Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันระหว่างพิจารณาคดีประชาชน 5 ราย คดีทุบรถผู้ต้องขัง สน.ประชาชื่น ช่วย 'ไมค์' และ 'เพนกวิน' ที่ถูกอายัดตัวจากเรือนจำ ระบุจำเลยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย หากได้รับการปล่อยตัวเกรงจะไปกระทำอันตรายประการอื่น โดยจำเลยบางคนเป็นผู้เสียหายถูกรถผู้ต้องขังชน บางคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

24 ก.พ. 2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า พนักงานอัยการ สํานักงานอัยการสูงสุด (สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร กับพวกรวม 5 คน เป็นคดีอาญาหมายเลขดําที่ อ.420/2564 ในฐานความผิด “มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กําลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้ายฯ, ร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กําลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย, ร่วมกันพยายามกระทําด้วยประการใดให้ผู้ถูกคุมขังตามอํานาจของเจ้าพนักงานผู้มีอํานาจสืบสวนคดีอาญา หลุดพ้นจากการคุมขังไปโดยใช้กําลังประทุษร้าย, ร่วมกันทําร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่, ร่วมกันทําให้เสียทรัพย์ และร่วมกันชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย”

โดยในช่วงเช้า ณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร, ธวัช สุขประเสริฐ, ศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี, สมคิด โตสอย และฉลวย เอกศักดิ์ ผู้ต้องหาในคดี ซึ่ง พ.ต.ต.ทําเนียบ ขลังธรรมเนียม สว.สส.สน.ประชาชื่น เข้าแจ้งความกล่าวหาว่า ร่วมกันทุบรถผู้ต้องขัง และพยายามชิงตัว “เพนกวิน” และ “ไมค์” ที่อยู่ในรถผู้ต้องขังระหว่างถูกนำตัวไป สน.ประชาชื่น  หลังถูกอายัดตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในวันที่ 30 ต.ค. 2563 เข้ารายงานตัวกับอัยการเพื่อฟังคำสั่ง ก่อนที่อัยการจะสั่งฟ้องและนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา รัชดาฯ 

หลังศาลรับฟ้อง ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งห้าในระหว่างพิจารณาคดี โดยวางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 100,000 บาท พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า คดีนี้จําเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยข้อหากล่าวหาทั้งหมดนั้นมีอัตราโทษไม่เกิน 7 ปี จําเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและไม่เคยถูกควบคุมตัวมาก่อน มารายงานตัวตามนัดของพนักงานสอบสวนและอัยการทุกนัด หากจําเลยไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว จะทําให้จําเลยได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากณัฐนนท์กําลังศึกษาอยู่ จำเลยคนอื่นมีภาระต้องประกอบอาชีพ และต้องเลี้ยงดูครอบครัว ศักดิ์ชัยมีอายุมากแล้ว (62 ปี) และฉลวยมีโรคประจําตัวเรื้อรังที่จําเป็นจะต้องพบแพทย์เป็นประจํา อีกทั้งตามหลักการสากล บุคคลทุกคนซึ่งต้องหาว่ากระทําผิดอาญา ต้องมีสิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ตามกฎหมายได้ว่ามีความผิด 

ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่า อัยการได้คัดค้านการให้ประกันตัวจำเลยทั้งห้ามาในท้ายคำฟ้อง

ต่อมา เวลาประมาณ 16.20 น. สันติ บุตรดี ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดียาเสพติด มีคำสั่งไม่ให้ประกันจำเลยทั้งห้า ระบุในคำสั่งว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งห้าเกิดจากการไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย สร้างความวุ่นวายให้เกิดในบ้านเมือง หากได้รับการปล่อยตัวเห็นว่า จำเลยทั้งห้าจะไปกระทำอันตรายประการอื่นอีก ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งห้า”

ทำให้ณัฐนนท์, ธวัช, ศักดิ์ชัย, สมคิด และฉลวย ถูกควบคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพในช่วงเย็น โดยเป็นการขังในระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งหากมียื่นประกันอีก แต่ศาลยังคงไม่ให้ประกัน ทั้งห้าจะถูกขังไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ของธวัชเพียงว่า กระชากประตูรถควบคุม ส่วนสมคิดขยับรถจักรยานยนต์จอดขวางไม่ให้รถควบคุมผ่านไปได้ ขณะที่ฉลวยเพียงใช้เท้าเตะรถควบคุม โดยผู้ต้องหา 4 ราย ยกเว้นศักดิ์ชัย ปฏิเสธจะลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากเห็นว่ามีการบรรยายพฤติการณ์ที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง

ขณะที่ฉลวยให้ข้อมูลว่า เขาไม่ได้ไปชุมนุมในวันเกิดเหตุ มีเพียงลูกสาวกับแฟนใช้รถมอเตอร์ไซค์ของเขาขี่ไปเจอเหตุการณ์แล้วเข้าไปถ่ายคลิปเหตุการณ์เท่านั้น ส่วนณัฐนนท์เป็นผู้ขี่รถจักรยานต์ที่ถูกรถผู้ต้องขังชนและลากรถไปจนรถเสียหายและตัวเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ สน.ประชาชื่น ไม่รับแจ้งความ โดยระบุว่าไม่ใช่ สน. ท้องที่ที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้ การทุบรถผู้ต้องขังเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2563 เกิดขึ้นเนื่องจากศาลอาญายกคำร้องฝากขัง 'เพนกวิน' พริษฐ์ ชิวารักษ์, 'ไมค์' ภาณุพงศ์ จาดนอก, 'รุ้ง' ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, และ 'หมอลำแบงค์' ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม จากคดี 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ทำให้ทั้งสี่จะได้ปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง แต่ตำรวจจาก สน.ประชาชื่นมาขออายัดตัวพริษฐ์, ภาณุพงศ์, และปนัสยาไปควบคุมตัวต่อโดยใช้กำลังล็อกคอพริษฐ์และภาณุพงศ์ขึ้นรถผู้ต้องขัง จนเดินทางมาถึง สน.ประชาชื่น ในสถาพที่พริษฐ์ได้รับบาดเจ็บ และภาณุพงศ์หมดสติ

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อรถควบคุมตัวของตำรวจออกจากเรือนจำมาติดอยู่บริเวณแยกพงษ์เพชร มีรถจักรยานยนต์ขี่ตามมาจำนวนหนึ่ง ขณะที่พริษฐ์และภาณุพงศ์เปิดกระจกออกมา ภาณุพงศ์กล่าวว่า มันทำร้ายพวกผม และพริษฐ์กล่าวว่า มันลากคอเรา ผู้อยู่ในเหตุการณ์เห็นว่ามีชายหัวเกรียน 2-3 คนนั่งอยู่ในรถด้วย บางส่วนจึงใช้หมวกกันน็อกทุบกระจก เพื่อช่วยทั้งสองคนที่อยู่ข้างใน

คนขับรถผู้ต้องหาพยายามขับหนีจึงชนกับรถจักรยานยนต์อย่างน้อยสองคัน มีคันหนึ่งล้มลงขวางใต้ท้องรถแต่รถควบคุมตัวของตำรวจยังคงขับต่อไป และลากรถจักรยานยนต์ไปกับพื้นเป็นทางยาว จนได้รับความเสียหาย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net