Skip to main content
sharethis

'ไผ่ ดาวดิน' โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ "ศาลไม่ให้ประกัน ไผ่ ไมค์ รุ้ง สู้ๆ นะทุกคน" หลังอัยการฟ้องคดี ม.112 ม.116 แกนนำม็อบ #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร มธ. ขอรัฐคำนึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกจับกุม ส.ส.ก้าวไกล-นักวิชาการ เตรียมใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัว ชี้ไม่ควรมีใครสักคนเดียวต้องถูกคุมขังระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี 'ปิยบุตร' ให้กำลังใจยันปล่อยตัวชั่วคราวเป็นสิทธิพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม

8 มี.ค.2564 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วันนี้ เมื่อเวลา 12.45 น. พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีข้อหาหลักตามมาตรา 112 และ 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จากการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ต่อราษฎรทั้ง 18 ทั้งนี้ ต้องจับตาว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งการประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของจำเลยในคดีอาญา ที่ศาลยังไม่พิพากษาว่ามีความผิด

ศูนย์ทนายฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีนี้ มีผู้ถูกดำเนินคดีข้อหาหลักตามมาตรา 112 และ 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญาทั้งหมด 7 คน ซึ่งอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลในส่วนของอานนท์ นำภา, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม และพริษฐ์ ชิวารักษ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะนี้ทั้งหมดถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีโดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว และในวันพรุ่งนี้ อัยการจะยื่นฟ้องผู้ต้องหาอีก 3 คน ในข้อหาเดียวกัน ได้แก่ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก

โดยเมื่อเวลา 15.18 น.  จตุภัทร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า "ศาลไม่ให้ประกัน ไผ่ ไมค์ รุ้ง สู้ๆ นะทุกคน"

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เวลา 16.30 น. ศาลอาญาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี 15 ประชาชนที่ถูกฟ้อง ม.116 เป็นข้อหาหลัก ในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร หลังทนายยื่นประกันด้วยตำแหน่งสส.และอาจารย์ในวงเงินคนละ 35,000 บาท ศาลนัดพร้อม 15 มี.ค. 64 เวลา 09.00 น. และนัดตรวจพยานหลักฐาน 29 มี.ค. 64

สำหรับนี้ 15 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาหลักคือ “ยุยงปลุกปั่น” มาตรา 116 และ “มั่วสุมกันมากกว่า 10 คนขึ้นไป” มาตรา 215 ของประมวลกฎหมายอาญา โดยผู้ต้องหา ได้แก่ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์, ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, ชูเกียรติ แสงวงศ์, “แอมป์” ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, ณัทพัช อัคฮาด, ธนชัย เอื้อฤาชา, ธนพ อัมพะวัติ, ธานี สะสม, ภัทรพงศ์ น้อยผาง, สิทธิทัศน์ จินดารัตน์, สุวรรณา ตาลเหล็ก, อะดิศักดิ์ สมบัติคำ, “ฟอร์ด เส้นทางสีแดง” อนุรักษ์ เจนตวนิชย์, ณัฐชนน ไพโรจน์ และ “แอมมี่” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ ซึ่งขณะนี้ถูกฝากขังระหว่างสอบสวนในคดีเผารูปกษัตริย์รัชกาลที่ 10 หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

เดิมทั้ง 15 คน ถูกแจ้งเพียงมาตรา 215 เป็นข้อหาหลัก ก่อนที่พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม จะออกหมายเรียกและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม 14 คน เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 64 ส่วน “แอมมี่” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ นั้น พนักงานสอบสวนเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 116 เพิ่มเติมที่ สน.พหลโยธิน ในวันที่ 3 ก.พ. 64

เป็นที่น่าจับตาว่า ถ้าอัยการยื่นฟ้องคดีคดีมาตรา 112 ของ 3 แกนนำ ทั้งสามคนจะได้รับการประกันตัวตามสิทธิของจำเลยที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่ามีความผิดต้องได้รับหรือไม่ ในเมื่อก่อนหน้านี้ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัวอานนท์, สมยศ, พริษฐ์ และปติวัฒน์ แม้จะยื่นประกันตัวทั้งหมด 4 ครั้ง และอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันอีก 2 ครั้ง ในระยะเวลา 1 เดือน

