คนพม่า-ไทย ชุมนุมต้านรัฐประหารหน้าสถานทูตต่อเนื่อง

คนพม่า-ไทย ชุมนุมต้านรัฐประหารหน้าสถานทูตเมียนมาต่อเนื่อง เกิดเหตุกระทบกระทั่งกับ ตร.เล็กน้อย หลังยุติชุมนุมมีเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้น

ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารหน้าสถานทูตพม่า

 

8 ก.พ. 2564 สืบเนื่องจากกองทัพทหารพม่าก่อเหตุรัฐประหารยึดอํานาจรัฐบาลพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.พ.64) เวลาประมาณ 16.30 น. บริเวณสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถ.สาทรเหนือ ชาวพม่าในไทยนัดชุมนุมประท้วงการรัฐประหาร พร้อมกับชูรูปอองซานซูจี และป้ายข้อความต่อต้านการรัฐประหาร

โดยมีลำดับเหตุการณ์ตามเวลาดังนี้

ผู้สื่อข่าวเข้าพื้นที่ชุมนุมเวลา 17.25 น. บรรยากาศโดยรอบพื้นที่ทำกิจกรรม เต็มไปด้วยรั้วเหล็กล้อมฟุตบาธหน้าประตู-กำแพงสถานทูต กันไม่ให้ชาวพม่า-ไทยเข้าไปทำกิจกรรมหน้าสถานทูตได้ ทำให้ผู้ชุมนุมใช้บริเวณรอบๆ ทำกิจกรรมด้านหน้าตึก บ.เบเยอร์ และข้างประตูใหญ่ด้านขวาแทน สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ มีการพยายามสกรีนคนเข้าร่วมชุมนุม โดยกันคนไทยออกจากคนพม่า ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวประจำอยู่ทางด้านขวาของประตูใหญ่ ร่วมกับผู้ชุมนุมพม่าจำนวน 20-30 คนโดยประมาณ

ขณะชุมนุมสักพักมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเจรจากับผู้ชุมนุม ให้จัดกิจกรรมได้ถึงแค่เวลา 17.30 น. เท่านั้น โดยอ้างสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน จากนั้นตำรวจนำรั้วเหล็กมาตั้งหน้าสถานทูตไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปอยู่หน้าสถานทูต 


 

เวลา 17.17 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเจรจา อนุญาตให้ผู้ชุมนุมทำกิจกรรมได้เป็นกรณีพิเศษ โดยมีข้อแม้อย่ากีดขวางการจราจร อย่าลงจากฟุตบาธ เพราะในไทยกำลังเผชิญสถานการณ์การระบาดโควิด-19 และไม่อนุญาตให้ชุมนุม จากนั้นผู้ชุมนุมก็ตะโกนขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ

หลังจากนั้น แกนนำผู้ชุมนุมต่อรองกับเจ้าหน้าที่ ขอทำกิจกรรมถึง 17.45 น. ซึ่งตำรวจอนุญาต แต่ 17.45 น. ต้องสลายตัวทันที

เวลา 17.45 น. แกนนำพยายามเจรจากับตำรวจขอทำกิจกรรมต่ออีก 10 นาที แต่ไม่สัมฤทธิ์ผล ผู้ชุมนุมจึงทยอยกลับ พร้อมมีการตะโกนเป็นภาษาพม่าตลอดทาง 

