Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

การยื้อยึดฉุดกระชากการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีมาโดยตลอด จนล่าสุดรัฐสภาได้มีการผ่านวาระที่ 2 ไปเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อรอการลงมติในวาระที่ 3 ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าต้องทิ้งระยะเวลาไว้ไม่น้อยกว่า 15 วัน แต่ในขณะเดียวกันรัฐสภาก็ได้มีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่าจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าขัด ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญฯนี้ก็ต้องตกไป ก่อนที่จะพูดถึงอนาคตผมจะขอนำข้อมูลของรัฐธรรมนูญในอดีตมาเสนอก่อน ดังนี้

นับแต่คณะราษฎรได้เข้าเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อ 24 มิถุนายน 2475  เราเริ่มจากการมีพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ซึ่งประกาศใช้เมื่อ 27 มิถุนายน 2475 แล้วได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรก คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475  เมื่อ 10 ธันวาคม 2475  และมีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดถึง 13 ปี 4 เดือน 29 วัน โดยถูกยกเลิกเมื่อ 9 พฤษภาคม 2489  ซึ่งเป็นการยกเลิกโดยสันติวิธี คือ สภาผู้แทนราษฎรได้เอารัฐธรรมนูญฉบับนี้มาแก้ไขปรับปรุงใหม่ทั้งหมดแล้วนำไปประกาศใช้แทนคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 แต่ก็ใช้ได้เพียง 1 ปี 6 เดือน ก็ถูกยกเลิกโดยการรัฐประหารภายใต้การนำของพลโทผิน ชุณหะวัณ

ต่อจากนั้นก็มีรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นผลพวงจากการรัฐประหารดังกล่าวอีกสองฉบับคือ  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ฉบับใต้ตุ่มของหลวงกาจสงคราม) เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2490 และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 เมื่อ 23 มีนาคม 2492ก่อนที่จะถูกยกเลิกโดยการรัฐประหารภายใต้การนำของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งได้นำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2475  มาแก้ไขปรับปรุงใหม่แล้วประกาศใช้โดยใช้ชื่อว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 เมื่อ 8 มีนาคม 2495 แล้วก็ถูกยกเลิกโดยการรัฐประหารภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อ 20 ตุลาคม 2501

ต่อมาเมื่อ 28 มกราคม 2502 จึงมีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแต่มีอายุการใช้งานถึง 9 ปี 4 เดือน  23 วัน และมีบทบัญญัติเพียง 20 มาตรา และที่ร้ายที่สุดก็คือ มาตรา 17 ที่ให้อำนาจพิเศษแก่นายกรัฐมนตรี ที่จะสั่งประหารชีวิตใครก็ได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับนี้ใช้เวลาถึงเกือบสิบปีจึงได้ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 ออกมาใช้ 

แต่ก็ใช้อยู่ได้ไม่นานนักจอมพลถนอม กิตติขจรก็ทำรัฐประหารตนเองเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2514แล้วนำเอาธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราชปี 2502 มาปัดฝุ่นแล้วเพิ่มเป็น 23 มาตรา โดยพ่วงเอามาตรา 17 เดิมมาด้วย ประกาศใช้เป็น ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 เมื่อ 15 ธันวาคม 2515  ซึ่งก็จบลงด้วยเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 

หลังจากนั้นก็มีการประกาศใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 เมื่อ 7 ตุลาคม2517แต่ก็ใช้บังคับเพียง 2 ปีก็ถูกรัฐประหารอีกโดย คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ภายใต้การนำของพลเรือเอกสงัด ชะลออยู่ เมื่อ 6 ตุลาคม 2519

ต่อจากนั้นก็มีการประกาศใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 เมื่อ 22 ตุลาคม 2519 แต่ใช้ได้เพียงปีเดียวก็ถูกรัฐประหารอีกโดยคณะปฏิรูปการปกครองกลุ่มเดิมนั่นเอง แล้วมีการประกาศใช้ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2520 ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้จัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 มาใช้แทนเมื่อ  22 ธันวาคม 2521

