Skip to main content
sharethis

'นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน' ห่มผ้าแดงพร้อมข้อความถึงผู้มีอำนาจรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นเคลื่อนขบวนไปศาลหลักเมือง หลังแกนนำยุติชุมนุม นัดใหม่ 20 ก.พ. นี้ ขณะที่มีผู้ชุมนุมบางส่วนไม่ยุติ เสียงพลุดังหลายนัด ตร.เข้าสลายและจับกุมผู้ชุมนุมบางส่วน ด้าน โฆษก สตช. ย้ำ ตร.ใช้ความอดทนอดกลั้นแล้ว ระบุมีฮาร์ดคอร์และการ์ดบางส่วนไม่ยุติการชุมนุมตามแกนนำ

แกนนำยุติชุมนุม นัดใหม่ 20 ก.พ. - ผู้ชุมนุมบางส่วนไม่ยุติ เสียงพลุดังหลายนัด ตร.เข้าสลายและจับกุม

13 ก.พ.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรเริ่มลงสู่ถนนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในกิจกรรม 'นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน' หลังจากทยอยมารวมตัวตั้งแต่ราว 14.00 น. จากนั้นเวลา 18.19 น. ผู้ชุมนุมนำผ้าแดงบรรจุข้อความผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการส่งถึงผู้มีอำนาจห่มอนุสาวรีย์ฯ

จากนั้น เวลา 18.40 น. ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าศาลหลักเมือง เมื่อถึงหน้าศาลฎีกาใกล้ศาลหลักเมือง ซึ่งถูกตำรวจวางแนวขวางไว้ เวลา 19.48 น ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ ปราศรัย ว่าจากการเจรจากับตำรวจ ตำรวจ ยอมยุติการใช้เสียง ยอมให้รื้อรั้วลวดหนามที่จะเป็นอันตรายกับผู้ชุมนุม และปิดไฟแรงสูงที่สาดใส่ผู้ชุมนุม พร้อมขอเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปเจรจากับเจ้าพ่อหลักเมืองต่อ และวันที่ 20 ก.พ.จะกลับมาใหม่อีก

เวลา 20.22 น. แกนนำประกาศยุติการชุมนุม ประชาชนส่วนหนึ่งทยอยออกจากพื้นที่ แต่ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการยุติการชุมนุมยังคงยืนสังเกตการณ์บริเวณหน้าแนวของตำรวจ จนกระทั่งเวลา 20.27 น. มีเสียงพลุดัง 1 ครั้ง โดยไม่ทราบว่ามาจากใคร 

โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ พยายามประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอให้ผู้ชุมนุมที่เหลือด้านหน้ายุติการชุมนุม แต่ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วนไม่ยอมยุติการชุมนุม

ตำรวจประกาศ ให้เวลา 30 นาที หากผู้ชุมนุมไม่สลายการชุมนุมในเวลา 21.30 น. จะดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมขอให้ผู้สื่อข่าวถอยออกนอกแนว แต่ยังไม่ถึงเวลาตามประกาศ ในเวลา 21.04 น ตำรวจเข้าสลายผู้ชุมนุมด้านหน้าที่ยังไม่ยุติการชุมนุม พร้อมจับกุมผู้ชุมนุมบางส่วน

จากนั้นมีเสียงพลุดังเป็นระยะโดยไม่ทราบว่ามาจากไหน จนเวลา 20.57 น. ตำรวจประกาศ ให้เวลา 30 นาที หากผู้ชุมนุมไม่สลายการชุมนุมในเวลา 21.30 น. จะดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมขอให้ผู้สื่อข่าวถอยออกนอกแนว แต่ยังไม่ถึงเวลาตามประกาศ ในเวลา 21.04 น ตำรวจเข้าสลายผู้ชุมนุมด้านหน้าที่ยังไม่ยุติการชุมนุม พร้อมจับกุมผู้ชุมนุมบางส่วน

