Skip to main content
sharethis

ลูกจ้างชั่วคราวอ.วังสะพุงยิงปืนขู่กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด หลังจากตอนเช้าเพิ่งแจ้งตำรวจวังสะพุงขอให้มีมาตรการคุ้มครองชาวบ้าน หลังพบมีชายฉกรรจ์เข้ามาในพื้นที่เหมืองทอง และมีการขนย้ายแร่และสินทรัพย์และยื่นหนังสือให้อธิบดีกพร.ชี้แจงกรณีเอกชนเข้าไปคนย้ายสินแร่ว่าทำถูกกฎหมายหรือไม่

12 ม.ค.2564 เวลา 9.00 น. ที่สภ.วังสะพุง จังหวัดเลย กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จังหวัดเลย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านทางผู้กำกับ สภ.วังสะพุง เพื่อขอให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ จากการใช้ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น และลงบันทึกประจำวันกรณีที่อาจจะมีการขนแร่และสินทรัพย์เถื่อนออกจากเหมืองทองคำโดยกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ทราบฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้ายื่นหนังสือมีชายแต่งตัวมิดชิดทำการถ่ายรูปชาวบ้านที่เข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้แบบประชิดเรียงคน ทำให้นักศึกษาที่มาช่วยดูแลความปลอดภัยและสนับสนุนชาวบ้านเข้าล้อมรอบชายคนดังกล่าวให้แสดงชื่อและบัตรประจำตัวประชาชน หน่วยงานที่สังกัด พร้อมให้แจ้งวัตถุประสงค์ของการถ่ายรูปชาวบ้านในครั้งนี้ซึ่งในภายหลังชายคนดังกล่าวได้แจ้งว่าเป็นตำรวจ

รจนา กองแสน กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ กล่าวถึงการเข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้ว่าช่วงปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ได้มีชายฉกรรจ์ ที่มีลักษณะคล้ายทหารรับจ้าง เข้ามาวนเวียนในพื้นที่ 6 หมู่บ้าน ซึ่งสร้างความหวาดกลัว และความไม่ปลอดภัย ทั้งในร่างกายและทรัพย์สิน เพราะเราไม่ทราบว่า เป็นผู้ใดมาวนเวียนในหมู่บ้าน นอกจากนี้แล้ว ในวันที่ 2-5 ม.ค.2564 ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลที่เป็นชายฉกรรจ์ ที่อ้างตัวว่าเป็นคนของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้เข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจอำเภอวังสะพุง และยังปรากฏชายฉกรรจ์ที่มีลักษณะคล้ายทหารรับจ้าง วนเข้าออกหมู่บ้านและจอดเฝ้ายามในพื้นที่หมู่บ้าน ทั้งๆ ที่ตามกฎหมาย มีเพียงเจ้าหน้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านจังหวัดเลย และผู้ประมูลสินแร่ได้ เท่านั้นที่สามารถเข้าได้

นอกจากนี้วันที่ 4 ม.ค.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจอำเภอวังสะพุง ยังได้นำตู้แดงมาติดตั้งบริเวณทางเข้าเหมืองพิพาท ซึ่งนักปกป้องสิทธิฯ ไม่ได้ทราบจุดประสงค์ในการติดตั้ง และเมื่อนักปกป้องสิทธิฯได้เปิดตู้แดงก็เห็นว่าไม่มีสมุดบันทึกการตรวจเยี่ยม มีเพียงตู้แดงที่ติดตั้งไว้เท่านั้น และหลังจากวันที่ 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้เดินทางมาตรวจตราใดๆ อีก ทำให้เราเกิดความกังวลในเรื่องความปลอดภัยจากความไม่ชัดเจนดังกล่าว

รจนาระบุว่าชาวบ้านเคยถูกคุกคามมาโดยตลอดโดยครั้งที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในคืนวันที่ 15 พ.ค.2557 มีชายฉกรรจ์หลายร้อยคน เข้ามาทำร้ายคนถึงในบริเวณชุมชน ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายสิบราย ทางกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดจึงเกิดความห่วงกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงซ้ำขึ้นอีก เราจึงมีข้อเรียกร้องถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดังนี้

1. ขอให้ผบ.ตร. ได้สั่งการมาที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย และสภ. วังสะพุง เพื่อเร่งรัดหามาตรการสร้างความปลอดภัยและมีประสิทธิผลเพื่อดูแลความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด หกหมู่บ้าน จังหวัดเลยและองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆที่สนับสนุนการทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มั่นใจว่า

2. ขอให้ผบ.ตร. ได้สืบสวนและหาข้อเท็จจริงถึงการเข้ามาของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่ามาจากบริษัททุ่งคำ จำกัด ที่มีพฤติการณ์ข่มขู่สมาชิกในชุมชน

3. ขอให้ผบ.ตร. ได้สอบข้อเท็จจริงของพฤติกรรมตำรวจ สภ.วังสะพุง ที่ได้เดินทางเข้ามาพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว และมาติดตู้แดงบริเวณหน้าเหมืองพิพาทเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564 ว่าเข้ามาด้วยจุดประสงค์ใด และใครสั่ง

