Skip to main content
sharethis

จับตา ผวจ. เพชรบุรีเรียกประชุมแก้ปัญหาบางกลอย ด้านพีมูฟแถลงอัด รมว.ทรัพยากรฯ ไร้ความเข้าใจ บริหารงานไม่ได้

4 มี.ค.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า วันนี้ (4 มี.ค.64) อภิสิทธิ์ เจริญสุข ประชาชนบ้านบางกลอย เปิดเผยว่าในวันนี้เฮลิคอปเตอร์ได้นำเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จำนวนมากบินไปส่งใกล้กับจุดที่ชาวบ้านอพยพกลับไปอยู่ที่บ้านบางกลอยบน โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้กลับลงมา ทำให้ชาวบ้านรู้สึกกังวลใจอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าทางอุทยานฯ กำลังจะทำอะไรกับชาวบ้านหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีชาวบ้านอพยพขึ้นไปอยู่มากกว่า 70 คน ทั้งเด็กและผู้หญิง โดยล่าสุดหลังจากมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมชาวบ้านทำให้ญาติพี่น้องในหมู่บ้านบางกลอยล่างอพยพตามขึ้นไปอีกประมาณ 20 คนเพราะเป็นห่วงกัน

“เรากังวลว่าจะมีการปิดเส้นทางไม่ให้ขนส่งข้าวขึ้นไป และยังมีเรื่องการข่มขู่คุกคามอีก เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างบน แต่หากเกิดความรุนแรงขึ้น ชาวบ้านในหมู่บ้านบางกลอยล่างก็พร้อมที่จะขึ้นไปอีก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 5 มี.ค. ภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี จะเรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาบ้านบางกลอย ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและอุทยานฯ ณ ห้องประชุมอุทยานฯ

วันเดียวกัน (4 มี.ค.64) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอตำหนิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยระบุว่า ตามที่ ทส.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอย-ใจแผ่นดินระหว่างตัวแทนรัฐบาล ทส. พีมูฟ ภาคี #SAVEบางกลอย และชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ได้เห็นชอบร่วมกัน โดยจัดทำบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอย-ใจแผ่นดิน โดยมีข้อเสนอเร่งด่วน 3 ข้อ ดังนี้ 1. ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกจากชุมชนบางกลอยทั้งหมด 2. หยุดการสกัดการขนส่งเสบียง รวมถึงการตั้งจุดสกัดเดิม และที่จุดเพิ่มเติมขึ้นมาทั้งหมด 3. ยุติคดีของสมาชิก ภาคี #saveบางกลอย ทั้งหมด 10 คน กรณีการยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564

ในแถลงการณ์ระบุว่า มีข้อตกลงกับ ทส.ประกอบการทำงานร่วมกัน ซึ่งสามารถนำไปสู่การหาแนวทางการแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องของพี่น้องกะเหรี่ยง บ้านบางกลอย 6 ข้อ ดังนี้ 1.ให้ชาวบ้านที่ประสงค์กลับไปทำไร่หมุนเวียน และดำรงวิถีชีวิตวัฒนธรรมดั้งเดิม อยู่ที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน สามารถกลับขึ้นไปอยู่อาศัย ทำกิน และดำเนินชีวิตตามวิถีดั้งเดิมของบรรพบุรุษได้ โดยการรับรองสิทธิ์ในการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ชุมชนดั้งเดิม 2.ยุติการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตั้งจุดตรวจและลาดตระเวน ในหมู่บ้านบางกลอยล่าง รวมทั้งยุติการข่มขู่ คุกคาม หรือใช้ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับชาวบ้าน 36 ครอบครัวที่กลับไปอยู่อาศัยและทำกินอยู่ที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน

3.ยุติการขัดขวางการขนส่งข้าว อาหาร และสิ่งของจำเป็นไปให้กับชาวบ้านบางกลอย 4.ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ว่าด้วย แนวนโยบายและหลักปฏิบัติในการพื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะ มาตรการด้านการยุติการจับกุม ดำเนินคดี และการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมในรูปแบบไร่หมุนเวียน

5.ในกรณีที่ชาวบ้านครอบครัวใดประสงค์จะอยู่ที่บ้านบางกลอยล่าง ให้รัฐดำเนินการจัดสรรที่ดิน ทั้งที่ดินอยู่อาศัยและทำกินให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ เพื่อให้สามารถดำเนินวิถีชีวิตได้อย่างมั่นคง 6.รัฐจะต้องยุติการดำเนินการสนธิกำลังกันของเจ้าหน้าที่รัฐได้ตั้งจุดสกัด เดินลาดตระเวนและตรวจค้นสร้างแรงกดดัน และความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านบางกลอย และมีมาตรการในการคุ้มครองสวัสดิภาพ

“หลังจากนั้น รัฐมนตรี ฯ ได้ปฏิบัติการ “ยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร” โดยการสนธิกำลังหลายหน่วยงาน และการผลักดันคนจากพื้นที่ใจแผ่นดินลงมา พีมูฟจึงขอตำหนิรัฐมนตรี ทส. ที่กลายเป็น คนเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า ทั้งที่ตัวเองได้ตั้งคณะทำงานขึ้น เพื่อศึกษาหาทางออกต่อการแก้ปัญหา กรณีบางกลอยขึ้น พร้อมให้ลงพื้นที่ในการศึกษาการแก้ปัญหาอยู่ แต่ปฏิบัติการกดดันขนย้ายชาวบ้านลงจากใจแผ่นดิน พร้อมกับคณะทำงานกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ด้วย”ในแถลงการณ์ระบุ

ในแถลงการณ์ระบุถึงสาเหตุที่ต้องตำหนิ รัฐมนตรี ทส.เนื่องจาก 1. รัฐมนตรีไม่สามารถบริหาร กำกับ บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพย์ให้ปฏิบัติตามนโยบายรัฐมนตรีได้ 2. รัฐมนตรีไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในคำสั่ง และนโยบายการแก้ปัญหาประชาชน ได้อีกต่อไป เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในพื้นที่ยังไม่เชื่อฟังคำสั่งรัฐมนตรี 3. รัฐมนตรีขาดความรู้ความเข้าใจ ขาดข้อมูลที่รอบด้านในการตัดสินใจแก้ปัญหาประชาชน รับฟังเพียงหน่วยราชการที่ไม่ฟังเสียงประชาชน รัฐมนตรีจึงเป็นเพียงเครื่องมือให้ราชการกำกับ ชี้นำ ให้ดำเนินการเท่านั้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net