เวลา 21.07 น. โตโต้ ปิยรัฐ ทวิตผ่าน @TOTOPiyarat ว่ามีการดักยิงการ์ดอาสา หน้าแมคฯ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ 7-11 สะพานผ่านฟ้า ขณะส่งผู้ชุมนุมกลับบ้าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส คาดเป็นฝีมืออันธพาลจัดตั้งมาดักรอทำร้ายประชาชน

เวลา 21.08 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการจุดพลุแฟลร์บริเวณพระแม่ธรณี ตั้งแต่ 3 ทุ่มมีเสียงระเบิด 13 ครั้ง หน่วยพยาบาล DNA คนมาปฐมพยาบาล 2 คน คาดว่ามาจากแนวปะทะ เบื้องต้นมีรายงานว่า ผู้ชุมนุมถูกจับ 11 คน โดยเมื่อเวลา 21.55 น. รายงานเพิ่มเติมระบุว่า ตำรวจให้สัมภาษณ์สื่อที่สนามหลวงบอกว่าคนที่โดนจับกุมทั้งหมดถูกส่งไป สน.ชนะสงคราม

1.23 น. แนวตำรวจ คฝ. ไล่จับผู้ชุมนุมที่ยังเหลืออยู่ มาถึงแยกพระแม่ธรณีฯ ขณะที่รถพยาบาลทยอยเข้าพื้นที่ไปหลายคัน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีกลุ่มควันลอยมาถึงบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ 21.20 น. มีคนวิ่งตะโกนให้ระวังแก๊สน้ำตา

21.23 น. แนวตำรวจ คฝ. ไล่จับผู้ชุมนุมที่ยังเหลืออยู่ มาถึงแยกพระแม่ธรณีฯ ขณะที่รถพยาบาลทยอยเข้าพื้นที่ไปหลายคัน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีกลุ่มควันลอยมาถึงบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ 21.20 น. มีคนวิ่งตะโกนให้ระวังแก๊สน้ำตา

21.40 น. พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตำรวจพยายามอดทนจะไม่ปะทะ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเต็มที่แล้ว

สำหรับปืนที่เจ้าหน้าที่ใช้นั้น  พ.ต.อ.อรรถวิทย์ ระบุว่า ตนไม่ทราบ ต้องรอแถลงข่าวอีกที

นอกจากนี้ เวลา 00.50 น. ศูนย์เอราวัณสรุปข้อมูลผู้บาดเจ็บในเหตุชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินใน ที่นำส่งรพ. รวม 20 ราย รพ. ตำรวจ 15 คน รพ. กลาง 2 คน รพ. วชิรพยาบาล 1 คน รพ. มิชชั่น 1 คน และ รพ. แพทย์ปัญญา 1 คน

กรองข่าวแกง รายงานว่า เมื่อเวลา 20.05 น. มีชายหัวเกรียนใส่ชุดนอกเครื่องแบบมา 1 คันรถ ลงมาในวงล้อม คฝ. พร้อมหมวดเซฟตี้   

ก่อนหน้านั้น กรองข่าวแกง รายงานว่า เมื่อเวลา 20.05 น. มีชายหัวเกรียนใส่ชุดนอกเครื่องแบบมา 1 คันรถ ลงมาในวงล้อม คฝ. พร้อมหมวดเซฟตี้

https://pbs.twimg.com/media/EuG4vSGUYAQR3BB?format=jpg&name=large

เวลา 19.35 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตำรวจในเครื่องแบบและชุดเก็บกู้ระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่ และกำลังพยายามเอาผ้าสีแดงออกจากอนุสาวรีย์ฯ

รองโฆษก สตช. ย้ำ ตร.ใช้ความอดทนอดกลั้นแล้ว ระบุมีฮาร์ดคอร์และการ์ดบางส่วนไม่ยุติการชุมนุมตามแกนนำ

เวลา 22.00 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่หน้าศาลฎีกา หลังสลายการชุมนุมในพื้นที่ว่า วันนี้มีการชักชวนให้มีการชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเวลา 15.00 น. มีการมารวมตัวกันแล้ว และทำกิจกรรม จนมาถึงช่วงที่มีการนำผ้าสีแดงล้อมอนุสาวรีย์ฯ จากนั้นประกาศเคลื่อนมวลชนมาที่หน้าศาลหลักเมือง เวลาประมาณ 19.00 น.