เวลา 17.54 น. บริเวณหน้าตึก บ.เบเยอร์ ตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายพยายามเข้าหาผู้ชุมนุมหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นคนที่ปราศรัยทำกิจกรรมบริเวณรอบๆ สถานทูต เพื่อเรียกดูบัตรทำงาน และพาสสปอร์ต เบื้องต้น เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบพบว่า บัตรทำงานชั่วคราว หรือบัตรชมพู ระบุเธอมาจากจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจจึงสอบถามเพิ่มว่า เธอออกนอกจังหวัดได้อย่างไร เพราะว่าแรงงานข้ามชาติในสมุทรสาครตอนนี้มีมาตรการห้ามแรงงานชาวพม่าออกนอกพื้นที่จังหวัด ขณะที่เธอยืนยันว่า เธอย้ายออกจากพื้นที่ก่อนมีการระบาดของโควิด-19 ตำรวจจึงขอให้มีการโทรศัพท์หานายจ้างเพื่อยืนยัน ซึ่งระหว่างที่รอเธอโทรหานายจ้าง ตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สน.ยานนาวา ได้ยึดบัตรแรงงานของเธอ และไม่ยอมคืน ทำให้มีผู้ชุมนุมคนไทยที่กำลังมุงดูเจ้าหน้าที่สอบสวนไม่พอใจ พร้อมกับมีการตะโกนกดดันให้ตำรวจคืนบัตรให้ผู้ชุมนุมคนดังกล่าว 

เวลา 18.14 น. ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุยกับนายจ้างของเธอ นายจ้างของเธออ้างว่า ผู้ชุมนุมหญิงคนดังกล่าวทำงานที่สมุทรสาครจริง แต่เธอหนีงานออกมานานแล้ว ดังนั้น ตำรวจจึงไม่มั่นใจว่าเธอออกมาจังหวัดสมุทรสาครก่อนโควิด-19 ระบาด ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจึงจะพาเธอไป สน.ยานนาวา เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม 

แต่ช่วงระหว่างนั้น ความตึงเครียดพุ่งสูงขึ้นจนเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างคนไทยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้ชุมนุมคนไทยที่ดูเหตุการณ์อยู่ เกิดความไม่พอใจมากขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ยืนยันไม่ยอมคืนบัตรให้ผู้ชุมนุมหญิงชาวพม่า ทำให้ตำรวจในเครื่องแบบต้องเข้ามาระงับเหตุ จนเกิดการผลักและโต้เถียงกันกับกลุ่มผู้ชุมนุมไทย    

เวลา 18.20 น. ด้วยการกดดันอย่างหนักจากคนไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคืนบัตรให้ผู้ชุมนุมหญิงชาวพม่า และปล่อยตัวกลับบ้าน  

เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเปิดเผยว่าจะตามเช็กข้อมูลกับบริษัทและอาจมีการแจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอีกที (ตม.) หากพบว่าผู้ชุมนุมหญิงคนนั้นผิดจริง

แม้ว่าผู้ชุมนุมชาวพม่าจะกลับไปหมดแล้ว แต่คนไทยที่อยู่ต่อมีปากเสียงเล็กน้อยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนแยกย้ายออกจากพื้นที่ โดยเรียกร้องให้ตำรวจขอโทษ อ้างว่าช่วงนาทีปะทะมีคนถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกาย โดยการต่อยที่ปาก อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ไม่มีการขอโทษใดๆ ทำให้กลุ่มคนไทยไม่พอใจและเรียกร้องกดดัน จนสุดท้ายทั้งสองฝ่ายยอมแยกย้ายออกจากพื้นที่ 

เวลา 18.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะผู้สื่อข่าวเดินอยู่บริเวณบันได BTS เซนต์หลุยส์ ทางออกที่ 1 เห็นดวงไฟเล็กๆ ลอยจากบันไดทางขึ้น BTS ไปทางลานจอดรถสปา Health Land ถนนสาทรเหนือ ใกล้กับจุดที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ประจำการอยู่ และมีเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้นสองครั้ง 

เวลา 19.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ BTS นำเทปขาวแดงมากั้นทางขึ้น สถานี BTS เซนต์หลุยส์ ทางออกหมายเลข 1 เพื่อกันไม่ให้คนผ่านเข้า-ออก ทั้งนี้ บันไดดังกล่าวคาดว่าเป็นจุดที่มีคนปาวัตถุบางอย่างที่ทำให้เกิดเสียงดังคล้ายประทัดเข้ามาในลานจอดรถสปา Health Land ซึ่งใกล้กับจุดที่ คฝ. ตั้งแถวอยู่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท