Skip to main content
sharethis

นักกิจกรรม-เยาวชน เข้ารายงานตัวที่ สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบเข้ากล่าวหา มาตรา 112 จากกิจกรรม #ใครๆก็ใส่คร็อปท็อป ที่ศูนย์การค้าพารากอน เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 เพื่อรณรงค์ให้มีการยกเลิก ม.112 ขณะที่นักกิจกรรมยันไม่เสียกำลังใจ อยากให้มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ 

นักกิจกรรมตบเท้าเข้ารายงานตัวตามหมายเรียก ม.112 ที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 20 ม.ค.64

20 ม.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (20 ม.ค.64) เวลา 11.30 น. ที่หน้า สน.ปทุมวัน นักกิจกรรม ประกอบด้วย ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง พริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน เบนจา อะปัญ และ ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง พร้อมด้วย เยาวชนอีก 2  ราย รวมทั้งสิ้น 6 คน เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา มาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามหมายเรียกจาก สน.ปทุมวัน จากการกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ #ใครๆก็ใส่คร็อปท็อป เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 ที่ศูนย์การค้าพารากอน เพื่อรณรงค์ให้มีการยกเลิก ม.112

ทั้งนี้ ระหว่างรอนักกิจกรรมเดินทางมา มีมวลชนบางส่วนเดินทางมาให้กำลังใจผู้ถูกออกหมายจับกันตั้งแต่ช่วงเช้า โดยการชูป้ายข้อความ “ยาไม่จับ บ่อนไม่จับ จับแต่นักเรียนนักศึกษา” และมีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านมาตรา 112

กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์คัดค้าน ม.112 หน้า สน.ปทุมวัน

ขณะที่เพนกวิน ไมค์ และรุ้ง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ระบุว่า เบื้องต้นโดนแค่คดีเดียว คือ มาตรา 112 พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าการใส่ชุดครอปท็อปผิดกฎหมายหมิ่นประมาทสถาบันกษัตริย์ได้อย่างไร 

เพนกวิน กล่าวเพิ่มว่า "ก็ต้องรอดูอีกทีว่าเจ้าหน้าที่จะเขียนสำนวนว่าอย่างไรบ้าง ถ้าเขียนสำนวนว่า การล้อเลียนจึงเข้าข่ายหมิ่นประมาท ก็จะเข้าลักษณะเดียวกันกับของน้องสายน้ำ งั้นแสดงว่าการใส่ครอปท็อปเป็นการล้อเลียน นั่นแสดงว่า คุณใส่จริง ๆ ใช่ไหม ภาพนั้นเป็นภาพจริงรึเปล่า"

ทางผู้สื่อข่าว Voice TV ถามถึงกรณีที่ครั้งนี้มีเยาวชนสองคนถูกหมายเรียกดำเนินคดีมาตรา 112 ด้วย ซึ่งไมค์กล่าวว่า ทราบจากทนายว่าจะมีการนำน้องเยาวชนทั้งสองคนไปฝากขัง ซึ่งในข้อเท็จจริง การฝากขังต้องมาจากถูกจับโดยหมายจับ ดังนั้น จึงขอฝากทุกคนติดตามว่าเยาวชนทั้งสองจะถูกนำตัวไปฝากขังหรือไม่ เพราะเยาวชนไม่ได้ถูกจับ แค่มารับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการทางกฎหมายเท่านั้น พร้อมกับทิ้งท้ายว่า อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคำนึงถึงสิทธิของเยาวชนอย่างสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์

กรณีการตัดสินโทษคดี 112 ของอัญชัญ  เมื่อวาน (19 ม.ค.64) สร้างความกังวลใจแก่นักกิจกรรมที่กำลังถูกดำเนินคดีหรือไม่นั้น ทางรุ้ง ตัวแทนตอบคำถามระบุว่าเห็นใจอัญชัญ และครอบครัว ส่วนตัวของรุ้ง เพนกวิน และไมค์ไม่กังวล เพราะโดนคดี ม.112 หลายครั้งแล้ว ไม่เสียกำลังใจ และมองว่าเป็นแรงผลักดันในการต่อสู้ 

"ถามว่ากลัวไหม เราผ่านเส้นความกลัวมาแล้ว มันต้องไปต่อ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาของความกลัว มันเป็นเวลาของการต่อสู้ เพื่อดันข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ หนึ่งในนั้นคือการยกเลิกมาตรา 112 ที่เป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ลิดรอนเสรีภาพการแสดงออกทางการเมืองทั้ง ๆ ที่ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิด ส่วนเรื่องการตัดสินเมื่อวานเป็นข่าวที่น่าเศร้าสำหรับคุณลุง-ป้าทั้งสองคน แต่นั่นยิ่งทำให้เราอยากจะสู้เพื่อให้มันสำเร็จมากขึ้น"