พ.ต.ท.วัชระพงษ์ จักรโนวัน รองผู้กำกับการ สภ.วังสะพุง กล่าวว่า ตำรวจจะดำเนินการตามที่กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้ยื่นหนังสือมาทั้ง 3 ข้อ และจะดำเนินการในเรื่องความปลอดภัยให้เร็วที่สุดและให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย และจะเพิ่มความถี่ในการตระเวณตรวจให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย

พ.ต.ท.วัชระพงษ์ กล่าวถึงส่วนของการขนย้ายแร่เถื่อนที่ชาวบ้านมาลงบันทึกประจำวันนั้น ตำรวจก็ยังไม่ทราบเรื่อง หลังจากวันนี้ก็จะจัดเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบตามการร้องเรียกร้องของชาวบ้าน

ขออธิบดี กพร.แจงข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอน ขนย้ายแร่ หลังพบเหตุไม่ปกติ

ต่อมา มล คุณนา ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ เป็นตัวแทนยื่นหนังสือถึง ณรงค์ จีนอ่ำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย สายพิรุณ วัฒนวงศสันติ ผู้อำนวยการสำนักงาน บังคับคดีจังหวัดเลย มานิต นวลพับ หัวหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเลย ที่เดินทางมาขอพบกับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดที่หน้า สภ.วังสะพุง เพื่อให้ชี้แจงเกี่ยวกับขั้นตอนการขนย้ายแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดไขนภาสตีล ที่ประมูลสินแร่จำนวน 190 ถุงและตรวจสอบว่าการดำเนินการของบริษัทเป็นไปโดยถูกกฎหมายหรือไม่โดยบริษัทต้องแสดงหลักฐานว่าทำโดยถูกต้อง

มลกล่าวว่าการขอให้ชี้แจงครั้งนี้เนื่องจากกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดที่ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการเจ้าหนี้ ให้ทำหน้าที่เฝ้าเวรยาม ดูแลเหมืองทองคำ แต่กลับพบว่าเมื่อวันที่ 2 และ 4 ม.ค.2564 มีชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่ามาจากบริษัททุ่งคำ จำกัด รวมทั้งตำรวจและทหารกว่าสิบนายเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน และไปหาชาวบ้านเป็นเวรยามอยู่ทางเข้าเหมืองทองคำ ด้วยท่าทีข่มขู่คุกคาม

ชาวบ้านยังตั้งข้อสังเกตว่าการจัดการขนย้ายสินแร่ทั้ง 190 ถุงดังกล่าว ไม่มีทั้งขั้นตอน วันเวลาที่ชัดเจนใด อีกทั้งยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสินทรัพย์อื่นในพื้นที่ โดยเข้าไปเคลื่อนย้ายและปรับแต่งกองสินแร่ที่อยู่บริเวณหน้าโรงงานแต่งแร่ที่ไม่ถูกตีตรายึดทรัพย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

นอกจากนั้นหากตรวจสอบแล้วพบว่าเกิดการกระทำความผิด ขอให้เอาผิดเจ้าหน้าที่บังคับคดีกองล้มละลายหากไม่ได้ดำเนินการตีตราทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด จนนำมาสู่การทุจริตหรือเอื้อผลประโยชน์ให้เกิดการทุจริต ในการประมูลขายสินทรัพย์ทั้งในและนอกรายการ และดำเนินการคุ้มครองความปลอดภัยของชาวบ้านด้วย

ณรงค์ จีนอ่ำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวเหตุการณ์ที่เกิดกับชาวบ้าน ทางผู้ว่าฯ ก็ไม่สบายใจ จึงให้นายอำเภอและผู้กำกับสภ.วังสะพุง มีมาตรการรักษาความปลอดภายให้เข้มข้นกว่าเดิม และจะกำชับให้ตำรวจมาตรวจตราตามที่ได้มีการติดตั้งตู้แดงไว้

ณรงค์กล่าวถึงประเด็นการขายสินแร่ต่างๆ ที่มีส่วนที่ไม่ถูกต้องหรือมีการเคลื่อนย้ายออกไป และจะให้กรมบังคับคดีที่เป็นเจ้าของเรื่อง ให้ไปทำบัญชีทรัพย์สินต่างๆ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจกับพี่น้องประชาชน ว่ามีสินแร่เหลือกี่ถุง ประมูลไปแล้วเท่าไหร่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ทางราชการเห็นว่าไม่มีเรื่องราวที่ต้องปิดบังใดๆ ทั้งสิ้น และตนจะรับไว้ว่าจำต้องมีการดำเนินการต่อเพื่อดูว่าทรัพย์สินใดบ้างที่จะขายทอดตลาดโดยกรมบังคับคดี