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปรับแผนการมาตการรับมือด้วยการจัดเตรียมตำรวจควบคุมฝูงชน รถยนต์ฉีดน้ำ ดำเนินการตามยุทธวิธี ขั้นตอนและตั้งแผงเหล็ก

เวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่เจรจากับแกนนำเพื่อทราบข้อเรียกร้องในเบื้องต้น แกนนำขอให้ตัวแทนผู้ชุมนุม 4 คนเข้าสักการะศาลหลักเมือง ซึ่งก็มีการประสานและให้สักการะตามร้องขอ จากนั้นก็ประกาศเลิกชุมนุมไป

แต่ยังมีผู้ชุมนุมบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มฮาร์ดคอร์และการ์ด มีการขว้างปาขวดน้ำ ประทัดต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประทัดยักษ์ ขณะนี้หน่วย EODกำลังตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ใช้ยุทธวิธีสลายชุมนุมแต่อย่างใด มีเพียงกำลังพลที่ผลักดันให้ล่าถอยออกไป จนควบคุมสถานการณ์ได้ จนพ้นแนวสุดบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม

มีตำรวจบาดเจ็บ 20 กว่าราย กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และพบการกระทำความผิดซึ่งหน้า เช่น ขว้างปาสิ่งของ ต่อสู้ขัดขืน จึงได้ควบคุมตัวผุ้กระทำความผิด 7-8 ราย ไว้ที่ สน.ชนะสงคราม ขณะนี้กำลังซักถาม ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา

ต่อคำถามเรื่องอาวุธยิงของตำรวจที่ใช้ในปฏิบัติการนั้น โฆษกสตช. ระบุว่าขอไปตรวจสอบก่อน

ต่อคำถามเรื่องรถบรรทุกลักษณะคล้ายรถทหารหลังแนวป้องกันที่มีการพบเห็นในวิดีโอถ่ายทอดสดนั้น สตช. ระบุว่าปฏิบัติการนี้เป็นปฏิบัติการของตำรวจ ไม่มีการใช้รถทหาร

โฆษก สตช. ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเป็นห่วงตลอดเวลาเรื่องการสร้างสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การใช้กำลังหรือสิ่งระเบิดต่างๆ จนทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บ สื่อมวลชนที่อยู่หน้างานเห็นแล้วว่ามีการขว้างปาสิ่งของ สาดน้ำมันเข้ามา ตำรวจก็ใช้ความอดทนอดกลั้น

 

ห่มผ้าแดงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนไปศาลหลักเมือง

เวลา 18.40 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในกิจกรรม #นับหนึ่งให้ถึงล้าน ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าศาลหลักเมือง

เวลา 18.40 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในกิจกรรม #นับหนึ่งให้ถึงล้าน ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าศาลหลักเมือง โดราว 18.55 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงบริเวณใกล้ศาลหลักเมืองซึ่งมีแนวตำรวจขวาง

เวลา 19.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประกาศว่าขอให้ส่งคนมาเจรจา ยืนยันว่าวันนี้จะไม่มีการสลายการชุมนุม ขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมอย่าพังรั้วของเจ้าหน้าที่และรั้วสนามหลวง

