Skip to main content
sharethis

ประมวลสองเหตุการณ์เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 กรณีแรก เป็นเยาวชนอายุ 18 ปี รายงานตัวรับทราบ 8 ข้อกล่าวหา รวม ม. 112 และ ม. 116 ที่ สน.พหลโยธิน อีกกรณีคือสองนักศึกษาธรรมศาสตร์ รายงานตัวตามหมายเรียก ม. 112 ที่ สภ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง 

15 ก.พ. 2564 คริษฐ์ รายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.พหลโยธิน

บรรยากาศรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.พหลโยธิน 

15 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 09.41 น. คริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ เยาวชนอายุ 18 ปี จากกลุ่ม ‘คะน้าราดซอส’ เข้ารับทราบ 8 ข้อกล่าวหา รวมมาตรา 112 ‘หมิ่นประมาทกษัตริย์ ’ และมาตรา 116 ‘ยุยงปลุกปั่น’ ที่ สน.พหลโยธิน จากกรณีปราศรัยวงย่อย #ม็อบ2ธันวา “ไล่จันทร์โอชาออกไป” บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งนัดรวมตัวโดยคณะราษฎร โดยคริษฐ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

จากการสอบถามคริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา ระบุว่า ตนเดินทางมารับทราบหมายเรียกมาตรา 112 และข้อหาอื่น ๆ หลังจากเมื่อวาน (14 ก.พ. 2564) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรแจ้งให้มารับทราบข้อกล่าวหาวันนี้ (15 ก.พ. 2564) เวลา 10.00 น. ทั้งนี้ คริษฐ์ยังไม่ได้เห็นหรือได้รับหมายเรียกตัวจริง เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งหมายเรียกไปที่ภูมิลำเนาตามบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งปัจจุบัน ตนไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นแล้ว   

เมื่อเวลา 09.55 น. คริษฐ์ และทนายจากทีมศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าไปใน สน.เพื่อรายงานตัวตามข้อกล่าวหา โดยขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จนเมื่อเวลา 10.45 น. คริษฐ์และทนายจากทีมศูนย์ทนายฯ ออกมาหน้าอาคาร สน.พหลโยธิน และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยผู้ถูกกล่าวหาและทนายยังไม่สะดวกเผยรายละเอียดทั้งหมดของข้อกล่าวหา 

คริษฐ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังรับทราบข้อกล่าวหาว่า เขามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะว่าเขาแสดงออกทางการเมืองตามหลักประชาธิปไตย 

นอกจากนี้ เขาระบุเพิ่มว่าส่วนตัวตนไม่กังวลเรื่องคดี แต่ช่วงนี้กิจกรรมทางการเมืองอาจจะทำน้อยลง เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ถ้ามีโอกาส ก็จะเข้าร่วม 

คริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ

คริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ

สำหรับคริษฐ์ ถูกกล่าวหาจากการขึ้นพูดปราศรัยวงย่อยจัดโดยกลุ่ม ‘คะน้าราดซอส’ ที่ #ม็อบ2ธันวา “ไล่จันทร์โอชาออกไป” เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2563 โดยเรื่องที่เป็นประเด็นคือการวิจารณ์ข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงและข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์

ในวันดังกล่าว กลุ่ม ‘คะน้าราดซอส’ จัดวงปราศรัยย่อยบนพื้นที่ถนนบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ระหว่างหน้าสถานี MRT พหลโยธิน ทางออก 3 (บริเวณสวนสมเด็จย่า) และห้างสรรพสินค้ายูเนียนมอลล์ โดยการปราศรัยย่อยของคะน้าราดซอสวันนั้น มีการพูดหลากหลายประเด็นตั้งแต่การเมือง ประวัติศาสตร์ การศึกษา เครื่องแต่งกายนักเรียน และอื่น ๆ  

ทั้งนี้ คริษฐ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา โดยคริษฐ์จะยื่นเอกสารเพิ่มเติมอีก 30 วันหลังจากนี้ หรือภายในวันที่ 17 มี.ค. 2564 ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวผู้ถูกกล่าวหากลับโดยไม่มีการควบคุมตัว  

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานวันนี้ (15 ก.พ. 2564) ว่า สำหรับการชุมนุม 2 ธ.ค. 2563 “ไล่จันทร์โอชาออกไป” ที่ห้าแยกลาดพร้าว นอกจากคริษฐ์ จากคะน้าราดซอส มีนักกิจกรรมถูกตั้งข้อกล่าวหามาตรา 112 อย่างน้อยอีก 6 คน โดยมีผู้แจ้งความต่างกันไปในแต่ละคน 

สำหรับ พริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน, อานนท์ นำภา, ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, ภาณุพงษ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง และจิรฐิตา ธรรมรักษ์ มีชุติมา เลี่ยมทอง เป็นผู้กล่าวหา ขณะที่ผู้แจ้งความกรณีคริษฐ์ คือ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ซึ่งเคยเป็นผู้รับมอบอำนาจจาก สุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธอิสระ แจ้งความร้องทุกข์ข้อหามาตรา 116 ต่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กรณีไลฟ์เฟซบุ๊กเรื่อง 3 ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม   

ทั้งนี้ “คะน้าราดซอส” เป็นกลุ่มเครือข่ายของคณะราษฎร โดยคำว่า ‘ซอส’ มาจากภาษาอังกฤษคำว่า 'source' หรือข้อมูล สมาชิกของกลุ่มประกอบด้วย เด็กหลากหลายวัยมารวมตัวกันทั้งที่รู้จักอยู่แล้ว เพื่อนที่โรงเรียน และมาเจอกันในม็อบ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ชื่นชอบการอ่านหนังสือ และมักจะเอาข้อมูลที่ได้อ่านมาปราศรัย ตลอดจนถกเถียงกันในกิจกรรมปราศรัยย่อย 

