พม่าเตรียมดำเนินคดีอองซานซูจี หลังบุกค้นบ้านและตรวจยึดวิทยุสื่อสาร ส่วนประธานาธิบดีวินมิ้นท์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายบริหารจัดการภัยธรรมชาติ ขณะที่การต่อต้านรัฐประหารขยายวง 71 วิศวกร "MyTel" ลาออกไม่รับใช้ธุรกิจกองทัพ ขณะที่แพทย์พยาบาลทั่วพม่าติดริบบิ้นแดงชูสามนิ้ว

3 ก.พ. 63 สถานการณ์ที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา หรือพม่า หลังกองทัพทำรัฐประหารเมื่อเช้ามืดวันที่ 1 ก.พ. ล่าสุด จีทอ เจ้าหน้าที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊กบัญชีของเขาว่า อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและผู้นำพรรคเอ็นแอลดี จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายนำเข้าและส่งออก ส่วนประธานาธิบดีวินมิ้นท์ จะถูกดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายบริหารจัดการภัยธรรมชาติ (Natural Disaster Management Law 2013)

ทั้งนี้ มีรายงานในเวลาต่อมาว่า ตำรวจบุกเข้าค้นบ้านพักของอองซานซูจีในกรุงเนปิดอว์ และแจ้งว่าได้พบอุปกรณ์ประเภทวิทยุสื่อสาร ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย และมีการใช้งานโดยไม่ได้ขออนุญาต

ทั้งนี้ ทหารพม่าได้บุกควบคุมตัวอองซานซูจี ประธานาธิบดีวินมินท์ และนักการเมืองระดับสูงหลายคน ตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 1 ก.พ. ก่อนที่กองทัพจะก่อรัฐประหาร ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี และแต่งตั้งมินท์ส่วย รองประธานาธิบดีคนที่ 3 ดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีรักษาการ

แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มัณฑะเลย์ประกาศไม่ร่วมมือกับกองทัพ (ที่มา: DVB)

ส่วนความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ซึ่งมีรายงานกิจกรรมต่อต้านออนไลน์มาตั้งแต่คืนวันเกิดรัฐประหาร และคืนวานนี้ (2 ก.พ.) หลายเมืองมีการนัดตีหม้อเคาะกระทะนั้น ล่าสุดวันนี้ (3 ก.พ.) ยังมีข่าวแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของโรงพยาบาลในพม่าหลายแห่งประกาศไม่ร่วมมือกับรัฐบาลทหาร โดยสถานีโทรทัศน์เสียงประชาธิปไตยพม่า (DVB) รายงานในวันนี้ด้วยว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกว่า 80 คน ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มัณฑะเลย์ ได้ประกาศขัดขืนรัฐบาลทหาร โดยติดริบบิ้นสีแดงและชูสัญลักษณ์สามนิ้ว

แถลงการณ์วิศวกร 71 รายชื่อของบริษัท MyTel ภาคสะกายประกาศลาออกไม่รับใช้ธุรกิจกองทัพ (ที่มา: Twitter/Justice Myanmar)

ขณะเดียวกัน ทวิตเตอร์บัญชี Justice Myanmar โพสต์แถลงการณ์ของวิศวกร 71 รายชื่อจากบริษัท MyTel ประจำภาคสะกาย ประกาศลาออกไม่ทำงานให้ธุรกิจที่กองทัพถือหุ้นต่อไป ทั้งนี้ MyTel เป็นบริษัทโทรคมนาคมพม่ามีกองทัพพม่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ร่วมกับ Viettel ซึ่งมีกระทรวงกลาโหมเวียดนามเป็นผู้ถือหุ้น