ส่วนการเร่งรัดการขายสินทรัพย์ ณรงค์กล่าวว่าตนทราบจากกรมบังคับคดีว่า ทางกรมฯ ได้ขายสินแร่แล้วแต่ยังไม่ได้ขนออกไป จึงยังเป็นปัญหาคาราคาซังอยู่ วันนี้ผมบอกว่าต้องดำเนินการให้เร็ว คนที่ขายเอาเงินมาให้ราชการแล้วต้องดำเนินการให้เร็ว หากสินแร่ยังอยู่ที่เดิม ความไม่ปลอดภัยก็จะยังคงอยู่ ทราบว่าเมื่อซักครู่ ผู้ที่ประมูลได้ จะขอให้ออกใบอนุญาตขนย้ายแร่ภายในวันนี้ ทางอุตสาหกรรมต้องทำให้เร็ว และการขนย้ายต้องทำให้ประชาชนได้มีส่วนรับรู้ด้วย ย้ำว่าจะทำให้ดีที่สุดและทำให้ประชาชนรับรู้ด้วยกัน

ณรงค์ยืนยันถึงกรณีที่มีบุคคลแอบอ้างว่าได้เข้ามาเคลียร์กับผู้ว่าแล้วจึงเข้าไปในพื้นที่ได้ว่า ไม่เป็นความจริงเด็ดขาด หากพบเจอให้แจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และหากมีการอ้างถึงผู้ว่าฯ ที่ให้เกิดความเสียหาย ผู้ว่าฯ ก็อาจจะดำเนินคดีด้วย และยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแน่นอน

ลูกจ้างชั่วคราวอ.วังสะพุง ใช้ปืนยิงขู่ชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการยื่นหนังสือ ในช่วงบ่ายของวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วังสะพุงได้เข้าไปทำการติดตั้งดูแดงใหม่ให้กับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดที่บริเวณปากทางเจ้าเหมืองทองคำ พร้อมทั้งได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าพื้นที่เพิ่มเติม

ทั้งนี้ช่วงเวลาประมาณ 17.15 น. มีชายที่ทราบชื่อภายหลังคือ ธนกฤต อันทะระ ลูกจ้างชั่วคราวฝ่ายความมั่นคงของ อ.วังสะพุง ขับรถโตโยต้าทะเบียน กค 6667 เข้าไปในบริเวณทางเข้าเหมืองที่กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด และนักศึกษาเฝ้าเวรยามอยู่ โดยธนกฤตสวมเสื้อแจ็กเก็ตที่ระบุสังกัดว่า “กรมการปกครอง” และพกพาอาวุธปืนมาด้วย โดยเข้าไปพูดท้าทายชาวบ้านและนักศึกษาก่อนด้วยลักษณะกำลังมึนเมาอยู่ เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จึงกันตัวธนกฤตกลับไปขึ้นรถก่อนขับออกไป

ธนกฤต อันทะระ(กลาง) ผู้ก่อเหตุ

จากภาพเหตุการณ์ในคลิปวิดีโอ กลุ่มชาวบ้านและนักศึกษาได้นำไม้มากั้นทางเพื่อไม่ให้ธนกฤตออกไปเพื่อรอให้ตำรวจเข้ามาดำเนินการกับธนกฤตแต่ทาง ชรบ.ที่อยู่ในพื้นที่ได้นำไม้กั้นออกเพื่อให้รถของธนกฤตออกไปได้แต่เมื่อขับผ่านไปแล้ว ธนกฤตได้ใช้ปืนยิง 1 ครั้งก่อนออกจากพื้นที่ไป

ภาพขณะ ชรบ. นำไม้ที่กั้นถนนออกเพื่อให้รถของธนกฤตผ่าน

ธนกฤตขณะขับรถผ่านกลุ่มชาวบ้านและนักศึกษา

หลังเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวที่อยู่ในพื้นที่รายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุตำรวจจากวังสะพุงได้เข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐาน

ประยูร อรัญรุท นายอำเภอวังสะพุง ให้สัมภาษณ์ว่าผู้ก่อเหตุเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่มาทำงานให้กับอำเภอในช่วงโควิด-19 ซึ่งจะมีการประเมินการทำงานเดือนต่อเดือนแต่เมื่อเหตุแบบนี้ขึ้นแล้วก็ต้องให้ออกจากงาน แต่ส่วนการดำเนินคดีก็ต้องเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุไม่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้มาปฏิบัติหน้าที่ในการมาดูแลรักษาความปลอดภัยกลุ่มชาวบ้านครั้งนี้ แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วก็ต้องเพิ่มการดูแลความปลอดภัยมากขึ้น

ทั้งนี้ 1 ในกำนันที่เป็นหัวหน้าชุด ชรบ.และอยู่ในที่เกิดเหตุอธิบายว่าที่ต้องเอาไม้กั้นทางออกเพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเนื่องจากธนกฤตก็มีอาวุธปืนและมีลักษณะมึนเมาชัดเจนได้กลิ่นแอลกอฮอล์ในขณะที่พยายามนำตัวธนกฤตออกไปจากพื้นที่ และตนก็ไม่ทราบว่าทำไมธนกฤตถึงมาที่นี่ และพวกตนยืนยันว่าจะดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่

20.12 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนกฤตเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.วังสะพุงเอง โดยทางเจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่ที่ สภ.วังสะพุง ทั้งนี้ทางกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดจะขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย และผู้ต้องหามีปืน 2 กระบอก โดยทางตำรวจกำลังตรวจสอบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net