รวมทั้งในส่วนของนักกิจกรรมอีก 15 คน หากอัยการยื่นฟ้องในข้อหาตามมาตรา 116 พร้อมกับ 3 แกนนำ ก็ต้องจับตาเช่นกันว่า พวกเขาจะได้รับการประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดีหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในคดีมาตรา 116 จากการชุมนุมหลังการชุมนุม “เยาวชนปลดแอก” เมื่อ 18 ก.ค. 63 ซึ่งมีการยื่นฟ้องคดีจากการชุมนุม “เด็กพูดผู้ใหญ่ฟัง” ที่ จ.อุบลฯ เป็นคดีแรก นักกิจกรรม 2 รายก็ได้รับการประกันตัวในระหว่างพิจารณาคดี

ในจำนวนผู้ต้องหา 18 ราย ที่อัยการจะยื่นฟ้องในวันพรุ่งนี้ เป็นนักศึกษาจำนวน 5 ราย ซึ่งพวกเขายังมีภาระในการศึกษา หากไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว จะส่งผลกระทบต่ออนาคตทางการศึกษาของพวกเขาเป็นอย่างมาก ทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำผิด

มธ. ขอรัฐคำนึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกจับกุม

ขณะที่วันนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์ ขอให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คำนึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกจับกุม พิจารณาให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี

ส.ส.ก้าวไกล-นักวิชาการ เตรียมใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัว ชี้ไม่ควรมีใครสักคนเดียวต้องถูกคุมขังระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี 

ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานด้วยว่า  ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 พนักงานอัยการได้นัด 18 นักกิจกรรมกลุ่มคณะราษฎร ผู้ถูกกล่าวหาในคดีชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร มาฟังคำสั่งในคดี ในการนี้ เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย โดยผลสรุปคือพนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องคดีทั้ง 18 คน โดย 3 คน ได้แก่ ปนัสยา, ภาณุพงศ์ และจตุภัทร์ ถูกสั่งฟ้องในมาตรา 112 มาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ ส่วนอีก 15 คน ถูกสั่งฟ้องในมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ

ภายหลังจากที่ได้ฟังคำสั่งในคดีที่สำนักงานอัยการเสร็จสิ้นแล้ว ราษฎรที่ถูกกล่าวหาทั้ง 17 คนได้เดินเท้ามาที่ศาลอาญาเพื่อมาฟังการพิจารณาของศาลว่าจะมีการอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งในกรณีของ แอมมี่-ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ไม่ได้ร่วมเดินเท้ามากับนักกิจกรรมคนอื่นๆ เนื่องจากได้ถูกคุมขังไว้ก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ติดตามมาให้กำลังใจเพื่อนๆ ที่ถูกสั่งฟ้องกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

เบญจา กล่าวว่า อยากเน้นย้ำว่าราษฎรที่ถูกดำเนินคดีทั้ง 18 คน ต้องได้รับการประกันตัวตามสิทธิ เพราะไม่ควรมีใครสักคนเลยที่ต้องถูกคุมขังระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี ตามหลักการสากล และวันนี้ตนเองและเพื่อน ส.ส.พรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่งจะอยู่ที่ศาลอาญาเพื่อร่วมสังเกตการณ์และได้เตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้วเพื่อใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวราษฎรทั้ง 18 คน โดยตนเองหวังว่าศาลท่านจะอนุญาตให้ประกันตัวตามสิทธิที่ทุกคนควรได้รับ

ทั้งนี้ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เตรียมใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวราษฎรทั้ง 18 คนด้วย โดย ส.ส.ที่จะใช้ตำแหน่งประกันตัวของพรรคก้าวไกล ประกอบไปด้วย เบญจา แสงจันทร์, รังสิมันต์ โรม, พันตำรวจตรีชวลิต เลาหอุดมพันธ์ , ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ และณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ รวมทั้งได้มีคณาจารย์-นักวิชาการจากหลากหลายมหาวิทยาลัยทั้งจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และมหิดล ได้เตรียมใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวด้วยเช่นเดียวกัน