ก่อนหน้านั้นเวลา 18.30 น ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ ขึ้นปราศรัยว่า สีแดงคือสีมงคล บัดนี้เราห่มผ้าแดงให้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเป็นหลัก เป็นชัยให้แก่ประชาชน แต่อย่าลืมว่า แม้จะเฉลิมฉลองเทศกาลแล้ว ก็ยังมีเพื่อนเราอีกสี่คนที่ถูกฝากขังระหว่างพิจารณาคดี รวมถึงป้าอัญชัญที่ยังอยู่ในเรือนจำ คนที่ถุกตัดสินจำคุก 80 กว่าปีแล้วลดโทษเหลือ 40 กว่าปี พวกเขาคือจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย การจับพวกเขา คือการจับสิทธิ เสรีภาพและเสียงของพวกเราเอาไปขังไว้ วันนี้ต้องขอประกาศ ขีดเส้นตาย ภายใน 7 วัน หากไม่ปล่อยเพื่อนเรา เราจะกลับมาเจอกันอีก "นี่คือมหาสงครามมารีนฟอร์ดที่เราจะไปเอาเพื่อนเราออกมาจากคุกของ รัฐบาลโลก วันนี้หนวดขาวจะนำเอง"  "และครั้งนี้เราจะไปต่อยหน้าไคโดและเผ่ามังกรฟ้าพร้อมๆ กัน" อรรถพลกล่าว ก่อนนำมวลชนเดินขบวนไปยังศาลหลักเมือง  สำหรับตัวละครที่อรรถพลกล่าวนั้นเป็นการเปรียบเทียบกับการ์ตูนดังอย่าง One Piece ภาภาคมารีนฟอร์ดที่กลุ่มตัวเองอย่างลูฟี่และกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวที่บกไปช่วยเอส พี่ชายร่วมสาบานของลูฟี่จากกองทัพเรือ (ผลเป็นอย่างไรขอไม่สปอย) ส่วน ไคโด เป็นอีก 1 ในโจรสลัดระดับ 4 จักรพรรดิ์หรือระดับสูงในเรื่องที่เนื้อเรื่องปัจจุบันกำลังมีบทบาทสำคัญ ขณะที่ 'เผ่ามังกรฟ้า' เป็นกลุ่มชนชั้นสูงที่ปกครองในโลก One Piece ทั้งนี้ ป้าอัญชันที่ครูใหญ่กล่าวถึงนั้น เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลเพิ่งทุบสถิติใหม่คดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ โดยสั่งจำคุกเธอหญิงวัย 60 ปี เป็นเวลา 87 ปี สารภาพลดเหลือ 43 ปี รวมทั้งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว โดยระบุว่ากระทบจิตใจปวงชนผู้จงรักภักดี หากปล่อยตัวเชื่อว่าจะหลบหนี ทั้งที่เหตุแห่งคดีของอัญชัญเพียงแชร์คลิป 'เครือข่ายบรรพต' จำนวน 29 ครั้ง

ก่อนหน้านั้นเวลา 18.30 น ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ ขึ้นปราศรัยว่า สีแดงคือสีมงคล บัดนี้เราห่มผ้าแดงให้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเป็นหลัก เป็นชัยให้แก่ประชาชน แต่อย่าลืมว่า แม้จะเฉลิมฉลองเทศกาลแล้ว ก็ยังมีเพื่อนเราอีกสี่คนที่ถูกฝากขังระหว่างพิจารณาคดี รวมถึงป้าอัญชัญที่ยังอยู่ในเรือนจำ คนที่ถุกตัดสินจำคุก 80 กว่าปีแล้วลดโทษเหลือ 40 กว่าปี

พวกเขาคือจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย การจับพวกเขา คือการจับสิทธิ เสรีภาพและเสียงของพวกเราเอาไปขังไว้ วันนี้ต้องขอประกาศ ขีดเส้นตาย ภายใน 7 วัน หากไม่ปล่อยเพื่อนเรา เราจะกลับมาเจอกันอีก

"นี่คือมหาสงครามมารีนฟอร์ดที่เราจะไปเอาเพื่อนเราออกมาจากคุกของ รัฐบาลโลก วันนี้หนวดขาวจะนำเอง"

"และครั้งนี้เราจะไปต่อยหน้าไคโดและเผ่ามังกรฟ้าพร้อมๆ กัน" อรรถพลกล่าว ก่อนนำมวลชนเดินขบวนไปยังศาลหลักเมือง