รัฐธรรมนูญ ปี 21 ก็ถูกรัฐประหารอีกเมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ภายใต้การนำของพลเอกสุนทร  คงสมพงษ์ และได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 เมื่อ 1 มีนาคม 2534และได้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ออกมาประกาศใช้แทนเมื่อ 9 ธันวาคม 2534 ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานได้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2535

ต่อมาได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2534 เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยประกาศใช้เมื่อ 11 ตุลาคม 2540 คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พุทธศักราช 2540 ที่เราเรียกกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับธงเขียวหรือรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนั่นเอง

ต่อมาได้เกิดการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ภายใต้การนำของพลเอกสนธิ บุณยรัตกลิน และได้มีการประกาศเมื่อ 1 ตุลาคม 2549ให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 แทน พร้อมกับการยกร่างและประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 เมื่อ  24 สิงหาคม 2550 คือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550

ล่าสุดก็ได้มีการรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และได้มีประกาศเมื่อ22 กรกฎาคม 2557 ให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 พร้อมกับการยกร่างและประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 เมื่อ 6 เมษายน 2560 คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ฉบับที่อยู่ระหว่างการแก้ไขนี้เอง


จะแก้รัฐธรรมนูญ 60 ได้หรือไม่

การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาผมเห็นว่ามีปัญหาแล้วว่าศาลเป็นที่ปรึกษากฎหมายไปแล้วหรือ แต่เอาล่ะเมื่อรับคำร้องแล้วออกคำสั่งเรียกนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ., นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขานุการกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2540, นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตเลขานุการกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และนายอุดม รัฐอมฤต กรธ.ให้ทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่กำหนด ผมถามว่าในฐานะอะไรเหรอครับ จะว่าเป็นฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ใช่ เพราะคู่กรณี (คู่ความ) ก็ไม่ได้ร้องขอ จะว่าเป็นการถามปัญหาข้อกฎหมายก็เป็นสิ่งที่ศาลจะต้องรู้เอง ถ้าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงก็ว่าไปอย่าง  ที่สำคัญเวลามีปัญหาการตีความรัฐธรรมนูญไม่มีที่ไหนในโลกหรอกครับที่ให้ผู้ร่างมาตีความหรือมาชี้แจงเพราะเขาพ้นหน้าที่ไปแล้ว อย่างมากก็แค่หาเจตนารมณ์ในการร่างจากรายงานการประชุมเท่านั้น อ้อ ถ้าเขาไม่ทำคำชี้แจงมาล่ะครับ จะว่าอย่างไร

แน่นอนว่านายมีชัยก็ต้องเห็นว่าเพิ่งใช้มาไม่ควรร่างใหม่ (ก็แหงละครับ จะต้องปกป้องงานของตัว) จึงเกิดการวางแผนให้มีการส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ และเรียกนายมีชัยกับพวกมาให้ข้อมูล เพื่อเอาเข้าสำนวน แล้ววินิจฉัยว่าการตั้ง สสร.ร่างใหม่ทั้งฉบับทำไม่ได้ ให้แก้รายมาตราเท่านั้น โดยห้ามแตะหมวด 1,2

กล่าวโดยสรุปก็คือการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 60 ครั้งนี้ทำไม่ได้แน่นอน และโอกาสที่จะแก้ไขแม้จะเป็นรายมาตราก็ยังคงยากเข็ญอยู่ดี เพราะลำพังเสียงของฝ่ายรัฐบาลกับ สว.อยากจะแก้ก็แก้ไม่ได้ ต้องได้เสียงจากฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบเห็นชอบอีกด้วย 

ฉะนั้น ในเมื่อรัฐสภาทำไม่ได้ ก็คงเหลือเพียง 2 วิธี คือ ถ้าไม่ถูกฉีกโดยทหารก็ถูกฉีกประชาชนเท่านั้นเอง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net