รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศว่าจะมีการแจกจ่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับประจำเดือนโดยเริ่มต้นตั้งแต่ในเดือน มิ.ย. นี้ ซึ่งเป็นการขยายผลจากโครงการนำร่องที่ออกมาเมื่อปี 2563 ซึ่งมีวัตถุประสงต้องการขจัดปัญหาความยากจนจากประจำเดือน
ที่มาภาพประกอบ: Christoph Strässler (CC BY-SA 2.0)
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยาน ทิเนตติ ประกาศเปิดโครงการแจกผ้าอนามัยและวัสดุเกี่ยวกับประจำเดือนในโรงเรียนระดับเทียบเท่าชั้นประถมและมัธยม รวมถึงตาม "กุรา" ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใช้ภาษาของชนพื้นเมืองชาวเมารีด้วย ซึ่งอาร์เดิร์นบอกว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาความยากจนจากประจำเดือน และทำให้นักเรียนเข้าเรียนมากขึ้น รวมถึงเป็นการทำให้นักเรียนมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้
อาร์เดิร์นบอกว่าคนรุ่นเยาว์ไม่ควรจะต้องพลาดการศึกษาไปเพราะเรื่องประจำเดือนซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นกับประชากรโลกครึ่งหนึ่ง การขจัดกำแพงเรื่องการเข้าถึงสุขอนามัยนี้จะส่งผลดีต่อการศึกษาของเด็กและวัยรุ่น ซึ่งส่วนสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ด้านเยาวชนและความเป็นอยู่ที่ดีจากรัฐบาล
กระทรวงศึกษาธิการของนิวซีแลนด์จะเป็นผู้จัดหาวัสดุเกี่ยวกับประจำเดือนในช่วงเริ่มต้นของโครงการ โดยจะเริ่มให้โรงเรียนต่างๆ สมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่จะถึงนี้เป็นต้นไปและจะเริ่มมีผลิตภัณฑ์อนามัยเหล่านี้ในโรงเรียนตั้งแต่เดือน มิ.ย. โรงเรียนไหนที่ไม่ทันได้เข้าร่วมในช่วงเดือน มี.ค. ก็สามารถสมัครเข้าร่วมทีหลังได้ โครงการนี้รัฐบาลจะใช้งบประมาณราว 18 ล้านดอลลาร์ไปจนถึงปี 2567
ก่อนหน้านี้เคยมีโครงการนำร่องในปี 2563 ที่จัดหาผ้าอนามัยให้กับนักเรียนประมาณ 3,200 คน ใน 15 โรงเรียนในเขตไวกาโต ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการนิวซีแลนด์บอกว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากโรงเรียนที่เข้าร่วมและนักเรียนก็ส่งเสริมให้มีการขยายผลโครงการนี้
ทิเนตติยังพูดถึงเรื่องที่นักเรียนมีข้อเสนอแนะว่าอยากให้มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องประจำเดือน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับประจำเดือน และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับประจำเดือนมากกว่านี้ เช่น วิธีการนับรอบเดือนและการตระหนักรู้ว่าควรจะขอความช่วยเหลือเมื่อใด นักเรียนยังพูดถึงเรื่องประเด็นที่ประจำเดือนถูกทำให้เป็นเรื่องที่ดูน่าอาย รู้สึกถูกตีตรา ราคาที่ต้องจ่าย ผลกระทบที่ทำห้เกิดการขาดชั้นเรียน ความรู้สึกไม่สบายใจ และการขาดความรู้ในเรื่องเหล่านี้
จากรายงานของหน่วยงานการกุศล KidsCan เมื่อปี 2563 ระบุว่า นักเรียนในชั้นเรียนทั้งระดับเทียบเท่าประถมและมัธยมศึกษาในนิวซีแลนด์ 20,000 คน ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์อนามัยประจำเดือนได้ เนื่องจากข้อจำกัดทางการเงินและทางสังคม ซึ่งจากจำนวนตัวเลขนี้เทียบเท่ากับการที่เยาวชน 1 ใน 12 จำต้องขาดเรียนเพราะเรื่องนี้
"พวกเราต้องการเห็นพัฒนาการในด้านการเข้าร่วมชั้นเรียน การเรียนรู้ และพฤติกรรม ลดการขาดชั้นเรียนของเยาวชนเนื่องจากเรื่องประจำเดือนให้น้อยลง และลดภาระความยากลำบากทางการเงินของครอบครัวนักเรียนที่เข้าร่วม" ทิเนตติกล่าว
นอกจากเรื่องผ้าอนามัยฟรีในโรงเรียนแล้ว โครงการลดกำแพงการศึกษาอื่นๆ ของรัฐบาลนี้ยังมีโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนฟรี แผนการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมการสอบ และการใช้วิธีอื่นทดแทนการบริจาคให้โรงเรียน
นอกจากนิวซีแลนด์แล้วยังมีประเทศอื่นๆ ที่พยายามปรับเปลี่ยนในเรื่องการให้ผู้มีประจำเดือนเข้าถึงผ้าอนามัยได้ เช่นในสก็อตแลนด์ที่สร้างประวัติศาสตร์ในเดือน พ.ย. 2563 ในการเป็นประเทศแรกที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยฟรี หลังจากที่ก่อนหน้านี้สก็อตแลนด์เคยมีโครงการแจกจ่ายผ้าอนามัยฟรีให้กับโรงเรียนและสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษามาก่อน
ในอังกฤษก็เริ่มมีการแจกจ่ายผ้าอนามัยฟรีตามสถานศึกษาต่างๆ เช่นเดียวกับสก็อตแลนด์และมีการขยายโครงการนี้มาจนถึงปี 2564 และในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมนก็มีการยกเลิกภาษีผ้าอนามัยโดยสิ้นเชิง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีการเก็บภาษีและจัดอยู่ในสินค้าหมวดที่ "ไม่ใช่ของใช้จำเป็น"
เรียบเรียงจาก
New Zealand Will Offer Free Sanitary Products At Schools To Fight Period Poverty, NPR, 18-02-2021
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)