สำหรับตัวละครที่อรรถพลกล่าวนั้นเป็นการเปรียบเทียบกับการ์ตูนดังอย่าง One Piece ภาคมารีนฟอร์ดที่กลุ่มตัวเองอย่างลูฟี่และกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวที่บุกไปช่วยเอส พี่ชายร่วมสาบานของลูฟี่จากกองทัพเรือ (ผลเป็นอย่างไรขอไม่สปอย) ส่วน ไคโด เป็นอีก 1 ในโจรสลัดระดับ 4 จักรพรรดิ์หรือระดับสูงในเรื่องที่เนื้อเรื่องปัจจุบันกำลังมีบทบาทสำคัญ ขณะที่ 'เผ่ามังกรฟ้า' เป็นกลุ่มชนชั้นสูงที่ปกครองในโลก One Piece

ทั้งนี้ ป้าอัญชันที่ครูใหญ่กล่าวถึงนั้น เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลเพิ่งทุบสถิติใหม่คดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ โดยสั่งจำคุกเธอหญิงวัย 60 ปี เป็นเวลา 87 ปี สารภาพลดเหลือ 43 ปี รวมทั้งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว โดยระบุว่ากระทบจิตใจปวงชนผู้จงรักภักดี หากปล่อยตัวเชื่อว่าจะหลบหนี ทั้งที่เหตุแห่งคดีของอัญชัญเพียงแชร์คลิป 'เครือข่ายบรรพต' จำนวน 29 ครั้ง

เวลา 18.19 น. ผู้ชุมนุมนำผ้าแดงบรรจุข้อความผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการส่งถึงผู้มีอำนาจห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  "การเอาผ้าแดงมาห่มกลางนคร เป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะสู้ และจะไม่ถอยอีกแล้ว" ผู้ปราศรัยคนหนึ่งกล่าว พร้อมย้ำว่า สีแดง เป็นสีแห่งการต่อสู้ เป็นสีของชาติ และยังสามารถแทนเลือดเนื้อของผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เวลา 18.19 น. ผู้ชุมนุมนำผ้าแดงบรรจุข้อความผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการส่งถึงผู้มีอำนาจห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  "การเอาผ้าแดงมาห่มกลางนคร เป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะสู้ และจะไม่ถอยอีกแล้ว" ผู้ปราศรัยคนหนึ่งกล่าว พร้อมย้ำว่า สีแดง เป็นสีแห่งการต่อสู้ เป็นสีของชาติ และยังสามารถแทนเลือดเนื้อของผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เวลา 18.19 น. ผู้ชุมนุมนำผ้าแดงบรรจุข้อความผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการส่งถึงผู้มีอำนาจห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  "การเอาผ้าแดงมาห่มกลางนคร เป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะสู้ และจะไม่ถอยอีกแล้ว" ผู้ปราศรัยคนหนึ่งกล่าว พร้อมย้ำว่า สีแดง เป็นสีแห่งการต่อสู้ เป็นสีของชาติ และยังสามารถแทนเลือดเนื้อของผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เวลา 18.19 น. ผู้ชุมนุมนำผ้าแดงบรรจุข้อความผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการส่งถึงผู้มีอำนาจห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  "การเอาผ้าแดงมาห่มกลางนคร เป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะสู้ และจะไม่ถอยอีกแล้ว" ผู้ปราศรัยคนหนึ่งกล่าว พร้อมย้ำว่า สีแดง เป็นสีแห่งการต่อสู้ เป็นสีของชาติ และยังสามารถแทนเลือดเนื้อของผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เวลา 18.19 น. ผู้ชุมนุมนำผ้าแดงบรรจุข้อความผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการส่งถึงผู้มีอำนาจห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  "การเอาผ้าแดงมาห่มกลางนคร เป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะสู้ และจะไม่ถอยอีกแล้ว" ผู้ปราศรัยคนหนึ่งกล่าว พร้อมย้ำว่า สีแดง เป็นสีแห่งการต่อสู้ เป็นสีของชาติ และยังสามารถแทนเลือดเนื้อของผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
 

เวลา 18.19 น. ผู้ชุมนุมนำผ้าแดงบรรจุข้อความผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการส่งถึงผู้มีอำนาจห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

