation, 21-12-2020
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net