“เราอยากจะทำให้คำมันดูน่ารักขึ้นจากคณะราษฎร เป็นคะน้าราดซอส หลัง ๆ เราก็เพิ่มกิมมิก (gimmick) ความที่กลุ่มเราหลายคนเป็นสายอ่านหนังสือ ซอสตรงนี้ ก็เป็น source ที่หมายความถึงความรู้ และข้อมูล” คริษฐ์ กล่าว 

ภาพจากแฟ้มประชาไท การชุมนุม #ม็อบ2ธันวา วงปราศรัยย่อยจัดโดยคะน้าราดซอส

สองนักศึกษา มธ. รายงานตัว ม.112 ที่ลำปาง 

15 กุมภาพันธ์ 2564 ไอลอว์ (iLaw) รายงานวันนี้ (15 ก.พ. 2564) ที่สถานีตำรวจภูธรห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ตำรวจนัดให้สองนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา มาตรา 112 พร้อมเตรียมการต้อนรับเป็นอย่างดี

ภาพจาก iLaw สองนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา มาตรา 112 ที่สถานีตำรวจภูธรห้างฉัตร จังหวัดลำปาง

นักศึกษาสองคนถูกกล่าวหาจากการจัดกิจกรรมชุมนุมเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ซึ่งมีภาพการทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ โดยก่อนหน้านี้ตำรวจ สภ.ห้างฉัตร เคยเข้าไปที่มหาวิทยาลัย พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เพื่อตั้งข้อกล่าวหาและสอบสวนหนึ่งรอบ ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2563 เป็นข้อหาทำลายทรัพย์สินราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360

แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ ตำรวจจาก สภ.ห้างฉัตร ยังออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งสองคนอีกครั้ง ให้มารับทราบข้อกล่าวหาฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผู้ต้องหาสองคนพร้อมเพื่อนประมาณ 7-8 คน ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงเดินทางมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา

เมื่อผู้ต้องหาทั้งสองคนเดินเข้าไปในสถานีตำรวจ ในเวลาประมาณ 10.50 ตำรวจเดินออกมาพร้อมเครื่องเสียง และตำรวจอีกสี่นายออกมาถือป้าย เขียนว่า

  • มั่วสุม ชุมนุม !?! เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จำคุกไม่เกิน 2 ปี
  • ชักธงอื่นแทนธงชาติไทยขึ้นเสา จำคุกไม่เกิน 2 ปี
  • ติดป้าย ชูป้าย พูดปราศรัย ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน จำคุกไม่เกิน 1 ปี
  • ติดป้าย รก เลอะเทอะ สถานที่ราชการ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

พร้อมประกาศแจ้งให้ทุกคนอยู่ในความสงบ โดยตำรวจระบุว่า ผู้ต้องหาที่มารายงานตัวทั้งสองคนวันนี้จะไม่ถูกควบคุมตัว เมื่อกระบวนการสอบสวนเสร็จแล้วจะได้กลับไปเรียนหนังสือต่อ ตำรวจไม่มีอำนาจชี้ขาดว่า ผู้ต้องหากระทำความผิดหรือไม่ มีหน้าที่เพียงทำตามกระบวนการเท่านั้น

เนื่องจากเพื่อนที่มาให้กำลังใจ ทำป้ายข้อความมาเขียนว่า ‘abolish112’ ตำรวจจึงกล่าวด้วยว่า การมาเรียกร้องให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่สถานีตำรวจนั้น ตำรวจไม่มีอำนาจที่จะทำตามข้อเรียกร้องได้ ข้อเรียกร้องนี้ขอให้ไปเรียกร้องต่อรัฐสภา เพื่อนนักศึกษายกมือถามว่า ทำไมวันนี้ตำรวจถึงต้องเตรียมอุปกรณ์และชุดควบคุมฝูงชนมาด้วย ซึ่งตำรวจที่ถือไมโครโฟนตอบว่า เป็นอุปกรณ์ที่นำมาใช้ซ้อม กำลังเตรียมรอส่งกลับ ซึ่งผู้สังเกตการณ์พบเห็นตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ชุดสีน้ำเงิน 40-50 คน นั่งพักอยู่หลังอาคาร สภ.

ภาพจาก iLaw บรรยากาศขณะตำรวจสี่นายถือป้าย หน้าสถานีตำรวจภูธรห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 

หลังรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จแล้ว ลัลนา หนึ่งในผู้ต้องหาเล่าว่า ก่อนหน้านี้คดีจากการชุมนุมมีแค่ข้อกล่าวหาว่าทำลายทรัพย์สินราชการ ซึ่งตำรวจส่งฟ้องต่ออัยการไปแล้ว แต่เมื่อคดีไปถึงมืออัยการสูงสุดกลับสั่งให้ตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มตามมาตรา 112 อัยการจึงส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจตั้งข้อหาเพิ่มและเป็นที่มาของการถูกเรียกมาพบตำรวจอีกครั้งในวันนี้

หลังรับทราบข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 แล้ว ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การปฏิเสธ และขอให้การเป็นรายละเอียดเป็นหนังสือภายใน 30 วัน แต่ตำรวจบอกว่าต้องเร่งส่งสำนวนฟ้องต่ออัยการเลย ไม่อาจรอ 30 วันได้ จึงจะส่งฟ้องไปก่อน หากผู้ต้องหาจะส่งคำให้การก็ให้ส่งตามมาภายหลัง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net