ที่มาภาพประกอบ: sugus. (CC BY-NC-ND 2.0)

10 ม.ค. 2564 กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น เปิดเผยว่าในรอบปี 2563 ที่ผ่านมา คนทำงานในญี่ปุ่นต้องตกงานกว่า 80,000 คน อันเป็นผลจากการระบาดใหญ่ของโรค COVID-19

ตั้งแต่สิ้นเดือน ม.ค. 2563 ถึงวันที่ 6 ม.ค. 2564 คนทำงานในญี่ปุ่นต้องตกงานกว่า 80,100 คน กลายเป็นผู้ตกงานหรือกำลังจะตกงาน อย่างไรก็ตามคาดว่าจำนวนที่แท้จริงอาจจะสูงกว่านี้ เนื่องจากข้อมูลของทางกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการนั้นครอบคลุมแค่กรณีที่มีการแจ้งต่อหน่วยงานเท่านั้น

นับจนถึงวันที่ 25 ธ.ค. 2563 ในอุตสาหกรรมการผลิตมีคนตกงานเกือบ 17,000 คน อุตสาหกรรมร้านอาหาร 11,000 คน ธุรกิจค้าปลีก 10,000 คน และในอุตสาหกรรมโรงแรม มีคนตกงาน 9,600 คน

สหภาพแรงงานต่าง ๆ เตือนว่าอาจมีผู้ตกงานมากขึ้นเนื่องจากการประกาศภาวะฉุกเฉินในวันที่ 7 ม.ค. 2564 ซึ่งภาวะฉุกเฉินนี้จะครอบคลุมกรุงโตเกียว จังหวัดคานางาวะ จังหวัดไซตามะ และจังหวัดชิบะ (มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.-7 ก.พ.)

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการเรียกร้องให้ บริษัทต่าง ๆ ยื่นขอเงินอุดหนุนฉุกเฉินจากรัฐบาล เพื่อลดการเลิกจ้างพนักงานลง

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลด้านอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่าการระบาดของโรค COVID-19 กำลังทำให้รายได้ของคนทำงานในญี่ปุ่นลดลงด้วย โดยค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือนได้ลดลงร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้บางบริษัทได้ลดโบนัสลงอย่างมาก

อนึ่งเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2564 นายซูงะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเรียกร้องให้สาธารณชนช่วยกันควบคุมไม่ให้กรณีติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มจำนวนขึ้น โดยการเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังประกาศภาวะฉุกเฉินเริ่มมีผลบังคับใช้ในกรุงโตเกียวและ 3 จังหวัดข้างเคียง

นายซูงะได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 8 ม.ค. ว่า "พวกเรามองว่าสถานการณ์ในปัจจุบันมีความหนักหน่วงเป็นอย่างยิ่งและขอให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่อเอาชนะวิกฤตนี้ให้ได้"

บรรดาผู้ว่าการของกรุงโตเกียวและจังหวัดข้างเคียงได้ขอให้ร้านอาหารและบาร์ปิดทำการภายในเวลา 20.00 น. และขอให้ผู้อยู่อาศัยหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกที่ไม่สำคัญจำเป็นหลังเวลาดังกล่าว

ด้านรัฐมนตรีที่รับผิดชอบการรับมือ COVID-19 ก็ได้ขอให้บริษัทต่าง ๆ อนุญาตให้ทำงานจากทางไกลมากขึ้น และลดจำนวนของพนักงานที่จะอยู่ในสำนักงานลงร้อยละ 70

ที่มาเรียบเรียงจาก
Over 80,000 jobs lost in Japan due to pandemic (NHK WORLD-JAPAN, 7/1/2021)