"การเอาผ้าแดงมาห่มกลางนคร เป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะสู้ และจะไม่ถอยอีกแล้ว" ผู้ปราศรัยคนหนึ่งกล่าว พร้อมย้ำว่า สีแดง เป็นสีแห่งการต่อสู้ เป็นสีของชาติ และยังสามารถแทนเลือดเนื้อของผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

ผู้ชุมนุมเริ่มนำแผงเหล็กและกระถางต้นไม้ออกจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดย ภาณุพงษ์ จาดนอก ระบุว่า ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ คือ อนุสาวรีย์ที่มีความสำคัญทาง ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ดอกไม้ที่ถูกจัดไว้เพื่อเอาใจใครบางคน
ผู้ชุมนุมเริ่มนำแผงเหล็กและกระถางต้นไม้ออกจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดย ภาณุพงษ์ จาดนอก ระบุว่า ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ คือ อนุสาวรีย์ที่มีความสำคัญทาง ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ดอกไม้ที่ถูกจัดไว้เพื่อเอาใจใครบางคน

เวลา 17.30 น. ผู้ชุมนุมเริ่มนำแผงเหล็กและกระถางต้นไม้ออกจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดย ภาณุพงษ์ จาดนอก ระบุว่า ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ คือ อนุสาวรีย์ที่มีความสำคัญทาง ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ดอกไม้ที่ถูกจัดไว้เพื่อเอาใจใครบางคน

เวลา 16.00 น. ผู้ชุมนุมเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บางส่วนเตรียมเครื่องครัวโลหะมาเคาะ และเขียนข้อความยกเลิก 112 ขณะที่ผู้จัดกิจกรรม เตรียมผ้าสีแดงผืนใหญ่มาให้ประชาเขียนข้อความ และจะนำขึ้นห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เวลา 16.00 น. ผู้ชุมนุมเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บางส่วนเตรียมเครื่องครัวโลหะมาเคาะ และเขียนข้อความยกเลิก 112 ขณะที่ผู้จัดกิจกรรม เตรียมผ้าสีแดงผืนใหญ่มาให้ประชาเขียนข้อความ และจะนำขึ้นห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เวลา 16.00 น. ผู้ชุมนุมเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บางส่วนเตรียมเครื่องครัวโลหะมาเคาะ และเขียนข้อความยกเลิก 112 ขณะที่ผู้จัดกิจกรรม เตรียมผ้าสีแดงผืนใหญ่มาให้ประชาเขียนข้อความ และจะนำขึ้นห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เวลา 16.00 น. ผู้ชุมนุมเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บางส่วนเตรียมเครื่องครัวโลหะมาเคาะ และเขียนข้อความยกเลิก 112 ขณะที่ผู้จัดกิจกรรม เตรียมผ้าสีแดงผืนใหญ่มาให้ประชาเขียนข้อความ และจะนำขึ้นห่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ด้านการจราจรปิดถนนราชดำเนินฝั่งแยกคอกวัวมุ่งหน้าแยกผ่านฟ้า โดยปิดตั้งแต่แยกคอกวัวถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

โดยก่อนหน้านั้นเมื่อเวลา 15.27 น. ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร เข้ามายังพื้นที่การชุมนุม พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้จะมีการเขียนผ้าแดงยาว 30 เมตร และมีการนำผ้าแดงมาปูบนผิวถนน พร้อมย้ำว่าจุดประสงค์ที่มาวันนี้คือการรณรงค์ ยกเลิก ม.112

เวลา 15.42 น. มีการนำแผงเหล็กมาวางกั้นกรอบพื้นที่การชุมนุมบนพื้นผิววงเวียนอนุสาวรีย์ ตรงกับฟุตบาทกึ่งกลางถนนราชดำเนินกลาง