ทั้งนี้ เพนกวิน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak' ว่า คดีนี้เกิดจากกิจกรรมที่พวกตนไปเดินใส่ครอปท็อปที่สยามพารากอน ปรากฏว่าตำรวจกล่าวหาตนว่ากำลังแสดงเลียนแบบเป็นกษัตริย์วชิราลงกรณ์ ถ้าเช่นนี้แสดงว่าตำรวจกูใช่ไหมว่ารูปนั้นคือรูปจริง

เพนกวิน ระบุอีกว่า ตนจึงได้ให้การกับตำรวจเพื่อให้ตำรวจเรียกพยานมาให้ปากคำเพิ่มดังต่อไปนี้ 1. เรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาถามว่า ร.10 ได้เคยบอกให้ไม่ใช้ 112 จริงหรือไม่ และได้บอกเป็นอย่างอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ 2. เรียก พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง มาถามว่า ร.10 ได้พูดกับประยุทธ์จริงอย่างนั้นจริงหรือไม่ และที่สำคัญ สรุปว่ารูปถ่ายใส่ครอปท็อปนี่เป็นรูป ร.10 จริงหรือไม่ ถ้าจริงถ่ายกับใคร ถ่ายที่ไหน และตอนนั้น ร.10 อยู่ที่ไหน?

สำหรับอัญชัญ คดีแชร์คลิป 'บรรพต' จำนวน 29 คลิป วานนี้ (19 ม.ค.64) ศาลอาญาพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ลงโทษทั้ง 29 กรรม กรรมละ 3 ปี รวม 87 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ มีเหตุให้ลดโทษเหลือกรรมละ 1 ปี 6 เดือน รวม 29 ปี 174 เดือน หรือประมาณ 43 ปี 6 เดือน ถือว่าโทษสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

อั๋วเข้ารายงานตัวจากกรณีสาดสีหน้า สตช. เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

นอกจากนักกิจกรรม-เยาวชนที่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่าวันนี้ (20 ม.ค.64) เวลา 10.20 น. จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรืออั๋ว ประธานสหภาพนักเรียน นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) เป็นอีกหนึ่งนักกิจกรรมที่เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากเหตุการณ์ชุมนุมสาดสีหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2563 เธอถูกแจ้งความในคดีกระทำผิด พ.ร.บ.ความสะอาด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และโทษฐานประทุษร้ายต่อชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเหตุให้ชุดปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เสียหายทั้งหมด 3 ชุด มูลค่ารวมประมาณ 7,500 บาท

จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรืออั๋ว เข้ารายงานตัวที่ สน.ปทุมวัน

อั๋วเปิดเผยความรู้สึกหลังเข้าให้การเพื่อรับทราบข้อกล่าวหากับตำรวจว่า “ส่วนตัวรู้สึกชิน ไม่ได้เหนือความคาดหมายเพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็โดนคดีอยู่แล้ว ในรัฐที่มีลักษณะเป็นเผด็จการกฎหมายถูกใช้เป็นเครื่องในการเอาผิดผู้ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย หรือผู้ที่อยากจะสร้างบรรทัดฐานที่ดีงามให้กับสังคม”

“ข้อหาประทุษร้ายต่อชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสะท้อนให้เห็นปัญหาของข้าราชการที่รัฐไม่มีสวัสดิการรองรับแก่ผู้ปฏิบัติงาน เน้นไปที่การบังคับใช้คำสั่งต่อผู้ปฏิบัติงานมากกว่า ซึ่งเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึก ส่วนตัวมองว่า การที่แจ้งข้อกล่าวหานี้ไม่สมเหตุสมผลเท่าไร เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบควรจะมีสวัสดิการให้ผู้ปฏิบัติงานหากเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้นมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการปัดหน้าที่ความรับผิดชอบให้ปัจเจก ทำให้ผู้ปฏิบัติงานที่อยู่ระดับล่างต้องมาบีบคั้นประชาชน ซึ่งถือเป็นการกดขี่อย่างเป็นลำดับชั้น”

เหตุการณ์ชุมนุมสาดสีหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2563 มีนักกิจกรรมถูกตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น 4 ราย ได้แก่ พริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน อรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ขอนแก่น นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง (ไม่ทราบชื่อ) และจุฑาทิพย์ หรืออั๋ว โดย 3 คนแรกได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวแล้วก่อนหน้านี้

 

หมายเหตุ : เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 20 ม.ค. 2564 ประชาไทได้ดำเนินการปรับแก้พาดหัวข่าวมาเป็นพาดหัวที่ใช้อยู่ปัจจุบัน 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net