Skip to main content
sharethis

รายงานส่งท้ายปีของบลูมเบิร์กระบุว่า ยามที่ผู้คนเดือดร้อนในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา แต่กลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุด 500 คนในโลกยังคงสั่งสมความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมในระดับหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีบางคนสั่งสมความมั่งคั่งเพิ่มมากเป็นประวัติการณ์ ถึงแม้ว่าผู้คนอีกหลายล้านคนจะประสบปัญหาเศรษฐกิจจาก COVID-19

3 อันดับมหาเศรษฐีใน Bloomberg Billionaires Index (จากซ้ายไปขวา) Jeff Bezos แห่ง Amazon.com , Elon R Musk ผู้ก่อตั้ง Tesla และ SpaceX และ Bill Gates แห่ง Microsoft (ที่มา: แฟ้มภาพ/Wikipedia)

4 ม.ค. 2564 จากรายงานดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์กประจำปี 2563 (Bloomberg Billionaires Index) ระบุว่า ในปีที่แล้วมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยสูงสุด 500 คนในโลกมียังคงมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากเป็นประวัติการณ์ ถึงแม้ว่าผู้คนทั่วไปจะประสบปัญหาเศรษฐกิจเนื่องด้วยผลกระทบจากโรคระบาดในปีที่แล้ว โดยที่คนรวยที่สุด 500 คนในโลกมีความมั่งคั่งสุทธิเพิ่มมากขึ้นอีก 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 53.7 ล้านล้านบาท) ทำให้ตอนนี้พวกเขามีความมั่งคั่งสุทธิรวมกัน 7.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 227 ล้านล้านบาท) แล้ว นับว่าความมั่งคั่งของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 31

ในรายงานของบลูมเบิร์ก ยังมีนักธุรกิจชาวไทยติด 500 อันดับจำนวน 3 คน ได้แก่ อันดับที่ 129 เจริญ สิริวัฒนภักดี จากไทยเบฟเวอเรจ และทีซีซี มีความมั่งคั่ง 15.7 พันล้านดอลลาร์ มูลค่าลดลงจากปีก่อน 3.89 พันล้านดอลลาร์ อันดับที่ 253 สารัชถ์ รัตนาวะดี จากกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ มีความมั่งคั่ง 9.26 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 515 ล้านดอลลาร์ และอันดับที่ 474 ธนินท์ เจียรวนนท์ จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความมั่งคั่ง 5.51 พันล้านดอลลาร์ฯ ลดลง 286 ล้านดอลลาร์

สื่อคอมมอนดรีมส์ระบุว่า "การกักตุนความมั่งคั่งไว้กับตัวเอง" เช่นนี้เกิดขึ้นในช่วงที่โลกต้องเผชิญกับโรคระบาด COVID-19 ที่ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งในสหรัฐฯ มีการเตือนถึงเรื่องนี้ไว้ในเดือน ธ.ค. 2563 ว่าปัญหาเศรษฐกิจของพวกเขาจะถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 207 ล้านคนอยู่ในภาวะยากจนสุดขีดได้ภายในช่วง 10 ปีถัดจากนี้ ทำให้ในปี 2573 อาจจะมีคนที่ยากจนสุดขีดอยู่ถึง 1,000 ล้านคน

แม้กระทั่งประเทศที่รวยที่สุดอย่างสหรัฐฯ มีช่องว่างความมั่งคั่งห่างชั้นมากขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างคนจนกับคนรวยในปี 2563 แดน ไพรซ ผู้ประกอบการและนักกิจกรรมเพื่อค่าแรงที่เป็นธรรมระบุว่า คนรวยที่สุดในโลก 500 คน สั่งสมความมั่งคั่งในปี 2563 ไว้มากเท่าจำนวนความมั่งคั่งของคนจนชาวอเมริกันรวมกัน 165 ล้านคน

9 ใน 10 ของคนที่รวยที่สุดในโลกอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และมีความมั่งคั่งมากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 45 ล้านล้านบาท) ในขณะที่ประชาชนชาวอเมริกันมากกว่าครึ่งหนึ่งสูญเสียรายได้เนื่องจากวิกฤต COVID-19 มีชาวอเมริกันเกือบ 26 ล้านคนบอกว่าพวกเขามีอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอในเดือน พ.ย. 2563 นอกจากนี้ยังมี 12 ล้านคนที่เป็นหนี้ค่าเช่าทีพักมากถึงเกือบ 6,000 ดอลลาร์ (ราว 180,000 บาท) หลังจากช่วงปีใหม่นี้

แต่คนรวยล้นฟ้าก็กลับหาความมั่งคั่งเพิ่มให้ตัวเองในช่วงที่ผู้คนยากลำบากเช่นนี้ ซีอีโอของเทสลา อีลอน มัสก์ ได้รับความมั่งคั่งเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จนกลายเป้นคนรวยอันดับที่ 2 ของโลก มีความมั่งคั่งเพิ่มถึง 142,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.24 ล้านล้านบาท) เป็น 170,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5 ล้านล้านบาท) ขณะที่ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์แอมะซอน เจฟฟ์ เบซอส ยังคงเป็นคนรวยอันดับที่หนึ่งของโลกด้วยมูลค่าความมั่งคั่ง 190,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.6 ล้านล้านบาท) มีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่ผู้คนถูกบีบให้ต้องล็อกดาวน์และเป็นห่วงเรื่องโรคระบาดทำให้พวกเขาพึ่งพาช่องทางซื้อขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ที่มีพรรครีพับลิกันเป็นเสียงข้างมากในสภาทำการโหวตคัดค้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ครอบครัวอเมริกันด้วยโครงการเช็ค 2,000 ดอลลาร์ ผู้นำ ส.ว. เสียงข้างมากพรรครีพับลิกันกล่าวหาว่าโครงการเช็คนี้เป็น "สังคมนิยมเพื่อคนรวย" ทั้งๆ ที่โครงการนี้มีการวางแผนสิ้นสุดโครงการและมอบให้กับคนรายได้ไม่มาก ไม่ได้ให้กลุ่มคนมั่งคั่งแต่อย่างใด

ชัค คอลลินส์ ผู้อำนวยการโครงการด้านปัญหาความเหลื่อมล้ำและผลประโยชน์ส่วนรวมจากสถาบันเพื่อการศึกษานโยบายกล่าวว่า การที่มหาเศรษฐีมีความมั่งคั่งทะยานสูงขึ้นมากไปสะกิดแผลความเจ็บปวดของกลุ่มคนที่สูญเสียคนที่รักและคนที่เผชิญกับสภาวะถดถอยทั้งรายได้ สุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ นอกจากนี้ยังถือเป็นการทำลายความรู้สึกที่ "พวกเราเผชิญเรื่องนี้ไปด้วยกัน" ซึ่งเป็นความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ควรจะมีเพื่อฝ่าผันความยากลำบากในอีกหลายเดือนข้างหน้านี้

เรียบเรียงจาก : 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net