ท่ามกลางการควบคุมสถานการณ์ของตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดและตำรวจ นำเคลื่อนตรวจหาวัตถุเข้าตรวจค้นบริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นำแผงเห็ลกมาตั้งแนวขวางบนทางเท้าบางจุด นอกจากนี้ยังประกาศเตือนห้ามทำกิจกรรมหากฝ่าฝืนจะมีโทษทางกฏหมาย ขอให้ผู้เกี่ยวข้องแยกย้ายอีกด้วย 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์รายงานว่า พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยถึงการจัดกำลังเตรียมรับมือกิจกรรมดังกล่าว เบื้องต้นกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) จัดกำลังควบคุมฝูงชนไว้จำนวน 2 กองร้อย และ บช.น.สำรองกำลังหากมีสถานการณ์ความไม่สงบอีก 3 กองร้อย ทั้งนี้เน้นกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) หญิงเป็นหลัก โดยจะประเมินตามสถานการณ์ความจำเป็น

สำหรับกิจกรรมที่เกิดขึ้นนี้เป็นกิจกรรมรอบใหม่ของกลุ่มราษฎร ซึ่งซึ่งจัดต่อเนื่องหลังศาลอาญามีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวแกนนำที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และม. 116 จำนวน 4 ราย ได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ อานนท์ นำภา ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และ นสมยศ พฤกษาเกษมสุข เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา เนื่องจากการปราศรัย 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ที่สนามหลวงเมื่อวันที่ 19 และวันที่ 20 ก.ย.2563 และการชุมนุม 14 พฤศจิกายน (Mobfest) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2563 โดยที่กลุ่มเหล่านี้มีข้อเรียกร้องนอกจากให้ปล่อยตัวทั้ง 4 คนแล้ว ยังเรียกร้อง 1. ประยุทธ์และองคาพยพต้องออกไป 2. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 

โดยการไม่ให้สิทธิประกันตัวดังกล่าว นักวิชาการ นักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชน ออกมาเรียกร้องให้สถาบันตุลาการยืนยันหนักแน่นว่าสิทธิในการได้รับการประกันตัวของประชาชนเป็นหลักการสำคัญยิ่งที่สถาบันตุลาการอันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนจะต้องยืนหยัดและยึดมั่น แม้ว่าสถาบันตุลาการจะถูกแวดล้อมด้วยแรงกดดันทางสังคมและการเมืองมากเพียงใดก็ตาม และความร้ายแรงของโทษในคดี 112 ที่แกนนำราษฎรทั้ง 4 คนถูกกล่าวหาเป็นเหตุอันสมควรอย่างยิ่งที่พวกเขาจะต้องมีโอกาสในการต่อสู้คดี การปล่อยตัวชั่วคราวเป็นมาตรการที่มีขึ้นเพื่อรับประกันว่าประชาชนคนไทยจะไม่ถูกกลั่นแกล้งหรือถูกให้ร้ายในกระบวนการยุติธรรม

“หวังว่าต่อจากนี้จะมีการตอบสนองในเชิงที่สอดคล้องกับหลักการทางกฎหมาย และบรรทัดฐานทางกฎหมายเกิดขึ้น เราคิดว่าถ้ามีการตอบสนองในแง่ดีก็คงจะทำให้สังคมกลับมาสู่จุดที่สามารถใช้เหตุผลถกเถียงกันด้วยหลักการได้ แต่ถ้าเกิดไม่มีการตอบสนองในด้านที่ให้มีการใช้เหตุผลได้ เราเป็นกังวลว่าสังคมโดยรวมจะเดินไปสู่ทางที่ไม่สู้จะมีทางออกมากนัก หนทางข้างหน้าจะยิ่งตีบตันมากขึ้น และถ้าเป็นแบบนั้นเราเป็นกังวลว่ามันจะทำให้ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ แม้ว่าเราจะไม่ปรารถนาก็ตาม” ความตอนหนึ่งที่ รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล ตัวแทนผู้อ่านแถลงการณ์ของ 126 คณาจารย์นิติศาสตร์ เครือข่ายนักกฎหมาย โต้แย้งต่อคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว 4 แกนนำราษฎร กล่าว วานนี้ (12 ก.พ.64)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net