'ปิยบุตร' ให้กำลังใจยันปล่อยตัวชั่วคราวเป็นสิทธิพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม

ทีมสื่อคณะก้าวหน้ารายงานด้วยว่า เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เดินทางเข้าเฝ้าสังเกตการณ์และให้กำลังใจ พร้อมระบุว่ากลุ่มนักกิจกรรมที่ถูกกล่าวหาในคดีหลายคนเป็นผู้ต่อสู้ร่วมกันมาอย่างยาวนาน อาทิ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ซึ่งร่วมรณรงค์ “Vote No” ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ อดิศักดิ์ สมบัติคำ ณัทพัช อัคฮาด เคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ และชินวัตร จันทร์กระจ่าง ซึ่งเคยทำงานกับเยาวชนเครือข่ายของพรรคอนาคตใหม่ จังหวัดนนทบุรี แต่เมื่อพรรคถูกยุบทุกคนก็ออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป

ปิยบุตรยังระบุว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้ในการจับกุมคุมขังผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งไม่เป็นประโยชน์และจะยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลายมากขึ้น

“การใช้ ป.อาญา ม.112 ห้ำหั่นกันแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลย หากคิดว่าจะต้องจัดการเอากฎหมายปิดปาก ผมเห็นว่าวิธีการนี้ปิดปากไม่ได้ ถ้าเห็นว่าพวกเขามองสถาบันไม่เหมือนคนรุ่นก่อน การเอาไปขังคุกไม่ช่วยอะไร ไม่มีทางเปลี่ยนวิธีคิดแน่นอน ยิ่งจับยิ่งบานปลาย ยิ่งยัดข้อหายิ่งบานปลาย อยากฝากผู้มีอำนาจทั้งหลายคิดทบทวนให้ดี การเอา ม.112 หรือ ม.116 มาปิดปาก ไม่ได้ประโยชน์ต่อใครเลย ต่อให้แกนนำถูกจับกุม การชุมนุมก็เดินหน้าต่อ” 

ปิยบุตร อธิบายว่าการใช้กฎหมายความมั่นคงไม่สามารถสร้างทัศนคติที่ดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ แต่การเปิดพื้นที่ให้พูดคุยกันอย่างปลอดภัยต่างหากคือทางออก พร้อมบอกว่าผู้มีอำนาจไม่ควรมองว่ากลุ่มนักกิจกรรมที่มีความคิดเห็นวิพากย์วิจารณ์รัฐบาลเป็นอาชญากร แต่เป็นผู้ที่อยากให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและเป็นประชาธิปไตยต่างหาก

“อยากฝากถึงบุคคลผู้มีอำนาจกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด หลักใหญ่ใจความที่ควรคำนึงถึงคือกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร เป็นคนที่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง อยากให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลง เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ใช้เสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ หากคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพเป็นหลักก็จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง นอกจากนั้นแล้วตามรัฐธรรมนูญสันนิษฐานไว้ว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ก่อน สิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราวเป็นสิทธิพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม คนฆ่าคนตาย หรือค้ายาเสพติด ยังได้รับการปล่อยชั่วคราว คนเหล่านี้ถูกกล่าวหาในคดีการเมืองแต่กลับไม่ได้รับปล่อยตัว” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทิ้งท้าย

ทั้งนี้ อัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลในคดีลักษณะเดียวกันกับ อานนท์, สมยศ, ปติวัฒน์ และพริษฐ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีโดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน สำหรับวันนี้มีผู้ถูกดำเนินคดีข้อหาหลักตามมาตรา 112, 116 ประกอบด้วย ปนัสยา จตุภัทร์ ภาณุพงศ์ ด้านผู้ต้องหาอีก 15 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาหลักคือ มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น และ มาตรา 215 มั่วสุมกันมากกว่า 10 คนขึ้นไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net