สภาทนายความฯ ตั้งคณะกรรมการสอบมรรยาททนายอานนท์หลังถูกยื่นขอให้ถอดชื่อจากทะเบียนทนายจากเหตุทนายอานนท์ปราศรัยประเด็นสถาบันกษัตริย์ในม็อบแฮรี่ พอตเตอร์ สมาคมนักกฎหมายสิทธิฯ ชี้ ประเด็นที่ทนายอานนท์ถูกกล่าวหาไม่มีอยู่ในข้อบังคับสภาทนายความ

26 ม.ค.2564 อานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน โพสต์ว่าได้รับบันทึกการตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีมรรยาททนายความจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีผู้กล่าวหาคือ อภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง

อภิวัฒน์เคยเข้ายื่นหนังสือถึงสภาทนายความฯ เมื่อ 7 ส.ค.2563 เพื่อขอให้ตรวจสอบและลบชื่ออานนท์ออกจากทะเบียนทนายความ เนื่องจากการปราศรัยเมื่อ 3 ส.ค.2563 โดยเขากล่าวหาว่าการปราศรัยครั้งนั้นเป็นการล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์ และบิดเบือนความจริง หมิ่นประมาทเสียดสี ก่อนให้เกิดความเสียหายและชิงชังต่อสถาบันกษัตริย์เพื่อให้เกิดความแตกแยก

วันนี้เมื่อ 18.12 น. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน(สนส.) ออกความเห็นต่อการตั้งคณะกรรมการของสภาทนายความครั้งนี้ว่าเหตุผลตามที่อภิวัฒน์อ้างเพื่อให้สภาทนายความฯ ลบชื่ออานนท์ออกจากทะเบียน ไม่ปรากฏว่าเป็นเหตุตามข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529แต่อย่างใด นอกจากนั้นคดีที่อภิวัฒน์กล่าวหาอานนท์นั้นก็ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ซึ่งเป็นคดีที่ยังไม่มีคำพิพากษาว่าอานนท์กระทำความผิดหรือไม่

ดังนั้นจึงเห็นว่าเมื่อข้อกล่าวหาของอภิวัฒน์ไม่ตรงกับข้อบังคับของสภาทนายความฯ สภาทนายความจึงควรยกคำร้องและไม่ต้องตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวน เพื่อให้สภาทนายความฯ ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของบุคคลใดเพื่อคุกคามทำลายผู้เห็นต่างทางการเมือง และคุ้มครองสิทธิของทนายความในการปฏิบัติหน้าที่

ประเด็นโต้แย้งนี้ทาง สนส.ได้เคยยื่นถึงสภาทนายความฯ ตั้งแต่ 21 ส.ค.2563 แล้วพร้อมกับรายชื่อทนายความ สำนักงานทนายความ องค์กรด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนต่างๆ รวมแล้วกว่า 266 รายชื่อ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2563 ในการปราศรัยของอานนท์ได้มีการกล่าวถึงประเด็นการใช้พระราชอำนาจล้นเกิน ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 หลังการทำประชามติในประเด็นพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเด็นการวินิจฉัยวิกฤตบ้านเมืองที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ประเด็นการออก พ.ร.บ.การจัดการระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561 ที่ทำให้สาธารณสมบัติไม่ได้เป็นของประชาชน ประเด็นการจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และประเด็นเรื่องการประทับต่างประเทศ รวมทั้งการโอนกรมทหารราบที่ 1 และกรมทหารราบที่ 11 เป็นส่วนราชการในพระองค์ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบและมีการแก้ไขปัญหาด้วย